:::     :::

ชีวิตต้องสู้กับ "อันโตนิโอ รูดิเกอร์"

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,189
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริด

สำหรับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ พร้อมกับความคาดหวังว่า เขาจะก้าวมาเป็นผู้คนคนสำคัญ โดยเฉพาะในตำแหน่งปราการหลัง หากเอ่ยถึงชื่อของรูดิเกอร์ นี่คือกองหลังที่เต็มที่ทุกครั้ง เมื่อถูกผู้จัดการทีมส่งลงสนามไป โดยไม่มีคำว่าเหยาะแหยะ หรือว่าทำไม่เต็มที่เลย 


แน่นอนว่า คาแร็คเตอร์ในสนาม ย่อมสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของเขา รูดิเกอร์ ต่อสู้กับชีวิตมาอย่างยาวนาน กว่าจะมาเป็นนักฟุตบอลระดับโลกเหมือนทุกวันนี้ ... ช่วงนี้ เราลองย้อนไปดูเส้นทางของเขากันหน่อย ผ่านเรื่องราวการต่อสู้ ทั้งใน และนอกสนามแข่งขัน 

สำหรับผม ฟุตบอลไม่ได้เกี่ยวกับความฝัน มันเกี่ยวกับการอยู่รอด


รูดิเกอร์ สืบเชื้อสายมาจากชาวแอฟริกัน โดยมาเกิด และเติบโตที่เบอร์ลิน-นอยเคิล์น ประเทศเยอรมัน วัยเยาว์ของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก 


โดยความร่ำรวยไม่ได้สื่อถึงเงินทอง หรือทรัพย์สิน แต่หมายถึงการมีอาหารให้กิน, มีน้ำสะอาดให้ดื่ม และมีความปลอดภัยในชีวิต เขาต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พร้อมกับมีความคิด ในการพาครอบครัวไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


วันหนึ่ง ผมเดินไปตามท้องถนนแถวบ้าน ผมเจอกับหญิงชราชาวเยอรมัน เธอดูเหมือนกับคนอ่อนแอ ผมเลยอาสาช่วยหิ้วกระเป๋าเขาเริ่มเล่าถึงช่วงเวลาวัยเด็ก 


ผมไม่มีวันลืมหญิงชราคนนั้นเลย เธอดูเหมือนจะหวาดกลัวผม เธอคิดว่าผมจะขโมยกระเป๋าของเธอ จากตรงนั้นเอง ความไร้เดียงสาของผมก็หายไป ผมตระหนักแล้วว่า นี่คือวิธีที่บางคนมองผมอย่างนั้นหรอ ? ผมเกิดที่นี่ แต่สำหรับชาวเยอรมัน บางคน กลับไม่ได้มองว่าผมเป็นชาวเยอรมัน เหมือนกับพวกเขา


มันเป็นเรื่องที่หวานอมขมกลืน เพราะเยอรมัน คือประเทศที่มอบทุกอย่างให้กับครอบครัวของผม ที่เป็นผู้ลี้ภัยจากสงครามกลางเมืองในประเทศเซียร์ราลีโอน หลายคนไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นที่นั่น แอฟริกา หรอ ? แอฟริกา คืออะไร ? แค่ภาพของเด็กผอมแห้งที่หิวโหย ที่ไปปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ คุณจะรู้สึกแย่กับมันอยู่สักพัก และกดเปลี่ยนไปดูช่องอื่น


นี่คือแอฟริกาในมุมมองของคนบางคน นี่คือโลกที่ 3 และเป็นโลกที่ถูกลืม สิ่งที่ผมอยากพูดให้ชัดเจนคือ ครอบครัวของผมรู้สึกขอบคุณที่ได้มาอาศัยที่เยอรมัน นี่คือสวรรค์บนดิน ไม่มีเสียงปืน และไม่มีการทิ้งระเบิดในเวลากลางคืนอีกต่อไป


เขาเริ่มเล่นฟุตบอล ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยมีทีมระดับท้องถิ่นเป็นที่เพาะบ่มฝีเท้า โดยสไตล์การเล่นของเขาดุดันมาตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นเด็กก้าวร้าว แต่ทุกย่างก้าวเกิดจากแรงขับเคลื่อนภายในใจ

เช้าวันหนึ่ง ผมขอเงินคุณแม่ เพื่อไปทัศนศึกษา มันเป็นเงินเพียงไม่กี่ยูโรรูดิเกอร์ เล่าต่ออย่างไรก็ตาม แม่ไม่สามารถให้เงินผมได้ สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดมาก ไม่ใช่การที่แม่ไม่มีเงินให้ แต่เป็นสีหน้า และแววตาของท่าน ผมรู้จักแม่ดีกว่าใคร สิ่งที่ทำให้ผมใจสลายคือ การที่เห็นว่าแม่มีความพยายามอย่างมากที่จะหาเงินมาให้ผม แต่ว่าเธอทำไม่ได้ จากวันนั้น ผมสัญญากับตัวเองเลยว่า ผมต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และต้องพาครอบครัวออกไปจากจุดนี้ให้ได้ ตอนนั้นผมอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น


ผมจำได้ว่า ตอนที่โธทัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีมเชลซี เขายิงคำถามที่น่าสนใจ เราทั้งคู่เป็นชาวเยอรมัน แต่ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ผมมีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่เชลซี ก่อนที่ทูเคิ่ล จะเข้ามารับตำแหน่ง ดังนั้น เขาเข้ามา และพยายามหาทางออกให้ผม เขาถามผมว่า -ผมขอถามอะไรคุณหน่อย ผมเห็นคุณดุดันมาก เวลาอยู่ในสนามแข่งขัน คุณเล่นด้วยอารมณ์ร่วม สิ่งเหล่านี้มาจากไหนกัน ?- เราคุยกันนิดหน่อย ผมตอบกลับไปเพียงว่า แรงขับเคลื่อนของผม มาจากการเติบโตที่นอยเคิล์น


ผมเล่นอย่างหนักหน่วงบนสนามคอนกรีต รองเท้าของผมเต็มไปด้วยรอยขาด และมีรูแหว่งเต็มไปหมด ผมเล่นแบบดุดันมาก ผู้คนเริ่มเรียกผมว่าแรมโบ้ !!! ผมเล่นฟุตบอลราวกับว่า ผมมีอะไรมากมายต้องพิสูจน์ คุณรู้มั้ยว่า ผมได้ยินคำว่านายไม่ใช่คนที่นี่มากี่ครั้งแล้ว ? คุณรู้มั้ยว่า ผมถูกไล่ให้กลับไปแอฟริกา กี่ครั้งแล้ว ? และคุณรู้มั้ยว่า ผมถูกเรียกว่าไอ้มืดกี่ครั้งแล้ว ? ทั้งที่ผมเป็นเด็กอายุเพียง 8 ขวบ ผมถามพ่อด้วยความไม่เข้าใจว่า คำว่าไอ้มืดหมายความว่าอะไร ?”


เมื่อคุณเติบโตมาด้วยการถูกเรียกอะไรแบบนั้น คุณมีทางเลือกคือ เพิกเฉย, รักษาศักดิ์ศรี หรือลุกขึ้นมาต่อสู้ หลายครั้งที่ผมเลือกการต่อสู้ หลายครั้งที่ผมต้องหลั่งเลือด ความคิดเหล่านั้น ทำให้ผมกลายเป็นนักฟุตบอล ความฝันก็คือความฝัน และผมทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้

รูดิเกอร์ ทิ้งท้ายว่าผมจำไม่เคยลืม ถึงวันที่ผมต้องจากครอบครัวไป ในวัย 15 ปี เพื่อเข้าอะคาเดมี่ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แม่ของผมร้องไห้ตลอดทั้งสัปดาห์ ท่านไม่อยากให้ผมไป


มันทำให้ผมจุกอก ผมเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ผมจะจากไปนั้น ผมบอกกับท่านไปว่า -แม่ครับ สักวันหนึ่ง สิ่งที่ทำจะตอบแทนเรา และเราจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง- ผมปิดประตูหน้าบ้าน พร้อมกับคิดในใจว่า ผมก้าวขาออกมาแล้ว แต่ครอบครัวยังอยู่ที่นี่ ดังนั้น ผมต้องแบกพวกเขาเอาไว้บนสองบ่าด้วย


ตั้งแต่วันนั้น กาลเวลาผ่านไป 14 ปีเต็ม ครอบครัวของเขาอยู่อย่างสุขสบาย เมื่อเขากลายเป็นนักเตะของสโมสรระดับโลกอย่างเชลซี และมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ยุโรป


ส่วนในการเล่นระดับทีมชาติชุดใหญ่ หยาดเหงื่อของเขามอบให้กับดินแดนที่เปิดโอกาสทุกอย่างให้อย่างเยอรมัน ขณะที่รากเหง้าที่แท้จริงของครอบครัวอย่างเซียร์ราลีโอน เขาก็ส่งเงินทอง, สิ่งของ และความช่วยเหลือกลับไป โดยมีโครงการด้านการรักษาพยาบาลฟรีให้กับคนที่นั่นด้วย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})