:::     :::

27 มิถุนายน

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2565 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
1,519
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จันทร์นี้ (27 มิถุนายน) ถือเป็น 'D-Day' รวมพลนักเตะของ เอริก เทน ฮาก ตามที่ประกาศิตตอนให้สัมภาษณ์ช่วงเปิดตัวกับสโมสร

เป็นวันที่แฟนบอลหลายคนจับตามอง (นอกเหนือจากตลาดนักเตะที่ยังนิ่งสนิทมีแค่ข่าวลือ หรือคำจำพวก 'จ่อ' 'เกือบ' 'ใกล้' 'ขยับ' 'เตรียม' ฯลฯ ให้เห็นในช่วงนี้) เพราะมันคือวันแรกในฐานะกุนซือใหญ่แห่งรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่จะได้เจอกับลูกทีมอย่างเป็นทางการ

แม้การรวมพลวันแรกยังไม่ได้พบทุกๆ คนในทีมเพราะทาง เทน ฮาก ถึงจะมีบุคลิกเข้มขรึมเจ้าระเบียบ แต่เขาก็ยังมีความ 'เป็นคน' ที่มองเห็นความสำคัญและห่วงสุขภาพของลูกทีม โดยเฉพาะบรรดานักเตะตัวทีมชาติที่กว่าจะได้พักก็เพิ่งเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาจึงมีบางส่วนยังคงได้ทอดน่องพักผ่อนชาร์จพลังต่อไปอีกระยะ และค่อยมารายงานตัวหลังจากนั้น

ที่น่าสนใจคือนักเตะกลุ่มแรกที่จะได้พบปะพูดคุยกับ เทน ฮาก ในสนามซ้อมอย่างเป็นทาง และเป็นกลุ่มแรกที่ได้ลองรูปแบบการฝึกสอนของกุนซือวัย 52 ปี

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่มีการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ กระแสข่าวส่วนมากโน้มเอียงไปยังตลาดซื้อขายนักเตะเพราะอย่างที่ทราบกันดีทีมที่ชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกจับตามองเป็นพิเศษ และเป็นสโมสรที่มักถูกสื่อนำไปโยงเนื่องจากขายได้ดี (แม้ผลงานจะแย่)

บวกกับแรงกดดันภายนอกที่หมดความอดทนในขั้นตอนที่ล่าช้า ส่งผลให้มีเสียงบ่นดังระงม หลายคนหงุดหงิดงุ่นง่านกับการดำเนินงานซึ่งไม่ต่างจากสมัย เอ็ด วูดเวิร์ด






เรื่องนี้เพิ่งเป็นประเด็นร้อนในโซเชียล มีเดีย เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน หลังจากมีแฟนบอลปิศาจแดงเดินทางไปบาร์ใกล้กับบ้าน ริชาร์ด อาร์โนลด์ ทำให้ซีอีโอแห่งรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้องออกมาเจอและเลี้ยงเครื่องดื่มพร้อมอธิบายถึงความเป็นไปของสโมสร

มีทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งวิดีโอ ออกมามากมายรวมไปถึงคำพูดจากซีอีโอใหญ่ที่กล่าวกับแฟนบอลท้องถิ่น แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือการเสริมทัพที่ 'ดูเหมือน' ขยับตัวช้ากว่าทีมอื่นๆ 

หลังจากรายงานออกมา และแม้ว่าจะมีการอธิบายจากฝ่ายบริหารสโมสร แต่แฟนบอลยังคงวิจารณ์ไปหลายทิศทาง ทั้งในแง่ของการเสริมทัพที่ตอนนี้ยังคงนิ่งสนิท ไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นไป หรือแม้แต่วิธีการดำเดินงานที่ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า 'ทำไม' ถึงล่าช้าเช่นนี้

แน่นอน ทุกอย่างต้องมีขั้นมีตอนของมัน แต่ฝ่ายที่มองว่าล่าช้าได้นำไปเปรียบเทียบกับกรณีของสโมสรอื่นๆ ที่เดินหน้าเสริมทีมต่อเนื่อง มากบ้างน้อยบ้างแต่ทีมเหล่านั้นก็เริ่มขยับขยายสร้างทีมสำหรับซีซั่นใหม่

บวกกับผลงานอันเละเทะไม่เป็นท่าในซีซั่นล่าสุดยิ่งเพิ่มอารมณ์และเป็นตัวจุดประกายได้ดี ซึ่งเมื่อนำมารวมกับสิ่งที่กำลังเป็นไปในตอนนี้จึงไม่แปลกที่โพสต์ต่างๆ บนโซเชียล มีเดีย (จากทุกช่องทาง) ส่วนใหญ่ของสโมสรจะมีแต่คำถามเรื่องนักเตะใหม่มากกว่าสนใจประเด็นที่สโมสรอยากนำเสนอ (ยกเว้นกรณีดราม่าบัตรเข้าชมที่พร้อมใจพุ่งตรงไปยัง 'คนๆ นั้น')

อย่างที่เคยกล่าวผ่านคอลัมน์ก่อนหน้าว่าช่วงพรีซีซั่นรอบนี้ทีมงานเจรจาดึงนักเตะควรจะออกตัวหรือดำเนินการให้เร็ว เพราะอย่าลืมหลังจากรวมพลวันจันทร์นี้ ให้หลังไปประมาณ 10 วันนักเตะและทีมงานต้องเดินทางออกทัวร์ทวีปเอเชียซึ่งเป็นจุดหมายแรก





ตามที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรลงข่าวไว้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา - 8 กรกฎาคมคือวันที่พวกเขาจะออกเดินทางมายังประเทศไทย

บางคนอาจจะถามว่า 'แล้วทำไมล่ะ? มันเกี่ยวอะไรกับการดึงนักเตะใหม่ จะเดินทางไปทัวร์เก็บตัวก็ไปสิ ทีมงานก็เจรจากันไป ไม่เกี่ยวกัน'

จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่อย่าลืมมองในมุม 'นักเตะ' ใหม่เหล่านั้นก็ต้องการการปรับตัวทำความรู้จักเพื่อนร่วมทีมใหม่ หลอมรวมกับบรรยากาศภายในทีม และที่สำคัญคือการฝึกซ้อมร่วมกันซึ่งนี่คือประเด็นสำคัญที่สุด ทุกอย่างมันคือชีวิตจริงไม่ใช่เกมออนไลน์ หรือเกมดังอย่าง 'Football Manager' ที่จัดการคว้านักเตะปุ๊ปส่งลงปั๊ปได้โดยไม่ต้องมีการฝึกซ้อมหรือปรับตัวใดๆ 

หากมีเวลาเตรียมตัวหรือเตรียมพร้อมมากพอจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งนักตะและสโมสรในการปรับเข้าหากัน ที่สำคัญคือนักเตะใหม่ที่เข้ามาจะโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษอย่างแน่นอน ดังนั้นหากเกิดข้อผิดพลาดในแง่ที่เลวร้ายที่สุดนั่นคือผลงานไม่เป็นตามคาดไว้ ถนนทุกสายจะพุ่งตรงไปเล่นงาน 'คนๆ นั้น' อย่างไม่ต้องสงสัย

ที่สำคัญอีกหนึ่งจุดคือในแง่ของ เทน ฮาก ที่จะได้ทีมตามตนเองต้องการ นำนักเตะใหม่มาหลอมรวมกับแข้งปัจจุบัน ก่อนจะพิจารณาถึงรูปแบบที่ดีที่สุดสำหรับทีม ค่อยๆ กลั่นออกมาให้เป็นไปตามที่ตนเองปรารถนา ซึ่งทุกอย่างมันสอดคล้องกันจนแทบแยกไม่ออก 

ช่วงเวลาก่อนเดินทางจึงอยากเห็นนักเตะใหม่ย้ายร่วมทีม 'อย่างเป็นทาง' และพร้อมเก็บกระเป๋าเดินทางออกทัวร์กับสโมสร ซึ่งตอนนี้ก็คงทำได้เพียงภาวนาให้เกิดขึ้นจริงตามที่หวัง





กลับไปที่การฝึกซ้อมซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์นี้ 

แว่วข่าวจาก เดอะ มิร์เรอร์ ระบุ เทน ฮาก ขยับในส่วนของตนเองโดยเฉพาะรูปแบบของสนามซ้อมที่ส่งเรื่องให้ทีมดูแลปรับปรุง 'ผืนหญ้า' ตามที่ตนเองอยากได้

ในรายงานจากสื่ออังกฤษเน้นว่า เทน ฮาก ให้ทีมงานดูแลปรับความสูงหญ้าในสนามซ้อมให้มีขนาด 15 มิลลิเมตร โดยสาเหตุเป็นเพราะนายใหญ่รายนี้ต้องการให้ลูกทีมฝึกการส่งลูกที่จะมีการปรับระดับเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

หากพิจารณาตามรายงานข้างต้นถือเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุด เพราะการผ่านบอลในซีซั่นล่าสุดเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ไร้ซึ่งการปะติดปะต่อไม่ไหลลื่น ดูขัดตาและงุ่นง่านเสมอเมื่อดูทีมลงแข่ง นั่งจึงเป็นรูปแบบที่นักเตะปิศาจแดงต้องเร่งแก้ไข และทาง เทน ฮาก ตระหนักเป็นอย่างดี

ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือรูปแบบการเรียกความฟิตของเทรนเนอร์ชาวเนเธอร์แลนด์ โดยสื่อระบุว่า เทน ฮาก ชื่นชอบให้นักเตะได้ลงสนามฝึกซ้อมกับลูกบอลมากกว่าไปออกกำลังในโรงยิม 

เรื่องดังกล่าวมีเหตุผลรองรับว่า เทน ฮาก จะสามารถประเมินสภาพร่างกายของนักเตะได้ด้วยสายตนเอง นอกจากนั้นตัวกุนซือยังสามารถเข้าไปให้คำแนะนำได้ทันทีหากมองว่าคนๆ นั้นยังไม่เป็นตามที่ต้องการ

การฝึกกับลูกบอลยังทำให้นักเตะคุ้นชินจังหวะได้รวดเร็วกว่า ประมาณว่าให้กล้ามเนื้อทำหน้าที่จดจำรูปแบบความเร็วไปเรื่อยๆ ค่อยๆ สะสมก่อนจะเร่งระดับไปยังจุดที่ เทน ฮาก อยากให้เป็นมากกว่าต้องไปนั่งออกกำลังในยิมซึ่งแทบจะไม่ได้ส่งผลต่อรูปแบบของเทรนเนอร์รายนี้

รายละเอียดจะมีมากกว่าที่สื่อรายอย่างแน่นอน ในส่วนนี้คือแผนงานและรูปแบบของกุนซือและทีมงานที่จะดำเนินการภายใน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือพวกเขาต่างมีเป้าหมายในการยกระดับนักเตะให้ดีกว่าที่เคยเห็น และ 'ต้อง' ดีขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รูปแบบใหม่ๆ การซ้อมที่แตกต่างออกไป ทัศนคติเดิมๆ ที่จะถูกขจัดและเสริมสร้างแนวคิดที่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้ต้องสอดประสานทั้งทีมผู้ฝึกสอนและนักเตะ มันจะสำเร็จเห็นผลก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายเปิดรับกันและกัน

สิ่งเหล่านั้นสอดคล้องกับรายของ มิร์เรอร์ ในแง่ของการเสริมสร้างสปิริตในทีมปิศาจแดง สื่อระบุว่า เทน ฮาก มองเห็นบรรยากาศที่ไม่สู้ดีและห่างเหินของนักเตะ ทำให้วัฒนธรรมในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาจกลับมาอีกครั้ง

วัฒนธรรมที่ว่าคือการใช้เวลาร่วมกันให้มากขึ้น ทั้งในส่วนการรับประทานอาหารร่วมกันของทีมงานผู้ฝึกสอนและนักเตะ เนื่องจากที่ผ่านมากุนซือคนก่อนๆ ปล่อยอิสระให้กับคนที่สมัครใจเท่านั้น ซึ่งมีบางคนที่พอซ้อมเสร็จตรงดิ่งกลับบ้านหรือไปฝึกร่างกายต่อในยิมหลังจบการซ้อมรวมมากกว่าไปทานอาหารร่วมกัน





เทน ฮาก และทีมงานของเขาพร้อมดึงวัฒนธรรมเดิมๆ ในยุค 'เฟอร์กี้' มาใช้งานอีกครั้ง ซึ่งต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นไปเช่นไรและบรรยากาศภายในจะดีขึ้นหรือไม่

อ้อ เกือบลืม ในรายงานยังเผยด้วยว่า เทน ฮาก พร้อมจัดโปรแกรมหรือกิจกรรมให้นักเตะทำร่วมกันเพื่อกระชับความกลมเกลียว ซึ่งส่วนตัวมองจุดนี้ว่าต้องดำเนินการไปอย่างรอบคอบเนื่องจากมันมีความละเอียดอ่อน เพราะอย่าลืมยุคสมัยปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก มนุษย์มีกิจกรรมสันทนาการให้ทำมากมาย ทั้งในโลกจริงหรือโลกเสมือนจริง นั่นจึงเป็นที่น่าสนใจว่า 'กิจกรรม' ดังกล่าวที่สื่อระบุจะเป็นที่สนใจของนักเตะหรือไม่ เพราะหากเป็นแค่กิจกรรม 'ฝืนใจทำ' อาจจะส่งผลเสียแทนก็เป็นไปได้

สิ่งเหล่านี้คือประเด็นที่สื่อพยายามนำเสนอนอกเหนือจากตลาดซื้อขายนักเตะที่มีข่าวออกมาแทบทุกชั่วโมง และนับตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป ฤดูกาลใหม่ของปิศาจแดงจะเริ่มต้นอย่างไม่เป็นทางการ มันคือการก้าวสู่ยุค 'เอริก เทน ฮาก' ที่หลายคนจับตามองทั้งเอาใจเชียร์และรอทับถม 

วันเวลาที่ดำเนินไป สิ่งสำคัญที่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด อยากเห็นมากที่สุดคือพัฒนาการของทีมที่รุดหน้า แม้จะไม่มากแต่หากมันค่อยๆ พุ่งสูงขึ้นไปเหมือนกราฟที่ทะยานพร้อมทะลุเพดานไปเรื่อยๆ ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี

นักเตะใหม่ (ที่หวังว่าจะไม่ต้องรอนาน) นักเตะเก่า บวกกับกุนซือป้ายแดง ทุกอย่างคือปัจจัยสำคัญที่จะสอดประสานเพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายของสโมสร



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด