สำหรับ “ธิโบต์ กูร์กตัวส์” ผู้รักษาประตูของสโมสรเรอัล มาดริด ที่เซฟในจังหวะสำคัญ จนพาพลพรรค “ราชันชุดขาว” ครองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญ ที่ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการเสียประตู
โดยช่วงนี้ ... เราลองไปดูเส้นทางลูกหนังของเขากันหน่อยว่า เขาต้องผ่านความยากลำบาก และการพิสูจน์ตัวเองอะไรมาบ้าง กว่าจะก้าวมาเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกเหมือนทุกวันนี้ เผื่อเป็นแรงบันดาลใจ และตัวอย่างให้ใครหลายๆคน
“ทุกวันนี้ การเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู มีความยากขึ้น”
กูร์กตัวส์ เกิด และเติบโตที่เมืองบรี ประเทศเบลเยี่ยม เกิด ครอบครัวของเขาเป็นนักกีฬากันทั้งบ้าน โดยพ่อ, แม่ และพี่น้องของเขาผ่านการเล่นวอลเลย์บอลระดับอาชีพมาแล้ว อย่างไรก็ตาม เขากลับเลือกเข้าสู่เส้นทางฟุตบอล
“ทุกคนในครอบครัวของผมเป็นนักวอลเลย์บอล” กูร์กตัวส์ เริ่มเล่า “ย้อนกลับไปตอนที่ผมยังเป็นเด็กนั้น ผมชอบเล่นวอลเลย์บอลชายหาด ผมชอบที่จะอยู่บนพื้นทราย รวมถึงยังชอบกระโดดบนนั้น นอกจากนี้ ผมยังชอบเล่นฟุตบอลด้วย”
กูร์กตัวส์ เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนระดับท้องถิ่น ก่อนที่จะก้าวมาเล่นกับอะคาเดมี่ของทีมดังอย่างเกงค์ โดยเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ผลสุดท้าย เขาค้นพบตัวเอง ด้วยการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทักษะการเล่นวอลเลย์บอลในวัยเด็ก สามารถประยุกต์ใช้กับการใช้มือของนายทวารได้
จากนั้น กูร์กตัวส์ ประเดิมลงเฝ้าเสากับทีมชุดใหญ่ของเกงค์ ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี กับอีก 341 วันเท่านั้น ต่อยอดสู่การก้าวเป็นนายทวารตัวหลัก พร้อมกับพาทีมซิวแชมป์ลีกสูงสุดเป็นผลสำเร็จ และพ่วงด้วยรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมอีกด้วย
“บางที หากผมตัดสินใจเล่นแบ็คซ้ายต่อไป ผมอาจจมปลักอยู่ระดับดิวิชั่น 3 ของเบลเยี่ยม ก็เป็นไปได้ แต่ผมมาอยู่ที่นี่แล้ว” กูร์กตัวส์ เล่าต่อถึงเหตุการณ์หลังจากนั้น เมื่อถูกทางเชลซี สโมสรดังในพรีเมียร์ลีก ดึงตัวไปเฝ้าเสา ก่อนจะปล่อยให้กับแอตเลติโก้ มาดริด ยืมตัวไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์
“เวลาผ่านไปไวมาก ถือเป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน สำหรับผู้รักษาประตูวัย 20 ปี ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเบลเยี่ยม โอเค ลีกนี้อาจไม่แข็งแกร่งเท่าที่อังกฤษ หรือสเปน แต่สำหรับผม มันถือเป็นเรื่องดี” กูร์กตัวส์ เผยความในใจ
หลังจากพาแอตเลติโก้ มาดริด คว้าแชมป์รายการสำคัญอย่างลาลีกา, โกปา เดล เรย์ และยูโรป้า ลีก ตามด้วยการกลับมาที่เชลซี พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และลีก คัพ ปัจจุบัน กูร์กตัวส์ ย้ายมาเฝ้าเสากับยอดทีมระดับโลกกับเรอัล มาดริด ท่ามกลางความคาดหวัง และความกดดันมากมาย เขาค่อยๆผ่านความท้าทายมาทีละด่าน
ฤดูกาลนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของเขากับ “ราชันชุดขาว” เมื่อพาทีมจบที่แชมป์ลาลีกา และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเฉพาะการเป็นแชมป์ยุโรป เขาสร้างสถิติเป็นคนที่เซฟมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ที่จำนวน 61 ครั้ง จากทั้งหมด 13 เกม
กูร์กตัวส์ บอกว่า การเล่นเป็นผู้รักษาประตูในทุกวันนี้ มีความแตกต่างจากช่วงวัยเด็กของเขาอย่างสิ้นเชิง ซึ่งต้องคอยทำหน้าที่หลายอย่าง ไม่ใช่การยืนรอเซฟหน้าปากประตูเพียงอย่างเดียว
โดยกล่าวว่า “หากย้อนเวลากลับไป 15 หรือ 20 ปีที่แล้ว คุณจะพบว่า ผู้รักษาประตูมีความแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ผู้รักษาประตูสมัยนี้ คุณต้องเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์ในแผงหลัง นอกจากนี้ ผู้รักษาประตูต้องออกมาเป็นลิเบโร่ในแนวรับด้วย คุณต้องวิ่งจากกรอบ เพื่อออกไปเอาบอล”
“ผู้คนมีความคาดหวังว่า คุณต้องสงบสติอารมณ์ในการเล่นฟุตบอล และตัดสินใจผ่านบอล แน่นอนว่า คุณไม่มีใครคอยช่วยเหลืออยู่ด้านหลังอีกแล้ว” กูร์กตัวส์ ทิ้งท้าย
