:::     :::

ล้วงลึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีกซีซั่นใหม่

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/23 คลอดโปรแกรมออกมาเป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน

โปรแกรมนัดแรกลงสนามในสุดสัปดาห์ที่ 6 สิงหาคม แต่มีคู่เปิดหัวขยับมาเตะก่อนในคืนวันศุกร์ที่ 5 ส.ค. นั่นคือเกมระหว่าง คริสตัล พาเลซ กับ อาร์เซน่อล

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่จะเป็นฤดูกาลที่ 30 นับตั้งแต่รีแบรนด์มาจากชื่อเดิม "ดิวิชั่น 1" และจะเป็นฤดูกาลที่ต่างจากเดิมเพราะมี "เบรก" ระหว่างฤดูกาลเพื่อหลีกทางให้กับ ฟุตบอลโลก 2022 ที่แข่งในช่วงปลายปี 

นอกจากมีเว้นวรรคระหว่างฤดูกาลแล้ว ยังมีอีกหลายจุดน่าสนใจพอสมควรสำหรับพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ที่รับประกันได้เลยว่าเข้มข้นและเร้าใจไม่แพ้ที่ผ่านมาแน่นอน

1. ลงเล่น 16 นัดก่อนหลีกทางให้ "ฟุตบอลโลก 2022"

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/23 กำหนดให้เบรกเพื่อฟุตบอลโลกหลังจบการแข่งขันในวันที่ 12 และ 13 พฤศจิกายน หรือก่อนนัดเปิดสนามบอลโลกราวสองสัปดาห์ในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน

ทุกทีมจะได้ลงสนาม 16 นัดก่อนหยุดเบรก ซึ่งถ้านับจากนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีกไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน การลงสนามถึง 16 นัดก็ถือว่าค่อนข้างถี่มากทีเดียว

ฤดูกาลที่แล้ว โปรแกรมนัดที่ 16 ลงเล่นในสุดสัปดาห์ที่ 12 ธันวาคม แต่โปรแกรมฤดูกาลใหม่ต้องหวดครบ 16 นัดแรกในเวลาเร็วกว่าเดิมถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว


2. ไม่มี "บิ๊กซิกซ์" เจอกันในสัปดาห์สุดท้ายก่อนบอลโลก

อีเอสพีเอ็น สื่อดังรายงานว่าสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ขอความร่วมไปทางพรีเมียร์ลีกไม่ให้จัดโปรแกรมทีม "บิ๊กซิกซ์" เจอกันในสัปดาห์สุดท้ายก่อนเบรกฟุตบอลโลก 


แนวคิดของเอฟเอคือ ไม่อยากให้แกนหลักทีมชาติที่ส่วนใหญ่อยู่ใน 6 ทีมใหญ่ซึ่งประกอบด้วย แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, สเปอร์ส, อาร์เซน่อล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องบอบช้ำมากในการเล่นให้สโมสรนัดสุดท้ายก่อนไปเข้าแคมป์ทีมชาติ นั่นทำให้ไม่มี 6 ทีมใหญ่เจอกันเองเลย

สำหรับโปรแกรมในสัปดาห์ดังกล่าวเป็นดังนี้

แมนฯ ซิตี้ พบ เบรนท์ฟอร์ด

ลิเวอร์พูล พบ เซาธ์แฮมป์ตัน

นิวคาสเซิ่ล พบ เชลซี

สเปอร์ส พบ ลีดส์

วูล์ฟส์ พบ อาร์เซน่อล 

ฟูแล่ม พบ แมนฯ ยูไนเต็ด


3. กลับมาเตะอีกครั้ง "บ็อกซิ่งเดย์"

นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่กาตาร์จะลงสนามในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม ขณะที่พรีเมียร์ลีกจะกลับมาแข่งขันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 26 ธันวาคมซึ่งเป็นโปรแกรม "บ็อกซิ่งเดย์" พอดี

นอกจากนัดสุดท้ายก่อนเบรกเพื่อฟุตบอลโลกจะไม่มี "บิ๊กซิกซ์" เจอกันแล้ว นัดแรกหลังฟุตบอลโลกปิดฉากก็ไม่มีโปรแกรมเจอกันเองของ 6 ทีมใหญ่อีกด้วย 

โปรแกรมบ็อกซิ่งเดย์ 2022/23 

อาร์เซน่อล พบ เวสต์แฮม 

แอสตัน วิลล่า พบ ลิเวอร์พูล

เบรนท์ฟอร์ด พบ สเปอร์ส

เชลซี พบ บอร์นมัธ 

คริสตัล พาเลซ พบ ฟูแล่ม

เอฟเวอร์ตัน พบ วูล์ฟส์

ลีดส์ พบ แมนฯ ซิตี้

เลสเตอร์ พบ นิวคาสเซิ่ล

แมนฯ ยูไนเต็ด พบ ฟอเรสต์ 

เซาธ์แฮมป์ตัน พบ ไบรท์ตัน 

เช่นเดียวกับโปรแกรมในวันที่ 31 ธันวาคม ที่เป็นนัดสุดท้ายของปี ก็จะไม่มีการเจอกันเองระหว่างทีมบิ๊กซิกซ์


4. แต่ละเดือนเตะกี่นัด

หากแยกโปรแกรมในแต่ละเดือนจะมีบางเดือนที่ลงสนามเพียง 2 นัด และบางเดือนต้องหวดกันถึง 6 เดือน

เดือนที่เล่นน้อยสุด 2 นัดคือพฤศจิกายนที่เป็นโปรแกรมก่อนเบรกให้ฟุตบอลโลก และอีกเดือนคือเดือนธันวาคมที่เป็นหลังจบฟุตบอลโลก

ส่วนเดือนที่แข่บงมากสุดคือตุลาคมซึ่งอัดแน่นมากถึง 6 นัด เช่นเดียวกับเดือนเมษายนที่เป็นเดือนรองสุดท้ายก่อนจบฤดูกาล

โปรแกรมในแต่ละเดือน

สิงหาคม : 5 นัด

กันยายน : 3 นัด

ตุลาคม : 6 นัด

พฤศจิกายน : 2 นัด

ธันวาคม : 2 นัด

มกราคม : 3 นัด

กุมภาพันธ์ : 4 นัด

มีนาคม : 3 นัด

เมษายน : 6 นัด

พฤษภาคม : 4 นัด

 

5. แดงเดือดมาเร็ว

หนึ่งในโปรแกรมที่แฟนบอลต้องกวาดสายตามองหาทันทีเมื่อโปรแกรมฤดูกาลใหม่ปรากฏออกมานั่นคือศึก "แดงเดือด" ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล

ปีนี้แดงเดือดมาเร็วมากในนัดที่ 3 ของฤดูกาลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้เล่นในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับ ลิเวอร์พูล วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคมซึ่งนับตั้งแต่มีพรีเมียร์ลีกเป็นต้นมา นี่คือศึกแดงเดือดที่มาเร็วที่สุด

ก่อนหน้านี้ในฤดูกาล 1998/99 และ 2013/14 ศึกแดงเดือดเกิดขึ้นในเดือนกันยายนซึ่งก็ถือว่าเร็วพอสมควร แต่ฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงได้ใส่กันตั้งแต่สิงหาคมเลย 


6. อาร์เซน่อล เล่นคู่เปิดสนามอีกปี

ในสัปดาห์แรกมีการแยกเวลาแข่งเพื่อการถ่ายทอดสดเป็นที่เรียบร้อยและ อาร์เซน่อล ต้องเล่นเป็นคู่เปิดสนามอีกนัดด้วยไปเยือน คริสตัล พาเลซ ในวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม

ฤดูกาลที่แล้ว "ปืนใหญ่" ก็ต้องเล่นนัดเปิดหัวฤดูกาลใหม่และหัวคะมำตั้งแต่นัดแรกที่ออกไปโดนน้องใหม่ เบรนท์ฟอร์ด ยิงร่วง 2-0 ก่อนเสียหลักต่อเนื่องโดน แมนฯ ซิตี้ ยำ 5-0 และ เชลซี ตบอีก 2-0 

อาร์เซน่อล จึงแพ้รวด 3 นัดแรก เสียไป 9 ประตูและยิงไม่ได้เลย ทว่าสุดท้ายค่อยๆ ไต่อันดับจนมีลุ้นท็อปโฟร์ถึงนัดสุดท้าย แม้จะพลาดหวังได้เพียงที่ 5 แต่ก็ดีมากแล้วเมื่อเทียบกับการเริ่มต้นมือเปล่าใน 3 นัดแรก

7. การเริ่มต้นที่ไม่ง่ายของ เอริค เทน ฮาก

หนึ่งในทีมที่น่าจับตามองมากที่สุดในฤดูกาล 2022/23 คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องเริ่มยุคใหม่ภายใต้การนำของ เอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ที่เข้ามารับงานต่อจาก ราล์ฟ รังนิก


โปรแกรมรับน้องกุนซือผีแดงถือว่าหนักเอาเรื่องเพราะต้องรับมือ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่นัดที่ 3 ซึ่งโปรแกรมนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็น "หงส์แดง" บุกขยี้ "ผีแดง" ถึง 5-0 

10 นัดแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยุค เทน ฮาก ต้องไปเยือน เลสเตอร์ และ เอฟเวอร์ตัน รวมถึงเป็นเจ้าบ้านต้อนรับ อาร์เซน่อล ขณะที่ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ กับ แมนฯ ซิตี้ ก็หวดกันในวันที่ 1 ตุลาคม 

8. ทีมใดเจอโปรแกรมยากสุดในต้นซีซั่น

คริสตัล พาเลซ เจอโปรแกรมสุดโหดในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลเพราะใน 4 นัดแรกเริ่มที่รับมือ อาร์เซน่อล ต่อด้วยไปเยือน ลิเวอร์พูล จากนั้นกลับมาเล่นในบ้านพบ แอสตัน วิลล่า และไปเยือน แมนฯ ซิตี้ 

นอกจากนี้โปรแกรมใน 9 นัดแรกก็ต้องไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ทีมที่ถูกมองว่าจะกลายเป็นทีมใหญ่ทีมใหม่ รวมถึงเล่นในบ้านพบ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี

เซาธ์แฮมป์ตัน ก็เจองานหนักไม่น้อยเพราะใน 5 นัดแรกมีเจอทั้ง สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี 

อีกทีมที่เตรียมปวดหัวตั้งแต่เริ่มฤดูกาลคือ บอร์นมัธ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นกลับมา โดยหลังนัดแรกกับ แอสตัน วิลล่า เสร็จสิ้นก็ต้องเจอทีมใหญ่ 3 นัดรวดทั้ง แมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล 


9. ท้ายฤดูกาลใครงานหนัก

เบรนท์ฟอร์ด ที่เอาตัวรอดได้ดีในฤดูกาลที่แล้ว น่าจะกังวลมากสุดกับโปรแกรมในช่วงท้ายฤดูกาลใหม่

ใน 6 นัดสุดท้าย ลูกทีมของ โธมัส แฟร้งค์ ต้องเจอกับ เชลซี, ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม, สเปอร์ส และ แมนฯ ซิตี้ โดยมีเพียงเกมกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่อาจจะพอได้หายใจหายคอบ้าง 

กองเชียร์เบรนท์ฟอร์ด ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น อย่าให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องลุ้นหนีตกชั้นเลยเพราะด้วยโปรแกรมที่ต้องเอาไม้ซีกไปงัดไม่ซุงแบบนี้ ก็รอดยากแน่! 


10 สองทีมเต็งลุ้นแชมป์ เจอกันเมื่อไหร่ 

โปรแกรมสองนัดสำคัญที่แฟนบอลห้ามพลาดคือการเจอกันระหว่างสองทีมเต็งลุ้นแชมป์และเป็นสองทีมที่ดีที่สุดในเวลานี้นั่นคือ "แชมป์เก่า" แมนฯ ซิตี้ และ "รองแชมป์" ลิเวอร์พูล

ฤดูกาลที่แล้ว ทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสมศักดิ์ศรีสุดๆ เต็มไปด้วยคุณภาพ ก่อนเสมอ 2-2 ทั้งสองนัด 

ส่วนในฤดูกาลใหม่ มหาศึกที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์อย่างมากจะเริ่มที่ ลิเวอร์พูล เล่นที่แอนฟิลด์ในวันที่ 15 ตุลาคม ส่วนเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม กำหนดไว้วันที่ 1 เมษายน ปีหน้า 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด