ไฮไลท์สำคัญคือ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กลายเป็นกุนซือคนแรกที่โดนปลดออกจากตำแหน่งก่อนใคร ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ โดนแบนเบาะๆ 3 นัดในคดีสตั๊ดจิ้มหน้า เอแดร์ซอน
เพื่อให้ได้เห็นภาพรวมพรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่ 4 แบบครบถ้วน และรู้เรื่อง นี่คือ 5 สถิติเนื้อๆ เน้นๆ ที่นำมาฝาก
1) ว่ากันที่บิ๊กแมตช์ที่สกอร์ออกมาขาดลอยจนน่าตกใจพอๆ กับ แผลบนใบหน้านายทวารเรือใบ
ขุดคุ้ยฝั่งผู้แพ้ลิเวอร์พูลกันก่อน สกอร์ 5-0 หรือ 0-5 แล้วแต่จะเรียกถือเป็นความพ่ายแพ้ยับเยินที่สุดในชีวิตกุนซือของ เจอร์เก้น คล็อปป์
ก่อนหน้านี้เคยแพ้ด้วยความต่าง 5 ประตูเกิดขึ้นในยุคที่คุม ไมนซ์ เมื่อปี 2006 ตอนนั้นโดนแวร์เดอร์ เบรเมน ทะลวงหายบ้า 6-1
ส่วนผู้ชนะแมนฯ ซิตี้ มีสถิติอันน่าสะพรึงของคู่หัวหอกอันตราย "กุน-เชซุส" ที่บันทึกไว้ว่า ใน 6 นัดหลังสุดที่ดูโอละตินประสานงานกันตั้งแต่นาทีแรก ต่างยิงได้คนละ 5 ประตู แถมยังแอสซิสต์รวมกันอีก 5 ว้าววว....
นึกถึงช่วงท้ายฤดูกาลก่อนที่ เชซุส เจ็บหนักขึ้นมาทันที หากไม่เดี้ยงเสียก่อน แมนฯ ซิตี้ มีลุ้นปาดหน้าเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ได้แน่เพราะหอกดาวรุ่งบราซิเลียนจุดติดแจ้งเกิดในพรีเมียร์ได้เร็วมาก
"กุน-เชซุส" เข้าขากันเหลือเกิน
2) แฮร์รี่ เคน มีเดือนลึกลับไร้ตัวตนในสิงหาคมที่ยิงยังไงก็ไม่เข้า พอฉีกปฏิทินเข้าสู่กันยายน สีดำเปลี่ยนเป็นขาวในทันที
เดือนใหม่แห่งความสดในเริ่มจากกดให้ทีมชาติตั้งแต่วันที่ 1 กันยา พอกลับมาใส่เสื้อสเปอร์สก็ตะบันอีก 2 ในเกมบุกชนะเอฟเวอร์ตัน 3-0
2 ประตูนี้ทำให้เจ้าตัวยิงผ่านหลัก "หนึ่งร้อย" กับไก่เดือยทองทันที (101 ประตู) จากการลงสนามเพียง 169 นัด น้อยกว่า เธียร์รี่ อองรี ยิงครบร้อยประตูให้อาร์เซน่อลถึง 12 นัด
แฮร์รี่ เคน ยิงให้สเปอร์สผ่านหลักร้อยประตูแล้ว
3 ) แมนฯ ยูไนเต็ด เสียสถิติชนะรวดที่รังสโต๊ค ซิตี้จากผลเสมอ 2-2 แต่ผลงานส่วนตัวของ โรเมลู ลูกากู หัวหอกตัวใหม่ยังไปได้สวยเมื่อกดอีก 1 ประตูรวมเป็น 4 ประตูจาก 4 นัดแรกนับตั้งแต่ย้ายมาจากเอฟเวอร์ตัน
ผลงานนี้เป็นสถิติดีเยี่ยมเทียบเท่า ซลาตัน อิบราอิโมวิช เพื่อนร่วมทีมคนปัจจุบันที่ปีก่อนเปิดตัวกับผีแดงร้อนแรงไม่แพ้กัน รวมถึง 2 อดีตดาวยิงเด็กผีทั้ง หลุยส์ ซาฮา และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
อีกคนที่ต้องปรบมือให้คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กดในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 12 ประตูนับตั้งแต่ตุงแรกกับอาร์เซน่อลเมื่อปี 2016 โอกาสทำลายสถิติ เวย์น รูนี่ย์ ที่ยิงได้ 15 ประตูในลีกก่อนเป่าเค้กครบ 20 ปีมีสูงมากเพราะยังเหลืออีก 6 เกมก่อนวันเกิดครบ 2 ทศวรรษในวันที่ 31 ตุลาคม ปีนี้
แรชฟอร์ด-ลูกากู สุดร้อนแรง
4 ) ไม่พูดถึง แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ที่กลายเป็นกุนซือตกงานคนแรกของฤดูกาลคงไม่ได้ สถิติแพ้รวด 4 นัดแบบตีนบอดของพาเลซเป็นความชั่วร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับทีมในลีกสูงสุดของอังกฤษรอบ 93 ปี
นั่นทำให้อายุงานของกุนซือดัตช์สั้นจุ๊ดจู๋จนกลายเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีกหากดูที่จำนวนนัด และหากนับจำนวน 77 วันในตำแหน่งก็น้อยกว่าตอนอยู่กับอินเตอร์ มิลาน (85 วัน) เสียอีก
ยัง...ยังไม่พอ เมื่อรวม 6 นัดท้ายก่อนโดนงูตะเพิดเข้ากับ 4 นัดบรรลัยในพรีเมียร์ลีก ปรากฎว่า 10 นัดหลังสุดที่ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ คุมเกมลีก แพ้ไป 8 !!!
ขออนุญาตแนะนำให้กลับไปตั้งหลักใหม่ที่บ้านเกิด ตระเวนไหว้พระสัก 9 วัน แล้วนั่งสงบสติอารมณ์นิ่งๆ เนียนๆ เผื่อคิดขึ้นมาได้ว่า งานโค้ชหินโหดกว่าการลงไปเล่นเองสมัยหนุ่มๆ เยอะ
แฟร้งค์ เดอ บัวร์ มาเร็ว-ไปเร็ว
5 ) เชลซีของ อันโตนิโอ คอนเต้ ตั้งลำได้อีกครั้งด้วยชัยชนะ 3 นัดรวดหลังโดนเบิร์นลีย์บุกมาตีหัวแบะคาบ้านในนัดเปิดสนาม
ความยอดเยี่ยมของกุนซือสิงห์ที่มาพร้อมยี่ห้อเกมรับสไตล์อิตาเลียนคือ ไม่แพ้เลยตลอด 23 นัดที่นำคู่แข่งในครึ่งแรก แบ่งเป็นชนะ 21 นัด และเสมอ 2 นัด
ลูกโขกของ อัลบาโร่ โมราต้า ก่อนจบครึ่งแรก 4 นาทีตอกย้ำเรื่องนี้ เช่นเดียวกับหอกสแปนิชที่ทั้ง 3 ประตูในเวทีพรีเมียร์ลีกมาจากการ โขก...โขก...แล้วก็...โขก
โมราต้า คนหัวดี
