เอดิซอน กาวานี่ : ผมมา ลา ลีกา เพราะ บาเลนเซีย คือทีมที่ยิ่งใหญ่ PART I
ถาม : รู้สึกอย่างไรบ้างกับได้ลงมาสัมผัสกับพื้นสนามหญ้าที่นี่ (เมสตาย่า) ?
กาวานี่ : แรกเริ่มคุณจะรู้สึกถึงความตื่นเต้นนิดหน่อย ผมเคยมานั่งดูเกมกับ แอต.มาดริด และกับ เคตาเฟ่ ที่นี่แล้ว ผมได้เห็นแล้วว่าสนามเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่าคุณอยากที่จะลงไปสัมผัสกับมันโดยตรง
ถาม : ทำไมถึงเลือก บาเลนเซีย ?
กาวานี่ : อันดับแรก ผมรู้ถึงความหมาย และสิ่งที่ บาเลนเซีย เป็น นี่คือสโมสรที่แฟนบอลยอดเยี่ยม และเมื่อชื่อของคุณตกเป็นที่สนใจของสโมสรเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะสั่นสะเทือนไปหมด ความรู้สึกนั่นทำให้ผมเลือกเล่นฟุตบอล ผมตัดสินใจตามที่ผมต้องการ และเพราะเหตุนี้ผมจึงมีความรู้สึกพึงพอใจและมีความสุข
ถาม : และคุณอยากให้สโมสรแห่งนี้กลับไปยิ่งใหญ่เหมือนเช่นในอดีตด้วยหรือเปล่า ?
กาวานี่ : นี่คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้วโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องกล่าวยกย่องอะไรอีก มันเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีและกระตุ้นคุณเมื่อคุณมาที่นี่ คุณรู้ว่านี่คือสโมสรที่ที่มีสิ่งต่างๆมากมายที่บอกกับคุณได้ว่า ดูสิ นี่คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ซึ่งกำลังจัดการกับแรงกดดันมหาศาล , นี่คือสโมสรที่ต้องการชนะบางสิ่งบางอย่าง ต้องการกลับมาประสบความสำเร็จ
แต่การพูดว่า เราจะไปทำ เราจะประสบความสำเร็จ นั้นมันง่าย สิ่งเดียวที่ช่วยให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายหรือต่อสู้กับเหล่าทีมใหญ่ได้จริงๆคือการทำงานหนัก,ความเป็นมือาชีพและระเบียบวินัย
ถาม : ก่อนที่จะย้ายมา บาเลนเซีย หลายปีก่อนคุณมีโอกาสย้ายมา แอต.มาดริด แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?
กาวานี่ : ใช่ นั่นคือความจริง ผมมีโอกาสในตอนนั้น แต่ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมเพียงคนเดียว แอตเลติโก ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับ เปแอสเช ทีมเก่าของผมได้ แต่โชคดีที่สุดท้าย ผมก็ได้มาเล่นที่ สเปน
ถาม : แล้วกับ โบกา จูเนียร์ ล่ะ ? พูดกันว่าคุณเกือบจะเซ็นสัญญากับพวกเขาแล้วก่อนที่จะเปลี่ยนมาเซ็นกับ บาเลนเซีน ?
กาวานี่ : โปรเจคต์ของพวกเขาดึงดูดผม อันนี้ไม่เป็นที่สงสัย แต่ว่าฟุตบอลโลก ทำให้ผมมองอนาคตข้างหน้าว่าควรอยู่ในยุโรปต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ สเปน , ผมรู้สึกขอบคุณ โรมัน ริเกลเม่ มาก เราไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ถาม : อะไรคือสิ่งที่เซอร์ไพรส์คุณมากที่สุดจากที่ได้เห็นที่ บาเลนเซีย จนถึงตอนนี้ ?
กาวานี่ : แต่ละลีกก็มีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง มันแตกต่างกัน ผมไม่ชอบการเปรียบเทียบ วันนี้ผมได้มาอยู่ที่สเปนซึ่งเคยเป็นความท้ทาย ที่นี่คือลีกที่ผมใฝ่ฝันอยากมาเล่น สิ่งที่ดึงดูดความสนใจผมมากที่สุดก็คือคนทั้งเมืองอยู่เพื่อฟุตบอล , สนามในวันที่มีแมตช์การแข่งขันนั้นมีชีวิตชีวา
รู้สึกได้ว่านี่คือสโมสรที่มีความทะเยอทะยาน มีแรงปรารถนาที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สร้างแรงกระตุ้น ผมไม่ได้พูดเพราะว่าผมมาเล่นใน ลา ลีกา แล้วนะ ไม่ใช่แบบนั้น
ผมมีความสุขเพราะผมรู้สึกว่าผมได้มาอยู่ในสถานที่ที่เปี่ยมด้วยแพสชั่นของฟุตบอล ความปราถนา และเป้าหมายของทุกคนเป็นแบบเดียวกัน ผมรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ ทุกคนต้องการที่จะสู้ ฝ่าฟันเพื่อให้ไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น
ถาม : ในวันเปิดตัวของคุณร่วมกับนักเตะใหม่คนอื่นๆ เห็นคุณใช้เวลาอยู่บนสนามหญ้าของ เมสตาย่า นานเป็นพิเศษ และเดินออกเป็นคนสุดท้าย คุณต้องการสัมผัสกับความรู้สึกแบบใด ?
กาวานี่ : มันเป็นยุคสมัยที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน พวกเขาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตนักเตะซึ่งผมผ่านมาแล้ว ผมตระหนักว่าเราสามารถสนุกไปกับฟุตบอลได้ในอีกแนวทางนึง และผมก็แค่อยากจะสัมผัสกับมันเพิ่มมากขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง
ในวันนี้ผมมาถึงช่วงเวลาที่ได้เห็นเส้นทางที่ตัวเองยังคงเดินอยู่และใกล้ที่จะลาจากชีวิตการเป็นนักฟุตบอลเพิ่มขึ้นอีกนิด
เราควรจะสนุกไปกับมันเพราะมันไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป แต่เป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายปราถนา สิ่งที่ผู้คนฝันถึง แล้วทำไมเราถึงจะไม่ดื่มด่ำกับมันล่ะ ?
วันนึงในตอนเช้า ผมจะจดจำความรู้สึกอันยอดเยี่ยมที่ผมได้มายืนที่ เมสตาย่า , ที่ผมได้ไปยืนอยู่ที่ เซนเตนารีโอ ตอนที่เราผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ผมสนุกไปกับมัน และพยายามที่จะสนุกไปกับทุกช่วงเวลาของฟุตบอลที่ในวันพรุ่งนี้เราไม่สามารถย้อนคืนกลับมาได้
ถาม : บรรยากาศในห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยนักฟุตบอลอายุน้อย กับนักเตะที่อาจจะมีคุณเป็นไอดอลด้วย พวกเขาสารภาพอะไรกับคุณบ้างมั๊ย ?
กาวานี่ : ผมใช้ชีวิตด้วยความรับผิดชอบที่สวยงาม ที่รู้ว่าตัวเองอาจเป็นแบบอย่างหรือเป็นไอดอลของพวกเขา แต่ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะบรรยายออกมาให้กับนักฟุตบอลที่โตกว่าได้ฟังในตอนที่คุณยังเป็นเด็กหนุ่ม พวกเด็กหนุ่มจะมองคุณเป็นแบบอย่างในทุกๆการกระทำของคุณ ภายในห้องแต่งตัว ผมพยายามทำตัวให้เป็นแบบอย่าง
ถาม : คุณเคยปะทะกับ กัตตูโซ่ ในสมัยที่ยังเป็นนักเตะในอิตาลี แล้วตอนนี้มีเขาเป็นเทรนเนอร์ ภายในห้องแต่งตัว คุณเห็นคาแรกเตอร์แบบที่เราเห็นเขาในสนามบ้างมั๊ย ?
กาวานี่ : เขายังคงมีไฟเหมือนสมัยที่เป็นนักเตะ ผมเคยเจอกับเขา เคยปะทะกับเขาในสนามหลายครั้ง ซึ่งแนวทางฟุตบอลของเขานั้นดุดันเข้มข้น และผมคิดว่าฟุตบอลต้องการสิ่งนี้ ต้องการคนที่ทำงานได้ดีและมีประสบการณ์เหมือนอย่างที่เขามี
คาแรกเตอร์ของผู้ชนะเหมือนสมัยที่ยังเป็นนักเตะและฟุตบอลของเขามันถูกถ่ายทอดออกมาในแบบนั้น ฟุตบอลเป็นเรื่องของแพสชั่น มันเป็นแบบนี้มาตลอด อย่างน้อยผมก็รู้สึกอย่างนั้น
แน่นอนว่าเขาจะพัฒนารูปแบบได้ดีขึ้นในการแสดงตัวตน เพราะฟุตบอลมีการเปลี่ยนแปลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ผมคิดว่ามันดีมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสโมสรที่มีความปรารถนาและความทะเยอทะยานที่จะเติบโตแบบนี้
เจมส์ ลา ลีกา
แปล & เรียบเรียง
(อ่านต่อฉบับหน้า)