:::     :::

คุยกับโค้ชโย่ง : "กลับมาคราวนี้อุปสรรครอพี่อยู่เพียบ"

วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
3,643
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วันนี้ผมจะพาไปคุยกับ "โค้ชโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ ผู้ซึ่งแฟนบอลหลายคนตั้งข้อสงสัยในเรื่องฝีไม้ลายมือ ทั้งที่ผลงานไม่ธรรมดามาตั้งแต่ในฐานะดาวยิงทีมชาติไทย ตลอดจนการเป็นกุนซือที่ฝากผลงานไว้อย่างเอกอุในระดับสโมสรกับ สงขลา และ สุพรรณบุรี จนกระทั่งคุมทีมชาติไทยยู-23คว้าแชมป์ ดูไบ คัพ และ ซีเกมส์ ทว่ากลับถูกถอดจากตำแหน่งเพราะสไตล์การเล่นไม่เข้าตา ล่าสุดเขาถูกเลือกให้กลับมาุคุมทัพ "ช้างศึกจูเนียร์" อีกครั้ง แต่โอกาสในการกลับมาคราวนี้ต้องยอมรับว่ามันมาพร้อมกับอุปสรรคอันใหญ่หลวงทีเดียว

แมน : สวัสดีครับพี่โย่ง เป็นไงบ้างพี่ได้กลับมาคุมทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์คราวนี้ หนักใจกว่าตอนที่คุมช่วงซีเกมส์มั้ยครับ

โค้ชโย่ง : หืม สมาคมเขายังไม่ได้แต่งตั้งพี่เลยนี่นา

แมน : แต่งตั้งแล้วนะพี่ ข่าวออกไปทั่วแล้ว

โค้ชโย่ง : ฮะ จริงดิ พี่เห็นแค่ว่ามีข่าว แล้วก็คุยกันอยู่บ้าง แต่เขายังไม่ได้บอกอะไรพี่เลยนะ

แมน : พี่เฮงออกข่าวแล้วนะที่ตั้งพี่คุมยู-21, พี่หระ (อิสระ ศรีทะโร) คุมยู-19 แล้วก็โค้ชยู-14 ของบางกอกกล๊าส ("โค้ชดาร์ต" ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ)ไปคุมยู-16 ร่วมกับ "พี่วุฒิ" สราวุฒิ สุขแสวง

โค้ชโย่ง : เออใช่ก็เป็นตามนั้นแหละ แต่พี่ไม่รู้ว่าแต่งตั้งเป็นทางการแล้วน่ะ

แมน : ก็อาจจะยังไม่มีแถลงข่าวอย่างเป็นทางการล่ะมั้งครับ สมาคมก็ไม่น่าจะแถลงมั้งพี่ คงเป็นแค่ประกาศผ่านเว็บหรือเพจของสมาคม

โค้ชโย่ง : เออๆ น่าจะเป็นอย่างนั้น

แมน : แล้วหนักใจมั้ยพี่ ดูน่าจะเป็นงานที่ยากกว่าเดิม เพราะนโยบายคือจะให้ส่งชุดยู-21ไปแข่งเอเชียนเกมส์

โค้ชโย่ง : เรื่องนี้พี่ก็เตรียมจะเข้าไปหารือกับสมาคมกับฝ่ายเทคนิคอยู่ว่านโยบายเป็นยังไงแน่ ต้องเอาให้ชัดเจนก่อนว่าจะส่งชุดไหนไป ต้องดูเป้าหมายด้วยว่าเพื่อเตรียมไว้คัดโอลิมปิกในปีหน้าหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะส่งชุดเด็กทั้งหมด 

แมน : เอเชียนเกมส์สามารถส่งโควตาอายุเกิน 23 ปีได้ 3 คนพี่คิดว่าจะเรียกมาเสริมมั้ย 

โค้ชโย่ง : พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียกใครได้บ้าง เพราะลีกบ้านเราช่วงนั้นไม่ได้พัก ยังเตะตามปกติ ไม่รู้สโมสรจะยอมปล่อยตัวซักกี่คนเหมือนกัน อย่าว่าแต่ตัวอายุเกินเลย แค่ตามเกณฑ์ก็ยากแล้วเพราะเดี๋ยวนี้พวกเด็กๆ ก็ขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ให้สโมสรหมดแล้ว

แมน : ผมลองไปเช็กโปรแกรมดู ประมาณไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนไปอินโดนีเซีย โปรแกรมไทยลีก เมืองทอง จะเจอกับ ชลบุรี ส่วน บุรีรัมย์ จะเจอกับ เชียงราย แล้วช่วงที่เอเชียนเกมส์เริ่มแข่งแล้วแต่ละทีมก็มีโปรแกรมเกมสำคัญในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อซะด้วย แบบนี้มีโอกาสสูงเลยมั้ยพี่ที่จะไม่ได้ผู้เล่นที่ดีที่สุดไปใช้งาน

โค้ชโย่ง : ก็พูดยากนะ ยิ่งปีนี้ตกชั้น 5 ทีมด้วย อย่าว่าแต่ทีมหัวตารางเลย ต่อให้ทีมท้ายตาราง หรือเป็นระดับ T2, T3 แต่ละสโมสรเขาก็ต้องสู้เต็มที่ แล้วเอเชียนเกมส์ไม่ได้เป็นฟีฟ่าเดย์ด้วยไง มันไม่ได้มีข้อบังคับว่าสโมสรจะต้องปล่อยนักเตะ ถึงเวลานั้นพี่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครให้เลือกบ้าง

แมน : แล้วจะแก้ปัญหายังไงดีพี่

โค้ชโย่ง : ก็เดี๋ยวพี่ไปหารือกับฝ่ายเทคนิค ว่าจะลองคุยถึงเรื่องโปรแกรมเดือนมีนาคมนี้ที่้เป็นฟีฟ่าเดย์ด้วย ว่าจะมีแมตช์อุ่นเครื่องเจอกับใครยังไงบ้าง แล้วพี่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะเรียกนักเตะมารวมตัวกันเรื่อยๆ เผื่อเอาไว้ซัก 30 คนขึ้นไป ต้องดูด้วยว่าคนที่เรียกมาเล่นเข้ากับระบบของเราได้รึเปล่า

แมน : พี่โย่งคิดว่าเตรียมทีมเอเชียนเกมส์คราวนี้จะยากกว่าตอนซีเกมส์หรือช่วงที่โซรันมาคุมไปชิงแชมป์เอเชียมั้ย


"โซรันออกไป เอ้าโย่งชั้นเลือกนาย" โค้ชเฮงไม่ได้กล่าว

โค้ชโย่ง : ก็น่าจะมีอุปสรรคหลายอย่างเหมือนกัน เพราะตอนชิงแชมป์เอเชียลีกยังไม่เปิด จะมีบางทีมที่ติดพรีซีซั่นแล้วไม่ปล่อย แต่คราวนี้ไปแข่งช่วงกลางฤดูกาลเลย อาจจะคุยกับสโมสรยากอยู่นะ

แมน : พี่รู้ใช่มั้ยว่าการที่พี่กลับมาครั้งนี้ แฟนบอลมีทั้งพอใจและไม่พอใจ

โค้ชโย่ง : รู้ (เสียงสูง) แต่พี่ก็ไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น เราโฟกัสตรงที่หน้าที่ของเรามากกว่าว่าจะต้องเตรียมทีมยังไง ต้องไปแข่งด้วยวิธีการเล่นแบบไหน มีตัวเลือกให้ใช้แค่ไหน 

แมน : ผมเพิ่งคุยกับพี่หระไปเมื่อวันก่อน พี่หระแกบอกว่าเด็กยู-19 ของบุรีรัมย์หลายๆ คนสมควรผลักดันให้ไปเล่นเอเชียนเกมส์ รวมถึงเด็กรุ่นเดียวกันของเมืองทองและชลบุรี พี่เห็นด้วยมั้ย แล้วก็วันก่อนพี่ได้ดูบุรีรัมย์ เจอ กว่างโจว หรือเปล่าพี่

โค้ชโย่ง : อ่อ พี่ไม่ได้ดูเลย

แมน : อ๋อๆ ที่ถามคือผมจะบอกว่าเกมนี้บุรีรัมย์ส่งดาวรุ่งลงเล่นหลายคนเลย แล้วก็ทำได้ดีด้วยครับ

โค้ชโย่ง : มีใครบ้างนะ

แมน : บุรีรัมย์ก็มี สุภโชค (สารชาติ), ศุภชัย (ใจเด็ด), รัตนากร (ใหม่คามิ), ศศลักษณ์ (ไหประโคน) หลายๆ คนพี่ก็เคยใช้ในซีเกมส์แล้วล่ะ แล้วก็อาจมีบางคนอายุเพิ่ง 15-19 พี่คิดว่าจะเด็กไปมั้ยสำหรับเอเชียนเกมส์ 

โค้ชโย่ง : พี่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องอายุหรอก ถ้าใครเก่งกว่าเข้าระบบกว่าคนนั้นก็มีสิทธิ์เล่นทีมชาติ แต่มันไม่เหมือนกันหรอกนะว่าถ้าเล่นดีกับสโมสรแล้วจะเล่นดีกับทีมชาติด้วย มันมีความแตกต่างกัน คนที่เล่นทีมชาติแค่เก่งไม่พอต้องมีความกระหายต้องมีความรู้สึกภาคภูมิใจที่มีธงชาติไทยติดหน้าอก ระยะเวลาของการแข่งขันก็ต่างกัน สโมสรแข่งกันยาวๆ 10 เดือน เกมนี้อาจจะผิดพลาด โดนแฟนบอลด่า เกมต่อไปอาจโดนดร็อป แต่หลังจากนั้นถ้ากลับมาเล่นแล้วอาจจะผลงานดี มันมีโอกาสให้แก้ตัวได้ แต่กับทีมชาติแข่งทีแค่ไม่กี่นัดเป็นทัวร์นาเม้นต์สั้นๆ บางทีพลาดครั้งเดียวนี่อาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกเลย ดังนั้นเรื่องของสภาพจิตใจก็สำคัญ แล้วก็ความพร้อมของร่างกายด้วยเพราะต้องแข่งติดๆ กันในเกมที่หนักและกดดันมาก

แมน : เริ่มลิสต์รายชื่อบ้างหรือยังพี่ ว่าจะเน้นชุดเดิมจากที่พี่เคยคุมหรือมีตัวใหม่ๆ คนไหนที่พี่จับตาอยู่มั้ย

โค้ชโย่ง : ยังไม่ได้ลิสต์นะ คิดว่าแกนหลักก็น่าจะเป็นชุดเดิมก่อน แต่ต้องไปดูฟอร์มปัจจุบันด้วย ส่วนใหญ่ทีมชาติไทยรุ่นนี้ก็จะมาจากสโมสรบุรีรัมย์, เมืองทอง, ชลบุรี, เชียงราย อยู่แล้ว และก็มีทีมอื่นๆ มาผสม

แมน : ตอนนี้ก็มีเด็กๆ หลายคนที่โดดเด่นขึ้นมานะพี่ ตัวลูกครึ่งก็เยอะอย่าง บิล สีดา ที่พี่เคยเรียกมาอุ่นซ้อมก็กลับมาเล่นให้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด แล้วก็ฟอร์มดีทีเดียว โรบิน โฮล์ฺม ก็อยู่ มีกองหลังลูกครึ่งอิตาเลียนสูง 2 เมตรของชัยนาทด้วย (มาร์โก บัลลินี่) 

มาร์โก บัลลินี่ กองหลังลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน เจ้าของความสูง 2 เมตร

โค้ชโย่ง : อืมใช่ พี่และทีมงานก็คงจะไปตามดูผลงานเรื่อยๆ เดี๋ยวประมาณปลายเดือนนี้ก็คงจะมีรายชื่อไว้ซัก 30 คน พี่อยากจะมีรายชื่อไว้ให้เยอะที่สุดก่อน

แมน : พี่เฮง (วิทยา เลาหกุล) เคยบอกผมว่าเอเชียนเกมส์จะใช้ผู้เล่นอายุไม่เกิน 21 ปีทั้งทีม และอาจจะมีคนที่อายุเกิน 21 มาเสริมบ้าง แต่อาจจะไม่ใช้ เจนรบ (สำเภาดี) และ ชัยวัฒน์ (บุราณ) ที่อายุเต็ม 23 ไปแช่งชิงแชมป์เอเชียเพื่อคัดโอลิมปิกในปีหน้าไม่ได้เพราะจะอายุเกิน พี่โย่งคิดยังไง

โค้ชโย่ง : ก็ต้องคุยนโยบายให้ชัดเจนก่อนน่ะแหละ ถึงเวลานั้นจะเหลือใครเป็นตัวเลือกบ้างยังตอบไม่ได้เลย

แมน : ผมสงสัยอยู่อย่างพี่ ทำไมตอนซีเกมส์ที่พี่คุมหรือแม้กระทั่งชิงแชมป์เอเชียที่โซรัน (ยานโควิช) คุมแล้วพี่เป็นผู้ช่วย ถึงไม่เรียกกองหน้าคนอื่นบ้างเลย เห็นมีแค่ เจนรบกับ ไอซ์ (สิทธิโชค กันหนู) อยู่เท่านี้ แล้ว 2 คนนี้ก็เป็นประเภทใช้ร่างกายเยอะ เวลาไปแข่งทัวร์นาเมนต์ไหนมักเจ็บทุกที ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ 2-3 ทัวร์นาเม้นต์ที่ไปแข่ง 2 คนนี้ก็เจ็บ อย่างชิงแชมป์เอเชียนี่ยิ่งหนัก ไอซ์ เจ็บตั้งแต่อุ่นเครื่องแล้วก็ไม่ได้ใช้งานเลยทั้งทัวร์นาเม้นต์ ทำไมไม่ลองเรียกคนอื่นไปสแปร์บ้าง

โค้ชโย่ง : มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของโค้ชนะ อย่างตอนที่พี่คุมซีเกมส์ พี่เลือกคนที่สภาพร่างกายพร้อมที่สุด เจนกับไอซ์ก็อาจจะไม่ได้เต็มร้อยแต่ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว แผนในตอนนั้นคือใช้การขึ้นเกมจากด้านข้างแล้วมีกองหน้าตัวเป้าคนเดียว หรืออาจจะดันพวกแถวสองขึ้นไปยืนหน้าคู่ แต่ตอนชิงแชมป์เอเชียจริงๆ เขาก็ยังเล่นไหวนะ เขาไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นหรอก

แมน : หลายคนเชียร์ให้เรียก สิทธิโชค ภาโส กับ ศุภชัย ใจเด็ด ไปเป็นตัวเลือก ทำไมถึงไม่มีชื่อสองคนนี้ ที่ไม่มีเพราะติดแข่งโค้กคัพจริงหรือเปล่าครับ

โค้ชโย่ง : ไม่ใช่หรอก เจ้าย้า พวกเราดูแล้วเขาร้างสนามไปนาน เพราะไปอยู่ญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ลงเกมเลย ต้องเรียกความฟิตอีกเยอะ ส่วน ศุภชัย ช่วงนั้นเขาถูกเรียกติดทีมยู-19แล้วถ้าจำไม่ผิดเขามีอาการบาดเจ็บจนขอถอนตัวไปนะ

แมน : เจนรบเปิดตัวเกมแรกกับเมืองทองสวยหรูเลยนะพี่ ลงไปครึ่งหลังแล้วยิงแฮททริกได้เลย พี่โย่งคิดว่าเจนจะฟอร์มดีต่อเรื่องไปยาวๆ หรือเปล่า มีความแตกต่างกันยังไงระหว่างเจนในทีมชาติกับสโมสร

ในทีมชาติ "เจนรบ" ถูกประกบติดแทบไม่มีช่องว่าง

โค้ชโย่ง : พี่ก็ว่าเจนมันน่าจะมีโอกาสได้ลงต่อเนื่องแล้วก็เรียกความมั่นใจได้พอสมควร จริงๆ แล้วเจนมันเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงนะ แต่สโมสรทุกทีมเน้นใช้กองหน้าต่างชาติ คนไทยไม่ค่อยได้ลงเล่น เจนมันเลยถูกส่งไปเล่นตำแหน่งอื่นที่ไม่ถนัดตลอด แต่พอมาเมืองทองไม่มีใครคาดหวังในตัวเขาเยอะ เล่นแบบไม่มีอะไรต้องเสีย แล้วในเมืองทองมีตัวเปิดดีๆ เต็มไปหมด ทั้งตรงกลางและก็ด้านข้าง ตอนที่เจนลงไปครึ่งหลัง เฮแบร์ตี้ ก็พยายามถอยตัวลงไปต่ำเพื่อมีส่วนร่วมกับเกมให้มากที่สุด ส่วน ชาช่า ก็ตัวใหญ่คอยพักบอลเก็บบอล พอเจนยิงประตูแรกได้ เพื่อนร่วมทีมก็ไว้ใจ แฟนบอลก็ช่วยกระตุ้น เจนมันก็คึกเลยทีนี้เพราะใจมันมาแล้วไง อีกอย่างกองหลังในไทยลีกทุกทีมมักจะกังวลอยู่กับการประกบกองหน้าต่างชาติมากกว่า ไม่ค่อยประกบตัวไทย เจนก็มีช่องให้วิ่งหาพื้นที่เต็มไปหมด จริงๆ แล้วเจนมันเป็นกองหน้าที่ยิงประตูในกรอบเขตโทษได้ดีนะ กับทีมชาติมันไม่ค่อยมีโอกาสได้ยิงง่ายๆ เพราะถูกประกบติดตลอด แต่ถ้ามีโอกาสก็ทำได้ดี

แมน : พี่โย่งอธิบายแล้วผมเห็นภาพเลยแฮะ คือตอนเล่นทีมชาติ เจนเล่นกองหน้าตัวเป้าคนเดียว ต้องพักบอล, เก็บบอล บางทีต้องลงต่ำมาล้วงบอลเอง แทบไม่ได้หันหน้าหาประตูเลย บอลส่งมาทีไรก็มีกองหลังคู่แข่งเข้ามารุมประกบรุมกระแทกเต็มไปหมด แต่พอเล่นให้เมืองทองตัวต่างชาติช่วยแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ ก็เลยเหลือจ๊อบแค่วิ่งหาช่องแล้วทำประตูเท่านั้น

โค้ชโย่ง : กองหน้าสไตล์แบบเจนในยุคนี้บ้านเราพี่นึกไม่ออกเลยนะว่าจะมีใครอีก คือเจนมันเป็นกองหน้าที่ทุ่มหมดทั้งตัวเวลายิงประตูในเขตโทษ นึกภาพเวลาเปิดบอลเข้ามาแล้วเจนมันยื่นหน้าพุ่งไปโหม่งทั้งที่คู่ต่อสู้กระโดดเข้าใส่ มันเล่นแบบไม่กลัวเจ็บเลย เจนเนี่ยเป็นกองหน้าที่ยิงประตูได้ทุกรูปแบบนะลูกหัวหรือเท้าก็ทำได้แล้วยิงได้หนักด้วย เขามีสัญชาตญาณกองหน้า จะเรียกยังไงดี คือมีความเหี้ยมเกรียมอะ พี่ยังคิดอยู่ว่าถ้ามีกองหน้าคู่ให้เขาเล่นด้วยกันได้ก็คงจะดี 

แมน : แบบนี้กองหน้าทีมชาติไทยชุดใหญ่ เราสามารถฝากความหวังฝากอนาคตไว้กับเจนรบได้มั้ย ถ้าหมดยุคของ มุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา) เห็นเกมเมืองทอง กับ แบงค็อก สัปดาห์ที่แล้ว มิโลวาน ราเยวัช ก็ไปนั่งดูเกมด้วยนะพี่

โค้ชโย่ง : พี่ว่าคิงส์คัพคราวนี้ก็น่าจะมีชื่อแล้วมั้ง เพราะกองหน้าไทยก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เจนกับมุ้ยนี่ถ้าจะเปรียบเทียบกัน มุ้ยเป็นกองหน้าที่เทคนิคดี ไปกับบอลได้ดี แล้วก็เก๋ารู้เหลี่ยมว่าจังหวะไหนต้องเล่นยังไงเพื่อไม่ให้บาดเจ็บ ใช้ประโยชน์จากเพื่อนร่วมทีมได้ดี ส่วนเจน เทคนิคพอใช้ได้ อาจจะต้องการบอลจากเพื่อนมากกว่าพาบอลไปเอง เจนมีความกระหายที่จะลงเล่นทุกนัด แต่สไตล์เขาใช้ร่างกายค่อนข้างหนักเสี่ยงบาดเจ็บได้ง่าย คือถ้าต้องการให้เขาเล่นได้เต็มศักยภาพก็ต้องเป็นวันที่เขาสภาพร่างกายสมบูรณ์จริงๆ 

แมน : ถามความเห็นพี่ดีกว่า พี่เคยร่วมงานกับ "บิ๊ก" ประวีณวัช บุญยงค์ มั้ย คิดว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ฟอร์มดีจนถูกกล่าวขานเลย

โค้ชโย่ง : อ๋อบิ๊กน่ะหรอ ไม่เคยร่วมงานกัน แต่เคยดูเขาเล่นอยู่ ก็ถือว่าเป็นกองหลังที่เก่งคนนึงในเมืองไทยนะ

แมน : คือตอนนี้บุรีรัมย์ยืมตัวไปจากบางกอกกล๊าส ลงเล่นไป 2 เกมแล้วซึ่งผลงานดีมากเลยพี่ คิดว่าทำไมฟอร์มของบิ๊กถึงต่างจากแต่ก่อนขนาดนี้ 

โค้ชโย่ง : ผมว่าแต่ก่อนเขาอาจจะหย่อนยานเรื่องวินัยไปบ้าง ชอบเล่นเสี่ยงๆ แต่ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ทีมใหญ่ ก็ต้องทำตัวให้ใหญ่ตาม ทีุ่บุรีรัมย์ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องระเบียบวินัย เขาไปอยู่ถูกที่แล้วล่ะถ้าเขามีความมุ่งมั่นที่จะกลับมาเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังและคว้าแชมป์ระดับสโมสรให้ได้ ที่สำคัญการเล่นร่วมกับ (อันเดรส) ตูเนซ ช่วยได้เยอะ เพราะเวลาผิดพลาดก็จะมีคนคอยช่วยเก็บตก คอยสั่งการและกระตุ้นให้มีสมาธิอยู่ตลอด

แมน : จริงๆ แล้วบิ๊กนี่เคยเล่นกับกองหลังต่างชาติเก่งๆ มาหลายคนเลยนะพี่ ทั้ง แม็ตต์ สมิธ ของบีจี, ดาบิด โรเชล่า ของ ท่าเรือ แล้วก็มา ตูเนซ ของบุรีรัมย์

โค้ชโย่ง : คนอื่นไม่ได้ตัวใหญ่ไง พี่เป็นกองหน้าเนี่ยเจอกองหลังตัวเล็กกว่าพี่ไม่เคยกลัวเลยนะ เปิดบอลเข้ามาเรายังโหม่งสู้ได้ แล้วสมิธ กับ โรเชล่า เนี่ยไม่ได้มีสไตล์ก้าวร้าวดุดันแบบ ตูเนซ พวกกองหน้าไม่กลัวหรอกบอกได้เลย แต่พอเจอตูเนซ บอลโด่งบอลเรียดมันเก็บหมด แถมยังปั้นหน้าดุคอยชนคอยกระแทกเราทั้งเกม ในเมืองไทยพี่ยังไม่เห็นกองหลังต่างชาติคนไหนครบเครื่องเท่าตูเนซเลย

ประวีณวัช และ พรรษา อัพเลเวลขึ้นเยอะเมื่อได้เล่นร่วมกับ ตูเนซ

แมน : การได้เล่นกับตูเนซ ทำให้กองหลังไทยอัพเลเวลมาหลายคนแล้วนะพี่ แต่ก่อนมี กรวิทย์ (นามวิเศษ) แล้วก็มา พรรษา (เหมวิบูลย์) จนตอนนี้ บิ๊ก ก็ดูดีขึ้นผิดหูผิดตา

โค้ชโย่ง : แน่นอนแหละพอเล่นร่วมกับคนเก่งๆ เราก็จะเก่งตาม แต่ต้องคอยศึกษาเรียนรู้จากเขาเพื่อนำมาปรับใช้ด้วย พี่เชื่อนะว่าบิ๊กจะมีชื่อกลับมาติดทีมชาติโดยเฉพาะในคิงส์คัพ ครั้งนี้เนี่ยแหละ คือถ้าผลงานดีแบบนี้ตลอดยังไงก็ต้องให้โอกาสเขา

แมน : โอเคครับพี่ เดี๋ยวไว้พี่โย่งคุยกับสมาคมกับพี่เฮงเรียบร้อยแล้ว ไว้ผมขอมาอัพเดทอีกทีนะครับ

โค้ชโย่ง : เอ้อๆ ได้ๆ


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์ แล้วอย่าลืมให้เครดิตกันด้วยนะครับ ("แมน" โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด