แต่หนนี้ ชูอาเมนี่ ทำได้น่าประทับใจ ประตูแรกจากจุดโทษที่ อลาบา ยิงไปโดนมือ เรนาโต้ ตาเปีย มาจากเขาที่ขึ้นแย่งโหม่งลูกเตะมุม นอกจากนี้ในจังหวะประตูปิดท้าย 4-1 ของทีมก็ยังทำได้ดีมากอีกด้วย
เข้าปะทะแข็งแกร่ง, ขโมยบอล,วิ่งไม่หยุด,ทั้งยังเชื่อมเกมกับ วินิซิอุส....นี่คือการเล่นที่ทำให้มาดริดิสต้าทุกคนโล่งอกขึ้นเยอะ และอดตื่นเต้นไปกับแผงมิดฟิลด์ชุดใหม่ของทีมไม่ได้
ชูอาเมนี่ นี่คือ ‘เอล บีโช่’ (el bicho) คนใหม่ !! สื่อใหญ่ มาร์ก้า ชูว่าอย่างนั้น
อย่างไรก็ดี จากการเล่น เห็นได้ว่า ชูอาเมนี่ นั้นให้คุณภาพที่แตกต่างไปจาก กาเซมีโร่ ซึ่งอีกไม่ช้ามันกำลังจะเปลี่ยน มาดริด ไปอีกหนึ่งมิติการเล่น
ด้าน อันเชล็อตติ ชื่นชมมิดฟิลด์ฝรั่งเศสว่าคราวนี้ “ทำได้เหมือนอย่างที่ซ้อม” เล่นอย่างมีคาแรกเตอร์ เอนจอยไปกับเกม
กุนซืออิตาเลี่ยนชื่นชมการทำงานของ 3 มิดฟิลด์ในเกมนี้ (โมดริช,กามาวินก้า,ชูอาเมนี่) และว่าด้วยความช่วยเหลือของ เฟเด บัลเบร์เด้ ยิ่งทำให้ทีมเล่นเกมป้องกันได้แข็งแกร่งขึ้น นี่คือสูตรที่สำคัญของ เรอัล มาดริด การมี บัลเบร์เด้ ช่วยให้ทีมสมดุล แม้เขาจะไม่ใช่ปีกขวาธรรมชาติก็ตาม
.
ในส่วนของรูปเกม เรอัล มาดริด เริ่มต้นได้ดี ออกนำอย่างรวดเร็วจากจุดโทษของ คาริม เบนเซม่า แต่รักษาความได้เปรียบเอาไว้ได้ไม่นาน เมื่อ เอแดร์ มิลิเตา พลาดทำเสียจุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลในกรอบ
เห็นได้ชัดว่าเกมนี้ มิลิเตา มีปัญหาจริงๆ เมื่อต้องเจอกับกองหน้าที่รูปร่างสูงใหญ่และชำนาญในลูกกลางอากาศอย่าง กอนซาโล่ ปาเซียนเซีย
จุดโทษของ ยาโก้ อาสปาส ยิงได้อย่างเฉียบขาด กูร์ตัวส์ พุ่งเต็มที่แล้วแต่ไม่ทัน
จากนั้นเกมก็กลับมาสูสีกัน ในฐานะเจ้าถิ่น เซลต้า บีโก้ พยายามสู้และสร้างแรงกดดันให้กับ มาดริด ไม่ให้ออกบอลได้ง่ายๆ แต่แล้ว ลูก้า โมดริช ก็มาเปลี่ยนไดนามิกของเกมด้วยลูกยิงสุดสวย
อลาบา จ่ายง่ายๆจากริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อน โมดริช จะค่อยๆลากตัดเข้ากลางและปั่นด้วยขวาผ่านมือ อากุสติน มาร์เชซิน เข้าไป เกมที่สูสีเกิดความแตกต่างทันที ทั้งยังมาในช่วงเวลาสำคัญก่อนจบครึ่งแรกเพียง 4 นาที
………………………….
อันเชล็อตติ รับว่าลูกยิงนำ 2-1 ของ โมดริช นั้นเปลี่ยนเกม ทำให้ มาดริด ผ่อนคลาย กลับมาครึ่งหลังการออกบอลทำได้ง่ายขึ้น การ transition ไหลลื่น ทั้งจากรับเป็นรุกและจากรุกเป็นรับ
ส่วน เอดูอาร์โด้ กูเด็ต โอดครวญว่า มาดริด ลงโทษทีมของเขาทุกครั้งที่มีโอกาส
“ประตูของ โมดริช เป็นโอกาสยิงครั้งแรกของเขาแล้วก็เป็นประตูเลย มันเป็นประตูที่ยอดเยี่ยม”
กุนซืออาร์เจนไตร์ยอมรับว่าไม่รู้จะป้องกันลูกยิงของ โมดริช ยังไง ส่วนอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญนั้น กูเด็ต มองว่าเริ่มต้นครึ่งหลังทีมของเขามีโอกาสตีเสมอ 2-2 อย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ทำไม่ได้ ก่อนจะโดนทะลวงลูกที่ 3 จากจังหวะโต้กลับของ วินิซิอุส จูเนียร์ ซึ่งมันทำให้เกมของ เซลต้า พัง
“นี่คือคู่ต่อสู้ที่อยู่คนละชั้นกับเรา” กูเด็ต กล่าวอย่างยอมรับสภาพว่า มาดริด เหนือกว่าทุกอย่าง
ผมเคยพูดและเขียนถึง เรอัล มาดริด ของ อันเชล็อตติ ชุดนี้หลายครั้งว่าเป็นทีมที่เขี้ยวลากดิน ฉวยโอกาสเก่ง พวกเขาไม่ใช่ทีมที่เล่นดุดันหรือเล่นสวย แต่เล่นเพื่อชนะ และเล่นได้หลายรูปแบบ บางเกมทีมยอมตั้งรับในแดนเพราะเชื่อว่าคือวิธีที่สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้
หลายเกมเล่นดีแค่ 30 นาทีสุดท้าย และในจังหวะที่เล่นดีเพียงชั่วอึดใจก็สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ทันที
ในเกมที่สูสีเช่นกับ อัลเมเรีย ในนัดแรก หรือที่ บาไลดอส เมื่อคืนวันเสาร์ พวกเขาก็ลงโทษคู่ต่อสู้ด้วยความพิเศษของนักเตะ ประตูบางทีก็ไม่จำเป็นต้องมาจากเกมเสมอไป แสดงให้เห็นถึงความหลากหลาย
เกมเมื่อคืนหาก เซลต้า บีโก้ มีนักเตะอย่าง โมดริช อยู่ในทีม พวกเขาอาจเป็นผู้ชนะไปแล้ว แต่ความจริงข้อนึงที่ต้องยอมรับก็คือมีไม่กี่ทีมที่สามารถมีนักเตะเช่นนี้ได้ ซึ่ง เรอัล มาดริด คือหนึ่งในนั้น
………………………….
ต่อข้อกังวล ถึงการย้ายออกไปของ กาเซมีโร่ แต่ใน ‘post-Casemiro era’ เกมแรก เรอัล มาดริด สามารถคว้าชัยชนะที่สวยงาม เล่นดีขึ้นกว่าเกมแรก ยิงประตูได้เยอะกว่าเกมแรก
ตัวแทนอย่าง ชูอาเมนี่ ตอบสนองได้ดีขึ้น เห็นถึงทิศทางในแง่บวก เขาทำได้อย่างที่ทำในสนามซ้อม (อันเชล็อตติ พูด) แต่ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ลา ลีกา คือเกมยาว และการต่อสู้ในเกมยาวก็เหมือน roller coaster มีขึ้น-มีลง ยังมีอีกร้อยโค้ง พันทางตรงที่รอการพิสูจน์
การขาดหายไปของ กาเซมีโร่ อาจยังไม่ส่งผลกระทบในทันทีก็เป็นได้ การตัดสินใจไม่ซื้อแข้งใหม่ในตลาดหน้าร้อนอาจเป็นความคิดที่ผิดได้เช่นกัน ไม่มีใครรู้ ทุกอย่างรอการพิสูจน์ในสนาม ในแต่ละสัปดาห์ เกมต่อเกม
เจมส์ ลา ลีกา
