:::     :::

การกลับมาของกองหน้าร่างใหญ่

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน 2565 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,793
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาฟุตบอลอังกฤษมักจะมีกองหน้าร่างใหญ่ที่คอยค้ำเป็นคู่กองหน้ากับตัวเล็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลยุค 90 คุ้นเคยเป็นอย่างดี

         แต่ความสำเร็จของ บาร์เซโลน่า และ ทีมชาติสเปน ในช่วงปลายยุค 2000 ทำให้สโมสรต่างๆเปลี่ยนระบบการเล่นจาก 4-4-2 ไปเป็น 4-3-3 อาศัยความคล่องตัวของผู้เล่นเป็นหลัก นั่นทำให้ไม่จำเป็นต้องมีกองหน้าร่างใหญ่อีกต่อไป

         เพราะในแนวรุกทั้งสามคะสามารถสลับตำแหน่งเล่นกันได้ อย่างล่าสุดเราก็ได้เห็นความสำเร็จของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก ยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แนวรุกไม่มีกองหน้าร่างใหญ่

         จากที่ทุกสโมสรต้องกองหน้ารูปร่างใหญ่ส่วนสูงระดับ 180 เซนติเมตรขึ้นไป เอาไว้ชนกับบรรดาแนวรับร่างใหญ่ แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแทบหาไม่ได้เลย


         การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวการเล่นที่เน้นการครองบอล สวนกลับ ความคล่องแคล่ว แน่นอนว่าการมาของกุนซือต่างชาติมากขึ้นในพรีเมียร์ลีกก็ยิ่งนำแนวทางการทำทีมแบบนี้เข้ามา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

         แต่การที่สองทีมนำอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ที่คว้าตัว เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ (195 เซนติเมตร) กับ ดาร์วิน นูนเญซ (187 เซนติเมตร) ร่วมทีม ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศแบบกองหน้า "เบอร์ 9" ที่กลับมาอีกครั้ง

         ทาง แอนดี้ ฟอร์เรสเตอร์ นักวิเคราะห์ Ai Abacus พูดถึงเรื่องนี้ถึงสมมติฐานปกติคือกองหน้าจะต้องเจอกับกองหลังตัวใหญ่และแข็งแกร่ง ดังนั้นทีมจึงมีการมองหาหัวหอกร่างใหญ่มาไว้ปะทะ

         แต่เนื่องจากทีมมีการเล่นแบบเน้นการครองบอลมากขึ้น ดังนั้นฟุตบอลแบบ "ไดเร็คต์" น้อยกว่า สำหรับตอนนี้อย่างน้อย 10 จาก 20 สโมสรในพรีเมียร์ลีกพยายามตั้งเกมจากแดนหลัง ไม่มีการวางบอลยาวอีก


         ทาง ฮาแลนด์ กับ นูนเญซ อยู่ในประเภทที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ อธิบายถึงว่าเป็น "สัตว์ประหลาดที่มีความสามารถ" ด้วยร่างกายและความเป็นนักกีฬาที่จะชนกับกองหลัง แต่ก็ยังมีทักษะ การเคลื่อนไหวและแนวคิดที่จะจะสร้างความหวาดกลัวให้กับแนวรับและสอยตาข่าย

         กองหน้าเบอร์ 9 ร่างใหญ่ในตำนานฟุตบอลของอังกฤษมีหน้าที่คอยพักบอล ปักหลักและก็เข้าเขตโทษเพื่อเข้าชาร์จลูกครอสจากด้านข้าง แต่ว่ากับ ฮาแลนด์ วัย 21 ปี และ นูนเญซ วัน 22 ปีเป็นมากกว่านั้น พวกเขามีเทคนิคในระดับสูง ความแข็งแกร่งในการชนกับกองหลังและความใจเย็นในการจบสกอร์

         มันเป็นการผสมผสานของคุณลักษณะที่ทำให้พวกเขามีคุณสมบัติที่ร้อนแรงและสิ่งที่เราเคยชินกับการชื่นชม แฮร์รี่ เคน ที่มีความสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว (188 เซนติเมตร)

         ฮาแลนด์ กด 59 ประตูจาก 65 เกมในบุนเดสลีกา เยอรมันให้กับ ดอร์ทมุนด์ และเมื่อฤดูกาที่แล้ว นูนเญซ ทำ 26 ประตูจาก 28 เกมในซูเปอร์ลีกา โปรตุเกสกับ เบนฟิก้า ทั้งคู่คือกองหน้าตัวเป้า พร้อมเล่นเกมโต้กลับแต่ไม่สนที่จะถอยลงมาต่ำเพื่อเอาบอล พวกเขาทำงานของตัวเองที่อีกด้านของสนาม 


         ฮาแลนด์ ตะลุอยู่ในแดนคู่แข้ง เขากระตือรือร้นที่จะไล่ล่าบอลหน้าแผงหลังคู่แข่ง ใช้ความใหญ่ไล่ชน ในฤดูกาล 2020/21 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกโดยไม่ต้องมีกองหน้าตัวเป้าโดยใช้ระบบการเล่นแบบ "ฟอลส์ ไนน์"

         ฤดูกาลที่แล้ว กาเบรียล เชซุส อยู่ในแดนหน้าของ ซิตี้ ในความสำเร็จล่าสุดทำ 8 ประตูจาก 28 เกม แต่ถึงอย่างนั้ยเขาก็เล่นในแนวรุกที่แตกต่างถึง 5 ตำแหน่ง

         ฮาแลนด์ นั้นแตกต่างไปและการเสริมเข้ามาของเขาทำให้ ซิตี้ อันตรายมากขึ้น มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ ลิเวอร์พูล ทำเหมือนกับในการคว้า นูนเญซ ในอีกตัวอย่างหนึ่งของ กวาร์ดิโอล่า และ คล็อปป์ ที่ผลักดันซึ่งกันและกันให้มีผลงานในระดับที่สูงขึ้นในขณะที่พวกเขามองหาการปรับปรุงและความได้เปรียบที่เพิ่มมากขึ้น

         นูนเญซ ก็เป็นสายวิ่งที่แข็งแกร่งและจะมองหาประโยชน์จากการผ่านบอลยาวของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในขณะที่เขาฉีกไปทางซ้ายและตัดเข้ามากดด้วยเท้าขวาของเขา


         แข้งทีมชาติอุรุกวัยยังยอดเยี่ยมในลูกกลางอากาศเขามีความสูงที่พร้อมชนกับกองหลังในเขตโทษและไม่กลัวที่จะสู้ในทุกบอลที่มา

         แม้ทาง ลิเวอร์พูล จะยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในแนวรุกที่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (23 ประตู), ดีโอโก้ โชต้า (15 ประตู) และ ซาดิโอ มาเน่ (16 ประตู) พวกเขาก็ยังมีปัญหาในสเรื่องการครองเกมอยู่บ้าง

         ย้อนกลับไปในเกมที่ทีมเสมอ สเปอร์ส 1-1 ที่แอนฟิลด์ ซึ่งเป็นเกมที่มีความสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ ในเกมนั้นทีมของคล็อปป์ครอสบอล 46 ครั้ง - มากกว่าทุกทีมในลีกต่อหนึ่งเกมในฤดูกาล 2021/22 แต่เอาชนะ อูโก้ โยริส ไม่ได้

         ยังมีส่วนเสริมอีกว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังครอสบอลจากทางขวามากกว่านักเตะทุกคนในลีก แต่นั่นกลับไม่ได้สร้างปัญหาอะไร


         แน่นอนว่าการมาของ นูนเญซ จะทำให้แน่ใจว่าจะมีประตูจากสิ่งนั้นได้

         กองหน้าร่างใหญ่ที่เราได้เห็นพรีเมียร์ลีกในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่อยู่ในที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นหรืออย่างน้อยก็ต้องยิ่งชิงตำแหน่งที่มั่นคงในลีกที่ยากลำบาก

         วูท เวกฮอร์สต์ ของ เบิร์นลี่ย์, คริส วู้ด ของ นิวคาสเซิ่ล, คริสเตียน เบนเตเก้ ของ คริสตัล พาเลซ คือตัวอย่างล่าสุด ย้อนกลับไป 2-3 ปีคุณจะเห็น ปีเตอร์ เคร้าช์ ที่ สโต๊ค ซิตี้, สตีฟ มูนี่ กับ โลร็องต์ เดอปัวต์ ของ ฮัดเดอร์สฟิลด์, แอนดี้ แคร์โรลล์ ของ เวสต์แฮม และ วิคเตอร์ อริเชเบ้ ของ ซันเดอร์แลนด์

         แน่นอนว่าทีมที่ดีที่สุดต่างใช้กองหน้าตัวใหญ่เช่นกัน, ดิดิเยร์ ดร็อกบา ของ เชลซี และ เอดิน เชโก้ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นตัวอย่างที่สำคัญของผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายและเทคนิคที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถจัดการกับคูเซนเตอร์ได้และยังสามารถสร้างโอกาส ดังนั้นมันยากี่จะกำหนดรูปแบบที่ชัดเจน


         ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในอังกฤษมีการเปลี่ยนจากระบบ 4-4-2 อาจส่งผลให้บรรดากองหน้าตัวใหญ่หายไป กองหน้าที่สูงใหญ่มักจับคู่กับกองหน้าที่มีความคล่องตัวกว่าอย่าง เอมิล เฮสกี กับ ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ ลิเวอร์พูล เป็นการผสมผสานที่คลาสสิค

         ระแบบต่างๆได้ยืดหยุ่นมากขึ้นและไม่เคยมากไปกว่าที่ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล อย่างไรก็ตามการมาของ ฮาแลนด์ และ นูนเญซ ถือเป็นวิวัฒนาการ พวกเขาจะเป็นศูนย์กลางแบบดั้งเดิมในระแบบที่ไใม่ธรรมดา

         "นี่คือการเปลี่ยนแปลง" ฟอร์เรสเตอร์ กล่าว "นูนเญซ เป็นมากกว่าแค่กองหน้าเบอร์ 9 ที่ (คล็อปป์) เล่น, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เป็นฟอลส์ ไนน์ และที่ซิตี้ ฮอาแลนด์ เป็นเบอร์ 9 แบบคลาสสิค นี่คือการเปลี่ยนแปลงจากปกติ"

         ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล มีผลงานที่ยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในพรีเมียร์ลีกและในเวทียุโรป การเสริมเข้ามาของ ฮาแลนด์ และ นูนเญซ ทำให้มันน่าสนใจมากยิ่งขึ้น



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด