:::     :::

5 ประเด็น​เด็ด​เกมหงส์เจ๊าฟูแล่ม

วันอาทิตย์ที่ 07 สิงหาคม 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,723
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
พรีเมียร์​ลีก​เปิดฤดูกาล​แล้ว และหงส์แดงก็ออกสตาร์ตเกมแรกด้วยฟอร์มที่ยังไม่ถึงกับเพอร์เฟคต์มากนัก โดยต้องไล่ตามตีเสมอ ฟูแล่ม ถึง 2 ครั้ง 2 ครา เกิดอะไรขึ้นบ้างในเกมนี้ นี่คือ 5 ประเด็นน่าสนใจจากเกมเมื่อคืนครับ

1) ไลน์อัพเดิม เพิ่มเติมคือพ่อหมีคัมแบ็ค

ลิเวอร์พูล​ ใช้ 11 ตัวจริงชุดเดียวกับเกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์​ ซิตี้ 3-1 ในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ สัปดาห์ก่อน โดยที่เปลี่ยนแปลงแค่ตำแหน่งผู้รักษาประตู​ ซึ่ง อลีสซง เบคเกอร์ กลับมายืนตัวจริงแทน อาเดรียน ในเกมนี้


แบ็คโฟร์ใช้ชุดเดิมนั่นก็คือ เทรนต์, มาติป, ฟาน ไดค์ และ ร็อบโบ้ ส่วนแดนกลาง 3 คนเป็น ติอาโก้, ฟาบินโญ่ และ เฮนโด้ ตัวรุก 3 คนเลือกใช้ หลุยส์ ดิอาซ, โม ซาล่าห์ และ ฟีร์มิโน่ โดยที่ ดาร์วิน นูนเญซ ยังคงเริ่มต้นจากการเป็นสำรองเหมือนเคย


ลิเวอร์พูล​ ยังคงใช้ระบบ 4-3-3 ตามถนัด ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็น 4-2-3-1 อย่างที่สื่อต่าง ๆ คาดการณ์​กันตอนปิดฤดูกาล​แต่อย่างใด ในเกมนี้ต้องบอกว่าทีมเล่นได้ผิดฟอร์มไปเยอะ การเพรสซิ่งไม่ได้ดุดันมากเท่าที่ควร ส่วนทางด้าน ฟูแล่ม วางเกมแพลนมาได้ดีและเป๊ะทุกจุด อีกทั้งยิ่งพอได้ประตูนำเร็ว ยิ่งทำให้เกมแพลนของพวกเขาออกมาสมบูรณ์แบบ​มากขึ้น จนหงส์แดงหาช่องเข้าทำยากมาก ๆ




2) แดนกลางกับปัญหา​อาการบาดเจ็บที่น่ากังวล

เกมนี้ ติอาโก้ อัลคันทาร่า ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ส่งผลให้ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล​ มีนักเตะกองกลางที่เข้าโรงหมอไปแล้วถึง 4 คนด้วยกัน


ไล่ตั้งแต่ อเล็กซ์​ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เคอร์ติส โจนส์, นาบี เกอิต้า และ ติอาโก้ เป็นรายล่าสุด ซึ่งยังคงต้องรอเช็คอาการว่าจะกลับมาลงสนามได้อีกทีตอนไหน


มิดฟิลด์ที่เหลือในมือตอนนี้คือ เฮนโด้, ฟาบินโญ่ เป็นตัวยืน นอกจากนี้มี ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ กับ เจมส์ มิลเนอร์ คอยสอดแทรกลงสนาม ส่วนในรายของ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ นั้น ต้องรอดูกันว่า คล็อปป์ มองเอาไว้ว่าควรเล่นในบทบาทใดของทีม ซึ่งจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นของกองกลางหงส์แดงเวลานี้ 


ทำให้แฟน ๆ บางส่วนเริ่มเรียกร้องให้เสริมทัพเพิ่มกันบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนว่า คล็อปป์ เองจะไม่เห็นด้วย และไม่ยอมเร่งซื้อเพิ่มแน่นอน แต่อาจจะใช้งานนักเตะเท่าที่มีอยู่ รวมถึงอย่าลืมว่าสามารถขยับ เทรนต์ มาเล่นตรงกลางได้ด้วยเช่นเดียวกัน




3) อิมแพคต์ของ นูนเญซ

ดาร์วิน นูนเญซ ใช้เวลาในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล​ บนเกมอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 71 นาทีเท่านั่นนะครับ สำหรับการทำ 2 ประตูจาก 2 นัดติดต่อกัน แถมยังมีส่วนร่วมต่อการได้ประตูอีกถึง 2 ลูกอีกด้วย


ในเกมกับ ซิตี้ ทาง นูนเญซ เรียกจุดโทษให้ทีมพร้อมกับโหม่งประตูฝัง 3-1 ขณะที่ในเกมกับ ฟูแล่ม เขาลงมายิงตีเสมอด้วยลูกไขว้แบบสุดสวย อีกทั้งยังแอสซิสต์ให้ ซาล่าห์ ทำประตูตีเสมอได้อีกต่างหาก ต้องยอมรับเลยว่าการมีเขาอยู่ในสนามนั้น ช่วยสร้างมิติใหม่ ๆ ในเกมรุกให้กับหงส์แดงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกโด่ง การพักบอล การดึงตัวประกบรวมถึงยังเต็มไปด้วยสัญชาตญาณ​ของนักล่าประตูที่เก่งกาจมาก ๆ เชื่อว่าในเกมต่อไป คล็อปป์ คงจะส่ง นูนเญซ เป็นตัวจริงได้แล้ว หลังจากพิสูจน์​คุณภาพของตัวเองให้เห็นถึง 2 นัดติด ๆ กันเลย




4) ซาล่าห์ สร้้างสถิติต่อเนื่อง

โม ซาล่าห์ ทำสถิติใหม่ ๆ อีกครั้งด้วยการเป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล​ ที่ยิงในเกมนัดแรกของพรีเมียร์ลีกได้ถึง 6 ฤดูกาล​ติดต่อกัน โดยนับตั้งแต่ย้ายจาก โรม่า มาอยู่กับทีม เขาทำประตูในนัดแรกของลีกได้ทุกปี


2017 ⚽ v วัดฟอร์ด

2018 ⚽ v เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

2019 ⚽ v นอริช ซิตี้

2020 ⚽⚽⚽ v ลีดส์ ยูไนเต็ด

2021 ⚽ v นอริช ซิตี้

2022 ⚽ v ฟูแล่ม


ซึ่งสถิติดังกล่าว นอหจากจะเป็นสถิติที่ยิงได้ยาวนานที่สุด 6 ฤดูกาลติดต่อกันสำหรับ ลิเวอร์พูล​ แล้ว ยังเป็นสถิติสูงที่สุดของพรีเมียร์ลีกอีกด้วย




5) เกมรับอาจต้องเร่งแก้ไข

ปีนี้ ลิเวอร์พูล​ เสริมทัพเข้าตามาก ๆ ในเกมรุก แต่เรื่องเกมรับเองยังคงเป็นปัญหา​ที่ต้องตามมาแก้ไขในฤดูกาล​นี้ หลังจากเสียไปแล้ว 3 ประตูจาก 2 นัดในเกมอย่างเป็นทางการ ซึ่งรายละเอียด​ในเกมเราจะเห็นได้ชัดเลยว่ากำแพงสีแดงเริ่มมี​ปัญหา​บ้างเล็กน้อย


ฟาน ไดค์ ยังคงเล่นได้ดีเหมือนทุกปีก็จริง แต่ในเกมกับ ฟูแล่ม ก็เสียท่าให้กับ มิโตรวิช ไปไม่น้อย แถมยังดูเหมือนว่ารูโหว่จากการเติมเกมขึ้นสูงของแบ็คทั้งสองข้าง ยังคงเป็นปัญหา​ที่ทีมต้องเร่งแก้ไขเช่นกัน


ข้อดีจากเกมกับ ฟูแล่ม คือ ลิเวอร์พูล สามารถเก็บแต้มได้ และเป็นแต้มที่ 115 หากนับเฉพาะเกมที่เสียประตูก่อนในพรีเมียร์ลีกยุคของ คล็อปป์ ถือว่าเป็นทีมที่แพ้ยากมากทีมนึง


อีกทั้งการเสียจุดโทษในเกมกับ ฟูแล่ม ยังเป็นการเสียจุดโทษในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 51 นัด ซึ่งในปีนี้ต้องบอกเลยว่าหากไม่เร่งแก้ไขปัญหาในเกมรับ บางทีอาจเหนื่อยหนักมาก ๆ สำหรับการลุ้นแชมป์ในบั้นปลายเลยก็เป็นได้ 





ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด