:::     :::

ความในใจของ กรานิต ชาก้า

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้อนไปในช่วงปลายปี 2019 ที่ กรานิต ชาก้า มีปัญหาขัดแย้งอย่างหนักกับแฟนบอล อาร์เซน่อล น้อยคนนักจะเชื่อว่าวันนี้เขายังปักหลักเล่นให้ "ปืนใหญ่" อยู่เหมือนเดิม

วินาทีนั้น แม้แต่ตัว ชาก้า เองก็ยอมรับว่าทุกอย่างจบแล้ว เขาไม่อยู่ต่อแล้ว ข้าวของถูกเก็บเรียบร้อยพร้อมสำหรับการย้ายทีม และหนีออกไปจากความขัดแย้งตรงนี้

แต่การได้พูดคุยกับ มิเกล อาร์เตต้า ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป และตอนนี้ ชาก้า ก็ยังคงเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของ อาร์เซน่อล สำหรับฤดูกาลใหม่ 2022/23 ที่เพิ่งเปิดฉากไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

วันเวลาผ่านไป คลื่นลมสงบลง กองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ได้โอกาสมานั่งเล่าเหตุการณ์ด้วยตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา

"พอแล้ว"

"กระเป๋าแพ็คเรียบร้อยแล้ว พาสสปอร์ตก็พร้อม ผมพอแล้วกับ อาร์เซน่อล มันจบแล้ว มีสัญญาจากสโมสรใหม่วางบนโต๊ะ เหลือเพียงแค่ผมจับปากกาเซ็นลงไปเท่านั้น ผมคุยกับภรรยา เลโอนิต้า และเราตัดสินใจที่จะย้าย ผมเพียงแค่ไปบอกลา มิเกล และจากนั้นก็ขึ้นเครื่องออกเดินทาง"

"นั่นคือวันที่ 29 ธันวาคม 2019 ซึ่งสองเดือนก่อนหน้านั้นก็...คุณรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น คุณอาจอยู่ที่นั่นด้วยซ้ำไป มีการพูดกันไปหลายสิ่งหลายอย่าง ดังนั้นผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมต้องเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจน"

"อย่างแรกเลย ผมต้องการบอกให้ชัดๆ ว่าผมรัก อาร์เซน่อล ผมรักเสมอมา และจะรักต่อไป ผมจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสโมสรแห่งนี้จนถึงวันสุดท้ายที่ผมย้าย ผมรู้ว่าบางคนไม่ชอบผม แต่มันก็คือส่วนหนึ่งของฟุตบอลและผมเข้าใจ"

"แต่ในเกมกับพาเลซวันนั้น สิ่งต่างๆ ล้ำเส้นเกินไป เราขึ้นนำ 2-0 และพวกเขาตามตีเสมอ 2-2 ผมถูกเปลี่ยนตัวออกหลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผมแทบไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอนได้ยินเสียงโห่ คือมันไม่ได้มีเพียงกลุ่มเล็กๆ ตรงมุมธง แต่หลายคนมาก ผมช็อกนะ ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ตอนที่ผมเดินใกล้ถึงอุโมงค์ ผมมองขึ้นบนตรงแฟนบอลนั่งอยู่ และมันก็เป็นสิ่งที่ผมจะไม่มีวันลืมไปตลอด"

"เวลาที่ผมหลับตาลง ผมยังจดจำใบหน้าพวกเขาได้เลย ผมเห็นถึงความโกรธแค้น มันไม่ใช่แค่ว่าพวกเขาไม่ชอบผม ไม่เลย มันต่างออกไป มันเป็นความเกลียดชิง เกลียดเข้าไส้เลย ผมไม่ได้พูดเกินไปจริงๆ นะ"


วันแตกหักกับแฟนบอล

  "ฟังนะ ผมไม่เคยมีปัญหากับคำวิจารณ์ เช่นว่า ชาก้า มันห่วยแตกอีกไหมวันนี้? โอเค แบบนี้ไม่มีปัญหา แต่การถูกแฟนบอลตัวเองโห่? ในฐานะกัปตันเนี่ยนะ? มันต่างออกไป มันเป็นเรื่องของความเคารพและให้เกียรติ คำนี้สำคัญต่อผมนะ ตั้งแต่เด็กๆ เลย มันเป็นสิ่งที่ผมได้มาจากคุณแม่ เคารพต่อบุพการี เคารพต่อสโมสร เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอลของคุณ"

"แต่วันนั้น ผมรู้สึกถูกดูหมิ่นมากๆ คอมเมนต์ต่างๆ ล้วนล้ำเส้น มันเหมือนเล่นเรื่องส่วนตัวกันแล้ว" 

"ใช่ ผมเป็นกัปตันทีม อาร์เซน่อล ในตอนนั้น แต่ผมก็มนุษย์คนนึง ซึ่งในฐานะมนุษย์ก็มีความเจ็บปวด และผมตอบโต้กลับไป ผมพูดโต้ตอบ เอามือป้องหู พอออกจากสนามก็ถอดเสื้อปาลงพื้นและเดินเข้าอุโมงค์ไป 

"ผมผิดหรือไม่ที่ทำแบบนั้น? แน่นอน ผมผิด แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าจะทำอย่างอื่นหรือไม่หากเกิดเหตุการณ์อีกครั้งในวันพรุ่งนี้" 

"ผมตรงไปตรงมา ผมมักแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมา การรับรู้ถึงความเกลียดชังและเหยียดหยามขนาดนั้นซึ่งผมก็ไม่ได้อยากให้เกิดกับคนที่เกลียดผมมากๆ หรอก" 

"แม้ทุกวันนี้ หากเราแพ้ ผมก็ไม่ชอบช่วงที่เดินใกล้ถึงทางเข้าอุโมงค์เพราะผมยังจดจำใบหน้าเหล่านั้นได้ คนเดิมๆ ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ผมก็เพียงก้มหน้าก้มตาเดินไป ผมทนทุกข์กับฝันร้ายนั้นมาแล้ว และไม่ต้องการมันอีก" 

  

"ความเชื่อมั่นต่อ อาร์เตต้า"

"ผมถูกดร็อปออกจากทีมและเสียตำแหน่งกัปตัน ตอนที่ มิเกล ได้รับแต่งตั้งเข้ามาในเดือนธันวาคม ผมบอกเขาว่าต้องการย้าย เขาเข้าใจอย่างดี เราได้คุยกันอีกครั้งใน 2-3 วันถัดมาและตอนที่ไปคุย ผมก็ไปพร้อมกับภรรยา กระเป๋าเสื้อผ้าก็วางเรียงพร้อมเพรียงอยู่ตรงประตู" 

  "เมื่อผมตัดสินใจแบบนั้นไปแล้ว มันก็ยากมากๆ ที่จะเปลี่ยนใจ แต่จากนั้น มิเกล ก็เริ่มมาคุยว่าผมสำคัญต่อแผนงานของเขามากเพียงใด ผมชอบความอบอุ่นของนะ เขาจริงใจ ว่ากันตรงๆ และมีแผนชัดเจน ผมรู้สึกว่าเชื่อมั่นในตัวเขาได้ เขาขอเวลาผมหกเดือนเพื่อพิสูจน์ว่าคิดผิด (ที่จะย้าย) และจากนั้นหากผมยังต้องการจะย้ายก็ไม่มีปัญหา"

  "ปกติแล้ว ผมใช้เวลานานในการตัดสินใจเหล่านี้ ผมคุยกับทุกคนรอบข้าง ชั่งน้ำหนักถึงผลได้ผลเสีย แต่วันนั้นผมฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ตัวเอง ผมบอกกับ มิเกล ไปว่า 'ก็ได้ ผมอยู่ต่อ' 


เปลี่ยนใจลุยกันไป อาร์เตต้า

  "ผมโทรบอกภรรยาและคุณพ่อคุณแม่ว่า 'เราจะอยู่ต่อ' พวกเขาก็แบบว่า 'เป็นไปไม่ได้' ผมบอกว่า 'จริง เก็บของออกจากกระเป๋ากัน นี่คือความท้าทายครั้งใหม่ ผมจะผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ไม่ว่าทุกคนจะเอาด้วยกับผมหรือผมลุยไปคนเดียวก็ตามที"

"แน่นอนว่าพวกเขาอยู่กับผมต่อ แต่มันก็ยากนะ ทุกเรื่องแย่ๆ เพิ่งเกิดขึ้น คนพวกนั้นก็พากันพูดว่า 'ทำไมแกไม่ออกจากทีมไปได้แล้ว' ขณะที่พ่อของผมก็บอกว่า 'มันจบแล้ว' ย้อนกลับทำไมอีก? นั่นก็เพราะผมโตพอที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ผมจะปล่อยให้แฟนบอลเหล่านั้นคิดแบบพวกเขาคิดกันไปเองเหรอ? พวกที่คิดว่าผมไร้ค่า? พวกที่เกลียดผม? ไม่มีทาง ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ความคิดผมหนีจาก อาร์เซน่อล ไปแล้ว แต่หัวใจของผมไม่ได้หนีไปไหน

"หัวใจของผมพร่ำบอกผมว่า 'นายจะจากสโมสรแห่งนี้แบบนี้ไม่ได้" 

"ตอนนี้ มิเกล และผมไม่ได้คุยเรื่องอนาคตของผมกันอีกแล้วเพราะหลังจากหกเดือนผ่านไป ผมก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง ทุกวันนี้ผมรู้ว่าผมได้ตัดสินใจถูกต้องอย่างที่สุดเพราะผมยังอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่แสร้งทำหรอกว่าความสัมพันธ์ของผมกับแฟนบอลยังเหมือนเดิมเพราะด้วยเหตุการณ์นั้นมันฝังเข้าไปในใจของผมตลอดแล้ว"


"ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป"

"คุณก็รู้ มันเหมือนแก้วที่แตกไปแล้ว คุณเอามาปะติดปะต่อเข้าด้วยกันได้ก็จริง แต่รอยร้าวไม่ได้หายไปไหน"

"ผมก็อยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่านี้นะ ผมอยากเข้าใจกันและกันให้ดีขึ้น เรารู้ว่านักเตะมีสิทธิพิเศษ แต่คุณก็ต้องเข้าใจด้วยว่าชีวิตของพวกเราก็ยากมากๆ เช่นกัน คุณไม่มีทางรู้ปัญหาของพวกเราเพราะเราไม่เคยพูดออกมา"

"เมื่อคุณวิจารณ์อะไรออกมา ผมคิดว่านักเตะหลายคนในอังกฤษก็แหยงๆ นะ ผมสามารถรับมือได้ เมื่อไหร่ที่ผมรับไม่ได้ ผมจะหยุดเล่น ผมพูดตามตรงเลยว่ามันดีกว่านี้ตอนเล่นให้ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เพราะผมรู้สึกได้รับความรักมากกว่า คุณก่อความผิดพลาดนะ? โอเคมันเกิดขึ้นได้ แต่สำหรับที่นี่ พวกเขาฆ่าคุณได้เลย มันไม่น่าเชื่อจริงๆ ประมาณว่าสัปดาห์นี้ 'ว้าว เขาเล่นดีนะ' แต่สัปดาห์หน้าก็ 'เขาแม่งห่วยแตก' 


เป็นแกนหลักให้ทีมจนถึงฤดูกาลใหม่นี้

  "ผมคิดว่าบางคนไม่ได้ดูเกมเลยก่อนที่พวกเขาจะวิจารณ์เรา มันมีนัดที่เราแพ้ในบ้านนะ ผมบาดเจ็บและได้เพียงนั่งดูจากบ็อกซ์บนอัฒจันทร์ ผมยังได้รับข้อความว่า 'นายเล่นห่วยมากวันนี้'" 

  "อีกอย่าง ผมอยากพูดบางสิ่งถึงคนที่เกลียดชังผมนะว่าคุณจะพูดอะไรเกี่ยวกับผมก็ได้ที่ต้องการ แต่อย่าแตะต้องครอบครัวผม โอเคไหม? ภรรยา ลูกๆ พี่น้อง พ่อกับแม่ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวข้องกับผม คือมันต้องมีลิมิตกันบ้าง หากคุณต้องการวิจารณ์นักบอลสักคน ได้โปรดเลย ก็เจาะจงไปที่คนในสนามเท่านั้น คนอื่นไม่เกี่ยว"

"แน่นอนว่าทุกอย่างปกติดีเมื่อเราชนะ แต่ทันทีที่เราแพ้สัก 2-3 นัด คำวิจารณ์เดิมๆ ก็กลับมา ฟุตบอลก็แบบนี้แหละ"



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด