:::     :::

สัปดาห์แห่ง "Ugly Win"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หนึ่งในคุณสมบัติที่ดีของทีมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จคือ การเก็บชัยชนะได้ตามเป้าแม้ในวันที่ทำผลงานไม่ดี

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ อาร์เซน่อล ในการลงสนามสัปดาห์ล่าสุดทั้งในเวทียุโรปและเกมพรีเมียร์ลีก 

มิเกล อาร์เตต้า กลับมาใช้งานผู้เล่นชุดใหญ่อีกครั้งหลังปรับทีมหลายตำแหน่งในยูโรปา ลีก ที่บุกย้ำแค้น โบโด/กลิมท์ 1-0 จากประตูชัยของ บูคาโย่ ซาก้า

ชุดใหญ่ของ อาร์เตต้า เป็นชุดเดียวกับวันเฉือนชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 สัปดาห์ก่อน โดยที่ตำแหน่งแบ็กซ้ายเลือกใช้บริการ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ อีกนัดในช่วงที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ยังไม่ฟิตกลับมา

ตำแหน่งของ "โทมิ" เซอร์ไพรส์เล็กน้อยเพราะหลายคนคาดว่า คีแรน เทียร์นีย์ น่าจะได้เป็นตัวจริง ทว่า อาร์เตต้า มองว่าการมาเยือน ลีดส์ น่าจะเป็นอีกนัดที่เหมาะกับแนวรับชาวญี่ปุ่นมากกว่าฟูลแบ็กชาวสกอตต์ 

ลีดส์ ไม่ชนะมา 5 นัดติดในลีกก็จริง แต่หากนับเฉพาะในเอลแลนด์ โร้ด พวกเขายังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้และมีหนึ่งในเกมสุดประทับใจไล่ขย่ม เชลซี 3-0 

แมตช์นี้มีปัญหาไม่คาดคิดในช่วงเริ่มต้นที่ไฟสนามดับทำให้ระบบเทคโนโลยีวีเออาร์และโกลไลน์ไม่ทำงาน ต้องใช้เวลาแก้ไขนาน 40 นาทีจึงกลับมาแข่งต่อกันได้ 

ข่าวดีของกุนซือ เจสซี่ มาร์ช คือการได้ หลุยส์ ซินิสเตร์ร่า ปีกทีมชาติโคลอมเบียพ้นโทษแบนกลับมาช่วยเกมรุกอีกครั้ง และเป็นคนที่จี๊ดจ๊าดมากสุดในช่วงยี่สิบนาทีแรกที่หาโอกาสยิงเองหน้าเขตโทษสองครั้งแบบได้ลุ้นเป็นประตู

ลีดส์ ครองบอลน้อยกว่า แต่จังหวะโต้มีอยู่เรื่อยๆ พวกเขาได้ยิงมากกว่า อาร์เซน่อล ที่ 8 ต่อ 7 ครั้ง ขาดเพียงความแม่นยำที่เข้ากรอบครั้งเดียว 

ความผิดพลาดเดียวของเจ้าบ้านในครึ่งแรกส่งผลเสียหายถึงขั้นเสียประตูเมื่อ โรดริโก้ โมเรโน่ ลงมาช่วยเคลียร์บอลในแดนตัวเองก่อนสาดโด่งขวางสนามลอยไปถึง ซาก้า โหม่งตัดได้ก่อนเป็น มาร์ติน โอเดการ์ด ไหลเข้าเขตโทษให้ตามไปซัดมุมแคบด้วยขวาแม้ไม่ใช่ข้างถนัด แต่ยิงได้เด็ดขาดมากแสกหน้า อิลลัน เมส์ลิเย่ร์ เสยตาข่ายอย่างสะใจ


ซาก้า ซัดประตูชัยได้เฉียบขาด

ซาก้า กำลังเรียกความมั่นใจกลับมาได้ต่อเนื่องในช่วงหลังที่ทำประตูได้ 3 นัดติด และเป็นนักเตะคนแรกในยุค มิเกล อาร์เตต้า ที่มีส่วนร่วม 50 ประตู (26 ประตู และ 24 แอสซิสต์) 

แต่ครึ่งหลังกลายเป็นหนักคนละม้วน รูปเกมที่สูสีใกล้เคียงในครึ่งแรกกลับเป็น "ยูงทอง" ที่เหนือกว่าชัดเจนและบุกขย่มใส่ปืนใหญ่จนอยู่ในสภาพเมาหมัดหลังพิงฝา

มาร์ช ตัดสินใจถอน โรดริโก้ ที่พลาดครั้งแรกออกแล้วส่ง พาทริค แบมฟอร์ด ลงมาแทน และเพียงครึ่งนาทีแรกของครึ่งหลัง แบมฟอร์ด ก็ส่งบอลตุงตาข่ายได้ ทว่าถูกริบคืนหลังผู้ตัดสิน คริส คาวานาห์ เช็กจอวีเออาร์ข้างสนามพบว่าหัวหอกเจ้าถิ่นทำฟาวล์ กาเบรียล มากัลเญส เสียก่อน

เกมรับปืนรอดตัวอีกครั้งหลัง วิลเลี่ยม ซาลีบา โดนเพรสหนักจนคืนหลังไม่ดี แบมฟอร์ด ฉกได้ก่อนหลุดไปยิงตรงตัว อารอน แรมส์เดล ที่ออกมาเร็วปิดมุมได้ดีมาก 

ซาลีบา หางานให้ แรมส์เดล อีกรอบเมื่อถูก วีเออาร์ จับแฮนด์บอลในเขตโทษแบบปฏิเสธไม่ได้ พาทริค แบมฟอร์ด รับหน้าที่ยิงเพื่อแก้ตัว ทว่าซัดหลุดเสาไปดื้อๆ ลีดส์ พลาดประตูตีเสมอน่าเสียดาย 

อาร์เซน่อล ตั้งเกมของตัวเองในครึ่งหลังไม่ได้เลย จากที่เคยจ่ายบอลได้ถึง 340 ครั้งและเข้าเป้า 302 ครั้งในครึ่งแรก กลับเหลือเพียง 160 ครั้งในครึ่งหลัง และเข้าเป้าเพียง 113 ครั้ง การผ่านบอลน้อยลงเกินครึ่ง และจ่ายพลาดเยอะกว่าเดิม 

ความขยันในการวิ่งไล่บอลของ ลีดส์ บีบให้ทีมจ่าฝูงทำได้เพียงตั้งรับในแดนตัวเองเป็นหลัก ความผิดพลาดเกิดขึ้นเป็นระยะ 


อาร์เตต้า สะใจสุดๆ หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาว

อาร์เตต้า ต้องแก้เกมส่ง เทียร์นีย์ มาเล่นแบ็กซ้ายแล้วโยก โทมิยาสึ กลับมาประจำฝั่งขวา เบน ไวท์ คือคนที่ถูกถอดออก จากนั้นช่วงสิบนาทีท้าย ร็อบ โฮลดิ้ง ถูกส่งลงมาช่วยเกมรับอีกคนและถอดตัวรุกอย่าง ซาก้า ออก อาร์เซน่อล ต้องเล่นเกมรับเต็มตัวด้วยกองหลัง 5 คน แถม กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ต้องถอยลงมช่วยซ้อนอีกราย ไม่นับ โธมัส ปาร์เตย์ กับ กรานิต ชาก้า ที่อยู่หน้าแผงหลังตลอด แทบไม่ได้พาบอลรุกอย่างที่เคยทำได้บ่อยครั้ง 

อาร์เซน่อล พกดวงมาเต็มกระเป๋าจนถึงช่วงทดเจ็บที่รอดตัวไปได้อีกครั้ง กาเบรียล มากัลเญส สติหลุดยกเท้าถีบเอาคืน แบมฟอร์ด คู่กรณีเดิมที่พัวพันตลอดครึ่งหลัง ผู้ตัดสินชักใบแดงไล่ออกพร้อมชี้ให้เจ้าถิ่นได้จุดโทษ

ทว่าการรุมประท้วงของแข้งปืนใหญ่ทำให้ คริส คาวานาห์ ต้องไปเช็กจอวีเออาร์ข้างสนามก่อนเปลี่ยนคำตัดสินยกเลิกจุดโทษและเปลี่ยนใบแดงเป็นเพียงใบเหลืองหลังเห็นเหตุการณ์ว่า แบมฟอร์ด เป็นฝ่ายเล่นงานเซนเตอร์บราซิเลียนก่อน

อาร์เซน่อล จึงต้านทาน ลีดส์ เอาไว้ได้ตลอดครึ่งหลังทำให้เก็บสามคะแนนสุดล้ำค่าอีกนัด แถมผลคู่หลังเป็นใจ แมนฯ ซิตี้ แพ้นัดแรกในบิ๊กแมตช์ที่แอนฟิลด์ ช่วงว่างในการนำจ่าฝูงของปืนใหญ่เพิ่มเป็น 4 คะแนน 

ส่วน ลีดส์ มีทุกสิ่งทุกอย่างที่จะตามตีเสมอและแซงชนะได้ในครึ่งหลัง การครองบอลเพิ่มจาก 35 เปอร์เซ็นต์เป็น 59 เปอร์เซ็นต์ จ่ายบอลเพิ่มจาก 174 ครั้งเป็น 254 ครั้ง และโอกาสจะแจ้งอีกเพียบโดยเฉพาะ แบมฟอร์ด ที่น่าจะทำแฮตทริกได้ด้วยซ้ำ

ขณะที่ เจสซี่ มาร์ช บอกว่าเป็นฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมมากๆ ลูกทีมเล่นกันอย่างมีวินัย มุ่งมั่นตลอดทั้งเกม และทำได้ดีกว่าทีมที่ผลงานดีสุดในลีกอย่าง อาร์เซน่อล 

แต่สิ่งที่พวกเขาขาดไปอาจเป็นเรื่องของ "โชค" ที่ไม่เป็นใจ รวมถึง "วีเออาร์" ที่ในฐานะเจ้าบ้านต้องเสียเวลาแก้ไขระบบไฟฟ้าอยู่นานเพื่อให้ได้งานได้ แต่กลับเป็น อาร์เซน่อล ที่ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้มากกว่า 

ส่วนในมุมของ อาร์เตต้า เลือกมองในแง่บวกถึงความใจสู้ของลูกทีม "เราทำได้ดีในครึ่งแรกและควรนำ 2 หรือ 3 ประตูด้วย" 

"ต้องให้เครดิตกับ ลีดส์ ในครึ่งหลังด้วย เราทำผิดพลาดหลายครั้งมาก และไม่สามารถสร้างโมเมนตัมได้ แต่ผมชอบแพสชั่นที่ไม่เคยหมดของลูกทีม รวมถึงการหาหนทางคว้าชัยชนะได้"

แน่นอนว่า อาร์เซน่อล ถูกมองมีโชคมากๆ ที่ควักชัยชนะกลับออกมาจากเอลแลนด์ โร้ด แต่ อาร์เตต้า บอกว่า "เป็นสิ่งที่พิเศษและไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ผมเห็นความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ชนะในแววตาของลูกทีม"


อาร์เซน่อล ขยับหนีคู่แข่งเป็น 4 คะแนน

อาร์เซน่อล จึงปิดสัปดาห์ด้วยชัยชนะหืดขึ้นคอไม่ต่างจากเกมยุโรปที่นอร์เวย์ซึ่งหากแนวรุกเจ้าถิ่นคมอีกหน่อยก็น่าจะยิง 2-3 ประตูไม่ยาก

ไม่ใช่สัปดาห์ที่น่าจดจำในเรื่องฟอร์มการเล่น แต่สำคัญในเรื่องผลการแข่งขัน เป็น "Ugly win" ที่ทุกทีมควรมี 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด