:::     :::

เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กับการนำทัพสิงห์ยุคใหม่

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
641
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การต่อสัญญาใหมท่ของ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ถือเป็นข่าวดีของ เชลซี อย่างแท้จริง หลังจากที่ต้องเสียทั้ง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ไปก่อนหน้านี้

         ในขณะที่ มาร์กอส อลอนโซ่ ก็เตรียมเก็บข้าวของย้ายออกจากทีมไป ทำให้ "สิงห์บลูส์" ต้องเสียกองหลังถึง 3 คนไปพร้อมกัน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นงานหนักทีเดียว

         เพราะฉะนั้นการที่กัปตันทีมชาวสเปนอยู่กับทีมต่อไปถึงเป็นเรื่องดีๆให้สโมสรรวมถึงแฟนบอลได้ยิ้มออกบ้าง

         หลังตัดสินใจขยายสัญญากับ เชลซี ออกไปอีกสองปีทาง อัซปิลิเกวต้า ได้อธิบายถึงความรับผิดชอบที่เขาเชื่อว่าเป็นการช่วยให้สโมสรดำเนินสิ่งต่างๆได้อย่างราบรื่น รวมถึงเริ่มการสร้างรากฐานสู่ยุคแห่งความสำเร็จในอีกครั้ง


         อัซปิลิเกวต้า จะอยู่ เชลซีครบทศวรรษในปลายเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แม้กระทั่งก่อนจะนำเรื่องความสำเร็จในช่วงค้าแข้งในถิ่นลอนดอนตะวันตกมาพิจารณา แต่มีการยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัซปิ จะยังคงสานต่ออาชีพค้าแข้งร่วมกับสโมสรเข้าสู่ทศวรรษที่สอง

         ข่าวนี้เข้ามาในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสโมสรที่เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ภายใต้เจ้าของทีมคนใหม่ ความเป็นไปได้ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของยุคใหม่ที่เดอะ บริดจ์ สร้างความตื่นเต้นให้กับ อัซปิลิเกวต้า แม้เจ้าตัวจะยืนกรานมาตลอดว่าความมุ่งมั่นไม่เคยเป็นปัญหากับตัวเขา เมื่อต้องพิจารณาถึงเส้นทางอาชีพค้าแข้งในภายหน้า

         "ความมุ่งมั่นของผมมีอยู่เสมอ" อัซปิลิเกวต้า กล่าว "นับตั้งแต่ที่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเห็นสโมสรมีความทะเยอทะยานอยู่ตลอด พร้อมต่อสู้กับทุกๆเรื่องในระดับสูงสุดเสมอ ดังนั้นผมตื่นเต้นจืรงๆกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น"

         "เรามีโปรเจ็คต์ใหม่ แต่เป้าหมายและความทะเยอทะยานของพวกเราคือต่อสู้เพื่อทุกสิ่งอย่างและเราจะทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น เรารู้ว่าการแข่งขันในทุกฤดูกาลสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น เราจะทำงานให้หนัก เพื่อทำให้เป้าหมายที่เราต้องการในฤดูกาลนี้ให้ได้"


         ในเรื่องของความรับผิดชอบนั้นมาง อัซปิ เชื่อว่าอยู่เคียงคู่กับการได้เป็นกัปตันสโมสร นี่ถือเป็นสิ่งที่เจ้าตัวคิดคำนึงถึงเป็นลำดับต้นๆหลังจากการตัดสินใจขยายสัญญาฉบับใหม่

         แข้งวย 32 ปี ยอมรับว่าช่วงเดือนสุดท้ายของฤดูกาลก่อน เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสร แต่เจ้าตัวรู้ดีว่านี่คือหน้าที่ที่เขาจะต้องรับบทผู้นำ การเป็นแบบอย่างท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบาก หมายความว่ากัปตันของพวกเราภูมิใจที่ได้ทำสิ่งนี้กับความท้าทายในการนำทีมผ่านช่วงเวลาดังกล่าว เข้าสู่ฉากต่อไปในหน้าประวัติศาสตร์ของ "สิงห์บลูส์"

         "ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ กุมภาพันธ์ จากการคว่ำบาตรและการเปลี่ยนเจ้าของทีม เราเสียนักเตะไปหลายคนอีกด้วย เราเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ไม่แน่ไม่นอน มันไม่ง่ายเลย แต่ตอนนี้บทใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นและแน่นอนตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน"


         "เมื่อเราอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ คุณมีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะกัปตันทีม ไม่ใช่แค่เป็นกัปตันเพื่อชูถ้วยรางวัลเมื่อเราเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนด้วย อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ดังนั้นหน้าที่ของผมในฐานะกัปตันทีม ผมรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่จะต้องช่วยให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำงานหนักในสนาม เพื่อให้ได้ผลการแข่งขันที่ดี"

         "กับเจ้าของทีมรายใหม่ พวกเขามีความทะเยอทะยานที่จะเดินหน้าคว้าถ้วยรางวัล มุ่งมั่นในการพาสโมสรเติบโต ดังนั้นบทบาทของผม ในฐานะกัปตันทีมคือพยายามช่วยเมันให้มากที่สุดเท่าที้จะทำได้ ไม่ว่าจะทั้งในและนอกสนาม เพื่อให้มีความมั่นคงมากขึ้น ผมรู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบที่ต้องอยู่ที่นี่และหวังว่าจะได้ดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาที่ดีกว่านี้ในอนาคต

         "เรามีคนกลุ่มใหม่ๆที่ทำงานกันอย่างหนัก เพื่อให้สโมสรดีมากขึ้นเรื่อยๆ เราคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เราได้แบ่งปันความเห็นซึ่งกันและกัน ท้ายสุดแล้วเราทุกคนต้องการสิ่งเดียวกัน คือรักษาการเดินหน้าคว้าถ้วยรางวัล พัฒนาทีมต่อไป เติบโตและผลักดันไปด้วยกัน ดังนั้นผมภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง กับการเป็นกัปตันและทุ่มเททุกอย่าง ผมมีประสบการณ์และความเป็นผู้นำในการช่วยเหลือทุกคนที่สโมสร"


         "พวกเรามีช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงตลอดช่วงเวลา 19 ปีที่ผ่านมากับเจ้าของทีมคนก่อน ซึ่งมันสุดยอดมาก ตอนนี้ยุคใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว ในชีวิตจริงเมื่อโอกาสเข้ามาในชีวิต เราก็ต้องคว้ามันไว้"

         นอกจากนี้ อัซปิลิเกวต้า ยังย้อนถึงช่วงเวลาอันน่าทึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมากับ เชลซี โดยในช่วงเวลานี้เจ้าตัวคว้าแชมป์ทุกรายการ และยอมรับว่าสิ่งนี้ข้ามผ่านทุกอย่างที่เขาเคยนึดฝันเอาไว้เมื่อครั้งย้ายมายังถิ่นลอนดอนตะวันก่อนวันเกิดอายุครบ 23 ปีไม่กี่วัน

         ในตอนนั้นเขาเป็นหนึ่งในหลายคนที่ทีมเซ็นสัญญาในช่วงซัมเมอร์ซึ่งมีนักเตะอย่าง เอเด็น อาซาร์, ออสการ์ และวิคเตอร์ โมเซส เข้ามาร่วมทีมที่เพิ่งคว้าแชมป์ยุโรป โดยทราบดีว่าเจอกับงานหนักในการสอดแทรกเข้าไปเป็นตัวจริงของทีมที่เปี่ยมทั้งประสบการณ์และคุณภาพ


         "ผมมาถึงสโมสรในปี 2012 และผมจดจำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ผมเป็นดาวรุ่งที่เข้าสู่ค็อบแฮมพร้อมความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ เชลซี เพิ่งคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นแน่นอนว่าเราอยากสัมผัสความรู้สึกนั้นเช่นกัน ในการคว้าแชมป์ทุกอย่างที่ เชลซี เคยได้มาครอบครอง"

         "ผมรู้ว่าผมไม่ใช่การเซ็นสัญญาสำคัญอะไรที่จะเข้ามาแล้วอยู่ใน 11 ตัวจริงทันที แต่ผมรู้ว่าสโมสรมีความเชื่อมั่นในตัวผม โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ผู้จัดการทีมในตอนนั้นเชื่อมั่นในตัวผม ส่วน ไมเคิ่ล เอเมนาโล่ ผู้อำนวยการเทคนิคก็เช่นกัน ดังนั้นผมรู้สึกถึงความเชื่อมั่น แม้ผมจะรู้ว่าผมมีงานต้องทำเพื่อสอดแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในทีม ผมมีสมาธิกับการเรียนรู้ทุกวัน ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ลงสนามช่วงแรก และค่อยๆเติบโตจากจุดนั้น 10 ปีผ่านไป ผมยังคงอยู่ที่นี่!"

         "แน่นอนว่าผมต้องการคว้าแชมป์ แต่ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้เยอะนักหรอก คุณแค่อยากจะได้ถ้วยรางวัล หลังผ่านไป 10 ฤดูกาล การเก็บครบทุกโทรฟี่ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ผมก็ภูมิใจจริงๆแต่ผมยังอยากได้มากกว่านี้ เรื่องนี้ชัดเจนมาก ผมไม่อยากหยุดที่ตรงนี้ ผมอยากจะช่วยสโมสรให้เฝ้าเก็บถ้วยรางวัลมากขึ้นเพื่อทำให้แฟนบอลของเราภูมิใจ เมื่อคุณมีความรู้สึกของการชูโทรฟี่ คุณอยากจะทำมันอีกครั้งแล้วครั้งเล่า"


         กับการคว้าโทรฟี่เหล่านั้นถือเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดที่เขามีร่วมกับสโมสร อย่างไรก็ตามเกมถล่ม วูล์ฟส์ 6-0 ในนัดประเดิมสนามที่สมบูรณ์แบบกับ "สิงห์บลูส์" ยังคงเป็นความทรงจำที่มีความสุขที่สุดสำหรับ อัซปิลิเกวต้า

         "ผมคงต้องบอกว่า การลงเล่นนัดแรกให้ เชลซี ในฟุตบอลลีก คัพ กับ วูล์ฟส์ ยังคงเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุด ผมเฝ้ารอที่จะได้ลงสนามในนัดนั้นและผมก็สนุกกับมันมาก ผลการแข่งขันถือว่าดีเลย แล้วก็เล่นกันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ด้วย ดังนั้นทุกอย่างมันใช่ไปหมด"

         "จากนั้นการคว้าแชมป์ ก็เป็นโมเม้นต์สำคัญที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นวันที่เราคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกในเป็นสมัยแรกตั้งแต่ผมย้ายมาในปี 2015 หรือวันที่เราได้โทรฟี่หรือคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ปอร์โต้ แชมป์สโมสรโลกที่อาบูดาบีก็พิเศษเหมือนกัน การได้สัมผัสกับถ้วยใบนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร"


         "ผมต้องบอกด้วยว่ามีช่วงเวลาที่ดีมากๆ ซึ่งเราไชื่นมื่นบรรยากาศที่สุดวิเศษที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ รวมทั้งเกมนัดเยือนร่วมกับแฟนบอลของเราด้วย ตอนที่เราคว้าชัยชนะที่บ้าน เวสต์ บรอมวิช คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 2 ของผม นั่นเป็นหนึ่งในโมเม้นต์ที่พวกเรามีความสุขกันจริงๆ'

         ด้วยสัญญาใหม่ของ อัซปิลิกวยต้า หมายความว่าเราจะได้เห็นเขาอยู่กับ เชลซี ไปอีกอย่างน้อย 2 ปี มั่นใจได้เลยว่าจะมีโมเม้นต์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งถูกเพิ่มเข้าไปในลิสต์ดังกล่าวเร็วๆนี้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด