:::     :::

"อัลตร้ามาราธอน" งานยากระยะยาว ของเอริค เทน ฮาก

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,099
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
คำให้สัมภาษณ์ของ เอริค เทน ฮาก หลังเกมแพ้เบรนท์ฟอร์ดเละเทะ 4-0 แสดงให้เห็นถึงอะไรหลายๆอย่างของทีม และมุมมองจากผู้จัดการทีมที่มีความพ่ายแพ้นัดนี้ บทความจะทำให้ผู้อ่านเห็นอะไรบางอย่างได้ดีขึ้น เพื่อที่จะสู้ต่อไปในการเอาใจช่วยแมนยูไนเต็ดให้ผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้ายไปได้ เพราะนี่คือ "งานยากในระยะยาว" ของเรา ประหนึ่ง เทน ฮาก ต้องลงวิ่งอัลตร้ามาราธอน และมันต้องใช้เวลากว่าจะถึงเส้นชัย

"มันเป็นเรื่องที่ยากและไม่คาดคิดมาก่อนสำหรับผม ทีมจะต้องรับผิดชอบสิ่งนี้ไป ซึ่งผมรู้สึกเสียใจที่ทำให้แฟนๆผิดหวัง ผมขอให้พวกเขาเล่นด้วยความ และรับผิดชอบ แล้วพวกเขาไม่ทำกัน"

"จริงๆมันจะสำเร็จได้นะถ้าพวกเราร่วมมือด้วยกัน แต่เอาจริงๆอย่าเข้าใจผิดที่พูดนะ เรื่องนี้ผู้จัดการทีมต้องรับผิดชอบคนแรกอยู่แล้ว และผมก็ยอมรับตรงนี้ แต่ผมจำเป็นต้องมอบความเชื่อให้พวกเขา และพวกเขาต้องทำมันด้วยตัวเอง"

"สองประตูแรกเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลล้วนๆ อันนี้ชัดเจนมาก ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นได้ในการเล่นฟุตบอล ในสนามคุณก็ต้องพยายามสู้ต่อไปให้ได้ แต่มันก็ต้องแก้อะไรบางอย่างบ้าง การเปลี่ยนสามตัวช่วงพักครึ่งมันเป็นเรื่องการส่งนักเตะลงไปเติมความสด อีก8คนที่เหลือก็มีสิทธิ์ที่ผมจะเปลี่ยนออกได้เหมือนกัน"

"ในกระบวนการที่ยากเหล่านั้น เราทำงานร่วมกันเป็นทีม และคุณคาดหวังการเริ่มต้นแบบที่มันแตกต่างออกไป สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนมันจะซ้ำรอยกับฤดูกาลที่แล้วเลย ที่เริ่มต้นมาในซีซั่นนี้ เพราะงั้นเราต้องรีบเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด"

"เราต้องการนักเตะใหม่ที่มีคุณภาพเข้ามาอีกมาก เราจะพยายามดึงตัวเหล่านั้นเข้ามาช่วยทีมให้ได้"

"มันยุติธรรมแล้ว เพราะว่าพวกเขาดูกระหายมากกว่าทีมเรา เวลาที่คุยกันเรื่องความรับผิดชอบต่อทีมนั้น มันต้องเริ่มขึ้นทันทีที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีด ทุกคนต้องพร้อมลุยตั้งแต่เกมเริ่ม การสร้างความผิดพลาดหลายต่อหลายครั้งไม่ควรเกิดขึ้นกับการเล่นในระดับนี้ พวกเขาเล่นได้โคตรน่าผิดหวังมาก แต่มันก็ต้องเล่นไปเรื่อยๆเพราะเวลาในเกมยังเหลืออีกเยอะ"

"แต่มันห่วยแตกมาก กระจอกจริงๆ เราต้องเล่นให้มาตรฐานมันสูงกว่านี้ อันนี้เห็นชัดอยู่แล้ว"

"ผมหาเหตุผลมาตอบได้เยอะเลยนะในวันนี้ แต่ถ้าพูดมันก็ดูจะเป็นการแก้ตัวจริงๆ และการแก้ตัวไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำเลย สิ่งสำคัญสุดคือเราต้องแสดงฝีเท้าออกมาให้เห็นเท่านั้นเอง ซึ่งทีมเราไม่ทำมันออกมา"

"แน่นอนว่าการเริ่มต้นด้วยสภาพแบบนี้มันไม่ง่ายเลย แต่ผมยังต้องเชื่อต่อไป ผมเห็นอะไรดีๆหลายอย่าง แต่ว่ามันเป็นสองนัดที่น่าผิดหวังจริงๆ

"มันมีความกดดันแน่นอน ผมรู้อยู่แล้ว ยิ่งในระดับสูงสุด แรงกดดันยิ่งสูงไปด้วย ผมจำเป็นต้องวิเคราะห์ให้ละเอียดๆแล้วหาวิธีแก้ให้ได้ นั่นคืองานของผม"

"นักเตะในทีมสามารถเล่นในระบบของผมได้ พวกเขาทำได้ พวกเราเห็นมันมาในช่วงปรีซีซั่น แต่เกมวันนี้เราเล่นได้อ่อนจริงๆ เราต้องเล่นบอลไดเร็คต์มากกว่านี้ เราปล่อยให้เขาเข้ามาติดตัวมากเกินไป"

และนี่คือบทสัมภาษณ์แบบดุเดือดหลังเกมของ เอริค เทน ฮาก ที่อ่านแล้วก็พิจารณากันได้ชัดเจนว่า เอริคกล้าที่จะพูดออกมาแบบตรงๆที่ตำหนิการเล่นของทีมเราในสนามว่าโคตรน่าผิดหวังจากลูกทีมของตัวเอง เราได้เห็นแล้วว่า เทน ฮาก มีความตรงมากกว่าที่คิด เพราะเราอาจจะนึกว่าเขาจะเก็บปัญหาไปเคลียร์หลังบ้าน แต่การเปิดเผยและพูดกับสื่อแบบนี้ ถือเป็นวิธีการปฏิบัติที่ส่วนตัวคิดว่าเอริค ทำถูกแล้ว

ซึ่งขณะเดียวกัน แน่นอนว่าเขารู้ตัวเองเช่นกันว่า มันเป็นความผิดของผู้จัดการทีมเป็นหลัก ไม่ได้โทษนักเตะอยู่ฝ่ายเดียว สังเกตดีๆมันจะมีเรื่องแทคติก เรื่องในสนามด้วยที่เอริคพูด ซึ่งเขาต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องแทคติกอยู่แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกที่ 4 ซึ่งเป็นปัญหาสองเรื่อง ก็คือ เรื่องที่ทีมไม่เล่น counter-pressing ในจังหวะเสียบอลบุกแดนสูง / ปฏิกิริยาตอบสนองต่อคู่แข่งที่จะสวนกลับ ยังไม่ดีพอ และไม่ยอม "ตัดเกม" เลยแม้แต่นิดเดียว

เสียบอลแดนบนจังหวะนี้ ไม่มีชะลอเกมสวนกลับของเบรนท์ฟอร์ดเลย ไม่ว่าจะcounter-pressหรือตัดฟาล์ว สุดท้ายโดนวางยาวเสียลูก4

เรื่องนี้ถามว่าโทษนักเตะได้ไหม จริงๆก็โทษได้ แต่เอริคเองก็ต้องสั่งแผน และกำชับการเล่นของเด็กๆให้เข้ม และรับรู้ได้มากกว่านี้ว่า เจอจังหวะtransition play แบบประตูที่ 4 มันจะต้องมีวิธีการรับมือยังไง สำหรับการเจอสวนกลับเร็ว

เวลาที่ทีม overload บุกดันเกมขึ้นสูงแบบนี้ ซึ่งส่วนตัวผมเชื่อว่าเอริคจริงๆก็รู้อยู่แล้วว่า การเติมเกมรุกโถมขึ้นไปแบบนี้ ข้อดีข้อเสียเป็นยังไง เขาถึงได้ต้องการกองหลังที่มีสปีดความเร็วสูงในทีมเข้ามาเป็นอันดับต้นๆ

และผู้รักษาประตู ที่ถ้าเลือกได้ เกมแบบนี้มันเหมาะกับ Sweeper Keeper มากกว่า แต่ทีมเราก็เลือก David de Gea เป็นมือหนึ่งในซีซั่นนี้ และไม่สามารถออกมาตัดบอลนอกกรอบเขตโทษได้บ่อยๆ เหมือนโกลสาย SK อีกคนที่เรามี และก็หนีไปยืมตัวก่อนแล้ว อย่าง Dean Henderson ที่รู้ตัวดีว่า อยู่ที่นี่ยังไงก็สำรองเดเคอา

มันคือเรื่องเชิงแทคติก ที่นักเตะ และ ผู้จัดการทีมต้องรับผิดชอบกัน (พูดเฉพาะแค่ในกรณีประตูที่ 4 เรื่องเดียวก็ยาวเฟื้อยแล้วครับเห็นมั้ย)

และคำถามเรื่องหนึ่งที่ส่วนตัวผมก็รู้สึกว่าไร้สาระเหมือนกัน กับการมานั่งจับจด จ้องจะหยิบเอาสถิติเก่าๆมาบรรยายเพื่อตอกย้ำปัญหาของทีมเสมอๆ เวลาที่เล่นพลาดบ้าง แพ้ทีมคู่แข่งบ้างในยุคนี้

โดยเฉพาะไอ้สถิติประเภทว่า ไม่แพ้ทีมXXX มา XX ปีแล้ว ตั้งแต่ 19XX (มึงอยู่ในยุคร็อคแมนรึไงกัน) สถิติพวกนี้ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเราเลยเอาจริงๆแล้ว แค่เอามาตอกย้ำว่ามันไม่มีการพ่ายแพ้มานานแค่ไหน ก็เท่านั้น แต่ในเมื่อทีมมีปัญหา ทีมกำลังตกต่ำ ทีมกำลังเล่นไม่ดี และเราพยายามแก้ไขกันอยู่ ก็แค่นั้นเอง แพ้ก็แพ้ มันจะอะไรนักหนา

นี่คือสิ่งที่สื่อต่างๆ แหล่งข่าวต่างๆในยุคนี้มักจะหยิบสถิติพวกนี้มาทำเป็นโพสต์ ออกข่าว ออกสื่อต่างๆ ทั้งไทยทั้งเทศ ให้มันดูแย่ ทั้งๆที่มันไม่ได้matterอะไรเลย

ควรห่วงเรื่อง "ฟอร์มปัจจุบัน" มากกว่าเอาเวลาไปคิดว่าแมนยูไม่ได้แพ้ต้นซีซั่นสองนัดติดมากี่ปีแล้ว

เอริคก็รู้สึกแบบเดียวกับผม ต่อคำถามที่นักข่าวไปถามเชิงบอกๆให้เขารู้ว่า ครั้งสุดท้ายที่แมนยูแพ้สองเกมแรกของพรีเมียร์ลีกนั้น คือฤดูกาล 1992/93 ซึ่งนานมาก ("30ปีที่แล้ว"พอดี) แต่สุดท้ายปีนั้นแมนยูก็กลับมาคว้าแชมป์ลีก

คำตอบของเอริคที่ได้ยินคนพูดเรื่องนี้ให้เขาฟังว่ามันเป็นแบบนี้ สิ่งที่เจ้าตัวตอบก็คือ “OK, thank you.” แปลเป็นไทยก็ประมาณได้ว่า โอเคครับ ขอบคุณนะสำหรับข้อมูล หรือไม่ก็ เคๆ ขอบคุณที่บอก แค่นั้น

สำคัญอะไรไหม? ไม่เลย สำหรับผู้เขียน ทั้งเรื่องที่ไม่แพ้สองนัดติดต้นฤดูกาลมา 30ปีแล้ว ก็ไม่ได้เป็นเรื่องโลกแตกอะไรขนาดนั้น กีฬาก็มีแพ้ชนะได้ หรือเรื่องที่หยิบมาพูดเหมือนจะให้มีความหวังว่า "เฮ้ย แพ้สองนัดตอนนั้น แต่สุดท้ายกลับมาเป็นแชมป์ลีกได้นะเว้ย" ไอ้แบบนี้ก็ไม่สำคัญเหมือนกัน

"ไล่ปลิง"สำคัญกว่า จริงๆนะจะบอกให้

ผมคิดว่าเทน ฮากไม่ได้ใส่ใจอะไรกับสถิติ หรือเรื่องที่เคยเกิดขึ้นตรงนี้เลย เพราะบริบทของสถานการณ์และเวลา มันก็แตกต่างกันมากๆ ถามว่า เนี่ย ปีนี้เราแพ้สองนัดแรกนะ แปลว่า เรามีสิทธิ์จะลุ้นแชมป์เหรอ?

ไม่มีทางงงงงงงงงงงงงงง

จะพูดอะไรพวกนี้ขึ้นมา เกรงใจซิตี้ ลิเวอร์พูล สเปอร์ส อาร์เซนอล เชลซีเด้วยที่มีโอกาสลุ้นแชมป์กัน ซึ่งยังไม่ใช่เราในตอนนี้

และทั้งหมดนี้ คือมุมมองของผู้จัดการทีมของเราที่ให้สัมภาษณ์ประเด็นสำคัญๆ ที่ผมยกมาแปลอย่างเต็มๆอย่างถูกต้องตามบริบทแบบถึงที่สุด ไม่ใส่ไข่ และไม่แปลออกมาตรงๆห้วนๆ ที่อาจจะทำให้คนอ่าน ไม่เข้าใจว่า เอริคพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

ก็หวังว่า คุณจะได้เห็นมุมมอง ความรู้สึกของผู้จัดการคนนี้ของเรา ต่อเกมเมื่อวาน ซึ่งท่านผู้อ่านก็มีวิจารณญาณกันเองอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลายคนอาจจะเริ่มคลางแคลงความสามารถของเอริค หลายคนเช่นผม อาจจะรู้สึกว่า ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นได้

ที่เอริคพลาดตอนนี้ มันก็เป็นส่วนหนึ่งของ process การสร้างทีมให้ดีขึ้น เหมือนที่ผู้จัดการทีมทุกคนบนโลกนี้ก็เคยทำพลาด และทำให้พวกนักเตะชนะคู่แข่งไม่ได้มาแล้วแค่นั้น

เพียงแต่ว่า performance ในสนามเมื่อวาน มันดูแย่มากในหลายๆส่วนก็เท่านั้นเอง ซึ่งส่งผลให้แฟนบอลอย่างเรา ที่กำลังมีความหวังกับยุคใหม่ เหมือนโดนตบหน้าแล้วลากไปยืนรอไฟแดงแยกสะพานควายยังไงยังงั้น

อดทน และรอต่อไป ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นจริงๆ และกว่าที่ทีมมันจะลงตัว และเริ่มพัฒนาแบบเป็นชิ้นเป็นอัน ต้องใช้เวลาอีกค่อนข้างเยอะในการปรับทีม

อย่างน้อยๆ ประเด็นง่ายสุดคือเรื่องนักเตะไร้คุณภาพในทีม ทั้งฝีเท้า ทั้งทัศนคติ มีเต็มไปหมด เอริครับงานที่โหดที่สุดงานนึงในโลกฟุตบอล กับทีมที่มีแฟนบอลเยอะมาก ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งคนที่พร้อมตำหนิ คนที่พร้อมอวย และคนที่เข้าใจด้วยเหตุผล ก็มีอยู่เป็นจำนวนมากในหลายๆแบบ

แต่ที่แน่ๆ หลังจากที่เอริค ให้สัมภาษณ์ซัดยับไปแล้วเมื่อวาน เมื่อกลับไปยังสโมสร นักเตะแมนยูก็ถูกยกเลิกวันพักผ่อนทันทีหลังจากที่แพ้เบรนท์ฟอร์ดเมื่อวาน จากperformancesที่ย่ำแย่โคตรๆ และผู้จัดการทีมก็สั่งนักเตะทุกคนมารายงานตัวที่แคริงตันในเช้าวันนี้ทันที เพื่อฝึกซ้อมเพิ่มเติมเป็นพิเศษอีกวัน

ทุกสิ่งเพิ่งเริ่มต้น และคำพูดเดิมๆ ที่ต้องท่องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจคือ "เวลา" สำคัญมากๆสำหรับการทำทีม

สำคัญมากๆสำหรับนักเตะเราที่จะเรียนรู้ระบบของเทน ฮาก

สำคัญมากๆสำหรับทีมเวิร์คที่นักเตะจะเล่นแล้วเข้าขา เข้าใจกันมากกว่านี้ ไม่ใช่ลูกง่ายๆยังจ่ายไม่ตรงกันให้เห็นในเกมจริงในสนาม ซึ่งมันทุเรศลูกตาสุดๆ

สำคัญมากๆสำหรับความผิดพลาด และการโดนรับน้องของคนหน้าใหม่สำหรับพรีเมียร์ลีก ทั้งเอริค เทน ฮาก ที่คงจะมีผิดพลาด และเจออะไรที่เขาไม่เคยเจออีกมากมาย จนกว่าเขาจะได้รับบทเรียนเพียงพอ และแก้ไขมันได้ในอนาคต

สำคัญสำหรับลิซานโดร มาร์ติเนซ, ไทเรลล์ มาลาเซีย และอีกหลายคนที่กำลังจะตามเข้ามาจากลีกอื่น มาเป็นนักเตะในทีมเรา ก่อนที่ตลาดซัมเมอร์นี้จะปิด ซึ่งเราคงจะซื้อนักเตะมาเปลี่ยนพวกตัวไร้คุณภาพได้ไม่หมดในฤดูกาลเดียวแน่นอน คงใช้อีกหลายหน้าต่างแน่ๆ อย่างน้อย 3-4 transfer windows ต้องมี

ให้กำลังใจกันต่อไปครับ แฟนผีเราก็อดทนไปกับมัน และเชียร์กันเป็นนัดๆ มองปัจจุบันตรงหน้าว่า เอริคทำทีมเป็นยังไง มีทิศทางและเป้าหมายที่ถูกต้องไหม เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

CR7 หนึ่งในนักเตะที่น่าสงสารที่สุดที่ต้องอยู่กับทีมสภาพนี้ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงจิตใจนักสู้มากกว่าคนอื่นๆในทีม

การพาแมนยูกลับมาประสบความสำเร็จให้ได้ของเอริคในสถานการณ์ตกต่ำปัจจุบันนี้ มันคือเกมอัลตร้ามาราธอน ที่เป็นงานยากซึ่งต้องสู้กันในระยะยาวมากเกินกว่า 42.195 กิโลเมตรขึ้นไป ไม่ใช่มินิหรือฮาล์ฟมาราธอนที่วิ่งกันแค่ 10 หรือ 20กิโลแล้วจบงานกันได้ง่ายๆในระยะสั้นหรือระยะกลาง

มันต้องค่อยๆแก้ปัญหาไปตลอดเส้นทางที่เจอ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะเจอปัญหาอะไรอีกต่อจากนี้ แต่สิ่งที่นักวิ่งระยะไกลจะทำได้ดีที่สุดคือ เตรียมตัวเองให้พร้อมรับ "ปัญหา" ระหว่างทางให้มากที่สุดก็พอ เพื่อที่อย่างน้อยจะได้พาตัวเองต่อไป แล้วถ้าทำได้ ปลายทางมันก็จะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ถ้าเราไม่หยุดก้าวไปข้างหน้า ต่อให้ไกลแค่ไหนก็มีโอกาสเข้าเส้นชัยได้แน่นอน

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด