:::     :::

สงครามยังไม่จบ

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
3,716
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์จบลงแบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น ในมุมมองของ บาร์เซโลน่า แต่สำหรับกับ เชลซี คงต้องมีหงุดหงิดกันบ้างที่ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้
ทีมยักษ์ใหญ่จากสเปนยกทัพกลับดินแดนด้วยผลเสมอบวกกับประตูอเวย์ โกล กุมความได้เปรียบอยู่เล็กน้อย
ถึงกระนั้นคงต้องลุกยืนขึ้นปรบมือให้กับ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่วางแผนและลูกทีมก็เล่นกันได้อย่างแข็งขันตลอด 90 นาทีของเกม
การไม่มีกองหน้าตัวเป้าในเกมนี้ส่งผลทั้งดีและไม่ดีในขณะเดียวกัน ในระบบ 4-3-3 ที่แนวรุกวาง เปโดร โรดริเกซ, วิลเลี่ยน และ เอแด็น อาซาร์ แน่นอนว่าความยืดหยุ่นมีสูง นักเตะทั้งสามคนสามารถสลับตำแหน่งกันได้ตลอดเวลา แต่มันก็ขาดคนที่จะคอยเป็นกันชนกับ เคราร์ด ปีเก้ และ ซามูแอล อูมติตี้ 
"สิงห์บลูส์" เปิดฉากด้วยการบีบเกมสูง เพรสซิ่งตั้งแต่ในแดนของ บาร์เซโลน่า หรือแทบจะถึงหน้าเขตโทษเลยด้วยซ้ำ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะด้วยความสามรถเฉพาะของตัวบรรดาแข้งอาซูลกราน่าที่ถนัดอยู่แล้ว "ลิงชิงบอล" แต่ถือว่าเจ้าถิ่นทำได้ดีทีเดียว 
       
                                                                   สูตรการยืนเกมรับของ เชลซี
แต่ก็อย่างที่ อันโตนิโอ คอนเต้ บอกเอาไว้ก่อนแล้วว่าทีมของพวกเขาเป็นรองและคงไม่เปิดเกมรุกหรือบีบเกมสูงพร่ำเพรื่อ ทำให้การครองบอลของ บาร์เซโลน่า ที่มากกว่าชัดเจนและค่อยๆขยับขึ้นมาเรื่อยๆจนพ้นเขตโทษตัวเองมาอยู่ในพื้นที่ของ เชลซี
พูดกันตามตรงการครองบอลมากกว่าของเจ้าบุญทุ่มคงใช้คำว่า "กด" ไม่ได้ เพราะดูแล้ว บาร์เซโลน่า เองก็ไม่ได้รุกคืบไปถึงหน้าเขตโทษเท่าไรนัก ซึ่งทางกุนซือชาวอิตาเลี่ยนวางแผนมาได้อย่างเยี่ยมทีเดียว และนักเตะก็ทำได้ตามแบบแทจะใช้คำสมบูรณ์แบบได้เลย
ครึ่งทางของครึ่งแรกกับสถิติครองบอล 25% ต่อ 75% ไม่ใช่อะไรแปลก เมื่อมองว่า บาร์เซโลน่า ที่ขึ้นชื่อเรื่องการครองบอลอย่างเหนียวแน่น ในขณะที่ เชลซี เล่นเกมแบบฉาบฉวยอาศัยความเร็วของสามแนวรุกที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าเมื่อคุณไม่มีตัวเป้าที่ชัดเจน และทาง เอแด็น อาซาร์ เองก็ถนัดการเล่นทางด้านข้างมากกว่า บางครั้งแอบรู้สึกสงสาร เปโดร ที่บางครั้งไม่รู้ว่าควรจะอยู่ตรงไหนดี 
   
                                                         วิลเลี่ยน ซัดประตูให้ เชลซี ขึ้นนำ
กองหน้าชาวสเปนอาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกม บอลแทบไม่ได้ เห็นเพียงการแวบไปแวบมาในจังหวะไล่บอล แต่ก็เป็นคนหนึ่งที่ถือว่าวิ่งไม่น้อยกว่าใคร การบีบคู่แข่งช่วยให้เพื่อนมีเวลาไปดูตัวประกบคนอื่นได้
แม้ครองบอลน้อยกว่าแต่โอกาสจะแจ้งกลับเป็นของ เชลซี ครั้งแรกจังหวะที่ วิลเลี่ยน กำลังกระชากบอลหลุดเข้าเขตโทษ ยังดีที่ อีวาน ราคิติช มาตัดเกมได้ก่อนหน้าเขตโทษก่อนที่ มาร์กอส อลอนโซ่ ปั่นบอลเข้ากรอบแต่ลูกยิงตามสูตรแบบนี้ มาร์ค อันเดร แทร์-ชเตเก้น แทบจะไปนอนรอรับอยู่แล้ว
โอกาสใกล้เคียงที่สุดในครึ่งแรกยังเป็นของทัพสิงห์บลูส์เมื่อ วิลเลี่ยน ได้ช่องกดด้วยขวาลูกถนัดหน้าเขตโทษ บอลพุ่งชนเสาถนัดถนี่
สตาร์บราซิลยังเพิ่มสถิติให้ตัวเองท้ายครึ่งแรกด้วยการซัดหน้าเขตโทษชนเสาอีกหน สกอร์ไม่ขยับจบที่ 0-0 ในครึ่งแรก พร้อมกับพื้นที่รับผิดชอบของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ดูเหมือนจะมีปัญหาซึ่งใครที่ดูเกมคงได้เห็นว่าพื้นที่หน้าเขตของ บาร์เซโลน่า ก็คือดินแดนทองของ เชลซี
แน่นอนด้วยยี่ห้อ "บาร์เซโลน่า" ไม่มีการเคลียร์บอลมั่วซั่ว หากเสียบอลย่อมเป็นโอกาสของคู่แข่ง โดยเฉพาะกับ เชลซี ที่น่าจะรู้ถึงเรื่องนี้และนักเตะดูจะซ้อมลูกสับไกจากหน้าเขตโทษมาเป็นอย่างดี
และมันก็นำมาซึ่งประตูของทีม "สิงห์โตน้ำเงิน" จากลูกเตะมุม เชส ฟาเบรกาส เล่นสั้นให้ เอแด็น อาซาร์ ดึงจังหวะจ่ายต่อมาหน้าเขตโทษ วิลเลี่ยน ยืนอยู่คนเดียวแต่งเข้าขวาหนึ่งทีแล้วสับไก คราวนี้บอลเเปลี่ยนจากชนเสาบอลเสียบเสาเข้าไปเป็น 1-0 นาทีที่ 62
จะบอกว่า "ไม่จำ" ก็อาจจะไม่ถึงขนาดนั้นเพราะจังหวะที่เกิดขึ้นมันเร็วมาก โดยเฉพาะตัวรุกแซมบ้าที่เท้าไวจริงๆ แต่ เอแด็น อาซาร์ ก็ควรได้รับคำชมเช่นกัน เพราะเขาคือคนที่ดึงตัวประกบได้อย่างน้อย 2-3 คน เปิดโอกาสให้เพื่อนได้เป็นอย่างดี
ได้ประตูขึ้นนำ นักเตะเล่นได้ตามแผน ได้ตั้งรับและโต้กลับอย่างที่วางไว้ ทั้ง เชส ฟาเบรกาส และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ปิดพื้นที่ของ ลิโอเนล เมสซี่ จนทำได้แค่เลี้ยงไปเลี้ยงมาเท่านั้น
แต่การเล่นในเกมระดับนี้ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะถูกลงโทษได้ เชลซี ควรจะได้ประตูที่สองจังหวะที่ วิลเลี่ยน หลุดเดี่ยวมาทางขวา ข้างในมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แต่เขากลับฝืนไม่ยอมจ่าย สุดท้ายเสียบอล ซึ่งอย่างน้อยทีมควรจะจบได้การจบสกอร์ไม่ว่าจะได้ประตูหรือไม่ก็ตาม
ลิโอเนล เมสซี่ ลองเสี่ยงวางบอลให้ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันวิ่งไล่ล่าโดน อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ชนล้ม แน่นอนว่ามันดูโอเวอร์แอคติ้งเกินเหตุ แต่การโวยวายของดาวยิงอุรุกวัยเหมือนจะทำให้นักเตะ เชลซี เสียสมาธิไปซะอย่างนั้น
                   
                                         ลิโอเนล เมสซี่ ปลดล็อคการทะลวงประตูใส่ เชลซี ได้สำเร็จ
ในจังหวะที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ได้บอลทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายจ่ายขวางสนามเข้ากลางในขณะที่ไม่มีใครคาดคิด อันเดรส อีเนียสต้า จมูกไวปราดเข้าหา เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า พุ่งสุดตัวมาวไล์แต่ไม่โดน ก่อนที่มิดฟิลด์กัปตันทีมบุญทุ่มหักเข้ากลาง ลิโอเนล เมสซี่ วิ่งมาคนเดียวแปบอลเรียดเสียบตาข่าย สกอร์เปลี่ยนเป็น 1-1
ฟาเบรกาส ที่เป็นคนคุมพื้นที่ตรงนั้นพยายามพุ่งเข้าไปบล็อคแทนเพื่อนที่เสียจังหวะไปแล้ว เลยทำให้หัวหอกอาร์เจนไตน์อยู่คนเดียว ส่วน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไม่ต้องพูดถึง วิ่งไปรอรับบอลกับ คริสเตนเซ่น ตั้งแต่แรกแล้ว
ความผิดพลาดครั้งเดียวในเกมกลายเป็นสิ่งที่โดนคู่แข่งฉกฉวยเป็นประตูส่งผลกระทบต่อทีมอย่างยิ่ง
คริสเตนเซ่น ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ นี่คือสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในแดนตัวเองซึ่งมีให้เห็นมามากแล้ว ฟาเบรกาส คนที่ควรจะได้บอลไม่คิดว่าบอลจะมาถึงแต่มันก็ห่างตัวออกไปไม่คิดว่าจะมีคู่แข่งเลยปล่อยเลยมา อัซปิลิกวยต้า ไม่น่าพุ่งมาไสล์กลายเป็นเข้าพรวดและตัวเองไม่ถึงบอล 
        
                            อันเดรียส คริสเตนเซ่น คงต้องรับผิดชอบจังหวะเสียประตูของทีมไปเต็มๆ
ทั้งหมดทั้งมวลนำมาซึ่งการเสียประตู แต่ต้องยอมรับ อันเดรส อีเนียสต้า จากที่อยู่ไกลแต่ด้วยความฉลาดรู้ว่ามีโอกาสที่บอลมาถึงเจ้าตัวไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าหา ขณะที่ ลิโอเนล เมสซี่ ก็ยิงได้เฉียบขาด ปลดล็อกยิงประตูใส่สิงห์บลูส์เป็นครั้งแรกในรอบ 9 เกม
จบเกมสกอร์ 1-1 ส่งผลกระทบทางจิตใจของนักเตะ เชลซี ไม่น้อย จากที่ชนะกลายเป็นเสมอแถมยังเสียอเวย์ โกล น่าเสียดายที่การเล่นที่แทบจะไร้ข้อตำหนิของทีมกลับไม่ได้ชัยชนะติดมือ 
แต่ถ้าถามว่าเกมจบรึยัง แน่นอนว่ายัง แม้ว่าการไปเยือนคัมป์ นูจะเป็นงานหนักหนาสาหัสแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยิงประตูไม่ได้ 
รูปแบบการเล่นในเกมนี้ อันโตนิโอ คอนเต้ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถหยุดเกมรุกของ บาร์เซโลน่า ได้อยู่หมด และหาช่องเจาะประตูทัพอาซูลกราน่าได้
เพียงแต่ถึงตอนนั้นทีมต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมเต็มที่ ไม่มีนักเตะบาดเจ็บ เพราะบางครั้งการขาดนักเตะบางคนอาจจะทำให้แผนเปลี่ยนได้ 
                     
                                                     สองประตูทำประตูในนัดนี้จับมือกันหลังจบเกม
สิ่งที่แฟนสิงห์บลูส์ควรกังวลไม่ใช่เกมที่ยังอีกนานเกือบหนึ่งเดือน แต่เกมที่กำลังจะมาถึงที่หนักหนาสาหัสเหลือเกินทั้งการออกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนคั่นด้วย คริสตัล พาเลซ 
ภาวนาอย่าให้ใครบาดเจ็บ ให้นักเตะทุกคนพร้อมกับศึกนัดที่สอง 
อ้อ อีกอย่างอย่าลืมแช่งให้นักเตะ บาร์เซโลน่า เจ็บเยอะๆด้วยล่ะ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด