:::     :::

"เปลี่ยนเฟร็ด กับ แม็คโทมิเนย์ลงมาเพื่ออะไร?" คำถามตอบง่ายถ้าไม่อคติ

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,776
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การแก้แทคติกของเอริค เทน ฮาก ที่ส่งเฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ลงมา หลายคนอาจจะยี้ คนแรกที่ไม่สร้างประโยชน์(?) อีกคนส่งลงมาทำให้ทีมเกือบแพ้ มันเป็นการเปลี่ยนตัวอันย่ำแย่อย่างที่เขาเหล่านั้นคิดจริงๆหรือ? บทความนี้มีคำตอบ

การเชียร์บอลด้วยความเกลียดชังและใช้อารมณ์เข้าว่า ไม่ได้ช่วยทำอะไรให้ดีขึ้นมา เราสามารถตำหนิฟอร์มการเล่นได้ ตำหนิความผิดพลาดได้ นั่นคือสิ่งที่สมควรทำ

แต่ต้องไม่ใช่การด่าเหยียบย่ำกันหยาบๆคายๆ

เพราะในสนามจริง คุณเล่นฟุตบอล หรือเล่นกีฬาเป็นทีม เวลาเพื่อนทำพลาด คุณรู้สึกยังไงกับเพื่อน?

อาจจะมีเซ็ง อาจจะมีเบื่ออะไรกันบ้าง แต่เรื่องความผิดพลาดและข้อแก้ไขต่างๆของลูกทีม เดี๋ยวผู้จัดการทีมเขาก็จะไปจัดการกันในห้องแต่งตัวเองหรือในสนามซ้อมเองแหละครับ

ในกรณีของแม็คโทมิเนย์ที่ไปทำเสียจุดโทษแบบโคตรนอนเซนส์ง่ายๆ อย่างที่ไม่ควรจะทำนั้น ผมไม่เชื่อว่านะว่า หลังจากเกิดลูกจุดโทษนี้ จะมีเพื่อนร่วมทีมคนไหนเดินไปด่า หรือกล่าวโทษเขาอย่างรุนแรง เหมือนสิ่งที่แฟนบอลในโซเชียลทำกัน

แต่คำว่าทีมเวิร์ค มันคือการช่วยกันเป็นทีม เล่นร่วมกันเป็นทีม ถ้ามีคนที่ก่อความผิดพลาดขึ้น ทีมที่มีทีมเวิร์คดี เขาจะแสดงออกให้เห็นด้วยการ "พยายามช่วยกันแก้ไขเป็นทีม" อย่างที่แมนยูไนเต็ด แสดงคาแรคเตอร์ที่แข็งแกร่งออกมาให้เห็นในวันนี้ช่วง 5นาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บ จนกระทุ้งประตูคืนให้กับ "ทีม" ได้สำเร็จ


ทีมไม่ได้เล่นแย่ วันนี้ภาพรวมดีกว่าเชลซีด้วยซ้ำ  แต่พลาดจาก Individual Error ส่วนตัวแค่คนเดียวก็จริง แต่ "ทีม" อีกเช่นกันที่จะช่วยกันแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ เพื่อให้ภาพรวมของเรามันรอดตัวและผ่านพ้นไปได้

ข่มเห็นๆ ถ้าไม่มี penalty เชลซีจะเอาอะไรมาทำประตูยูไนเต็ด?

วันนี้แม็คโทมิเนย์อาจจะได้หรือไม่ได้บทเรียนไม่รู้ ที่แน่ๆ การส่งเขาลงมามันคือความต้องการของเอริค เทน ฮาก ชัดเจน

การเลือกส่งแม็คโทมิเนย์ลงมา แล้วเขาทำพลาดเสียจุดโทษ แปลว่าเอริคโง่หรือไม่ หรือเขาคิดไม่ออกหรือ ว่าจะส่งใครลงมาเพื่ออะไร

โค้ชคีย์บอร์ดเก่งกว่าโค้ชจริงอย่างเอริค เทน ฮาก?

คิดว่าคนอย่างเขาไม่ใช้เหตุผลอะไรเลย ในการส่งผู้เล่นลงสนามมา?

ตัวนักเตะฝีเท้าอาจจะไม่ได้ถึงกับระดับท็อป ตอนนี้ตำแหน่งก็เจอตัวจริงอย่างคาเซมิโร่ชิงไปแล้ว

แต่เขาก็ช่วยสร้างประโยชน์ให้ทีมได้

ดูเหมือนคนจะลืมไปหมดแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาช่วยทีมได้เยอะและฟอร์มดีเพียงใด ในการเล่นกลางต่ำให้กับทีม แต่แฟนบอลบางส่วนกลับจำแต่สีดำที่เกิดขึ้นท่ามกลางจุดขาวในซีซั่นนี้มากมายของ Scott McTominay

ประเด็นสำคัญมันก็แค่ ความผิดพลาดที่ทุกคนก็พลาดได้ เอริคเองก็ยังมีพลาดในเกมก่อนหน้านี้

ทุกคนไม่เคยมีใครไม่ทำผิด

เอริคไม่รู้หรอกครับว่า ส่งแม็คลงมาแล้วนักเตะจะก่อความผิดพลาดส่วนตัวขึ้น เขาแค่ปรับตามแทคติกเท่านั้นเอง


สาเหตุที่ทีมส่งเฟร็ด ส่งแม็คโทมิเนย์ลงมา มันดูง่ายมากๆนับตั้งแต่ แกรห์ม พอตเตอร์ แก้เกมด้วยโควาซิช ลงสนามมาทำเกมเป็น double pivot ในระบบ 3-4-2-1 เกมการเล่นต่อบอล ครองบอลของพวกเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และกำลังเปลี่ยนโมเมนตัมทีมให้เข้าทางตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่ปลายครึ่งแรก

สิ่งที่ยูไนเต็ดจะต้องทำโดยด่วน คือพละกำลัง และ "ไดนามิคการเล่น" ที่ต้องส่งมิดฟิลด์ลงมาทำลายเกมของสองกองกลางอย่างคู่ จอร์จินโญ่-โควาซิช และ สองตัวรุกอย่างเม้าท์ กับ สเตอร์ลิ่ง ไม่ให้เล่นงานทีมเราได้มากกว่านี้


เอริค จึงถอดนักเตะที่โชว์ฟอร์มไม่ออกอย่างซานโช่ออกไป แล้วถ้าไม่มีเฟร็ดลงมา กลับกัน คนที่ถูกส่งลงมาแทนซานโช่ คือปีกตัวรุก ตามตำแหน่ง บอกเลยว่าทีมเราจะโดนเชลซีครองบอลกด และโดนยิงตั้งแต่ช่วงต้นหรือกลางครึ่งหลัง เพราะทีมเสียโมเมนตัมครองบอลไปแล้ว

อีริคเซ่นยังไม่ฟิต เห็นชัดเจน ภาคเกมรับ การไล่บอล การเพรสซิ่งวิ่งปิดตำแหน่ง อีริคเซ่นสู้ตัวสดๆอย่างเฟร็ด หรือ แม็คไม่ได้ นั่นคือความจริง

การเล่นของคริสเตียนที่เพิ่งหายกลับมา ความเฉียบคมไม่มากพอในวันนี้ ขณะที่พละกำลังเขา เกมรับของเขาก็ไม่สามารถเล่นเพรสซิ่งเต็มสตรีมได้เหมือนนักเตะคนที่ส่งลงมาอย่าง "เฟร็ด" นั่นคือสิ่งที่เกมขาดไป ยามที่ อีริคเซ่น เล่นคู่คาเซมิโร่อยู่

ประเด็นตรงนี้ง่ายมาก เพราะระหว่างพักครึ่ง ผมก็เห็นแบบเดียวกับที่เอริคเห็นนี่แหละ และก็เขียนไว้ในเพจส่วนตัวว่า การแก้เกมควรส่งเฟร็ดลงมาด่วนๆ และถอดซานโช่ออก ก็ไม่คิดว่าเอริคจะทำจริงๆ แถมปรับ Formation จาก 4-2-3-1 ไฮบริด ไปเป็น 4-3-3 8s เต็มตัวด้วยซ้ำ

เอริค เทน ฮาก จึงส่งเฟร็ดลงมา และ Formation มันจึงกลายเป็น 4-3-3 ที่มีคาเซเล่นกลางต่ำเดี่ยว และใช้เฟร็ดไล่บอล ทดแทนสิิ่งที่อีริคเซ่นไม่มี แล้วโยกบรูโน่เล่น LW แทน แผนของเราจึงเป็น 4-3-3 8s ที่ไม่มี "AM" เหมือนครึ่งแรก เพราะบรูโน่ถ่างออกมาเล่นด้านข้างแทนซานโช่แล้ว

ถือว่าต้องแลกกันระหว่างเกมรุกที่หายไป แต่เกมรับเซฟขึ้นกว่าเดิม ไม่งั้นก็น่าจะโดนเชลซีบุกกดมากกว่านี้ไปแล้ว และสิ่งที่เราแลกออกไป คือนักเตะที่โชว์ฟอร์มไม่ออกอย่างเจดอน ซานโช่


การส่งเฟร็ดลงมาของเอริค คือสิ่งที่ถูกต้อง และทำได้ดีมากแล้วในเชิงแทคติก
ไม่ว่าใครจะมองเห็นแต่ลูกส่งเสียของเฟร็ดยังไงก็ตาม เออ จริงๆผมก็เห็นแหละ เห็นชัดด้วย นั่นคือจุดที่ผมตัดคะแนนเขาในเรื่องเกมรุกและความลื่นไหลของ Phase 1 (with ball) ของทีม

ถ้าดูแต่ประเด็นนั้น แล้วไม่มองสิ่งอื่นๆที่เขาทำเลย ผมก็คงจะให้คะแนนเฟร็ด "ติดลบ" เหมือนกัน

ภาพข้างล่างนี่คือสุดๆแล้ว หลับหูหลับตาเปิดแบบไม่ดูเพื่อน ทีมเสียโอกาสเข้าทำไปอีก ทั้งๆที่ชอว์ วิ่ง overlap ทางซ้ายแล้ว แต่กลับเลือกเล่นด้วยตัวเอง อ่ะ แบบนี้เราก็ตำหนิแยกแยะกันไป มันห่วยจริง ห่วยมาก

ถ้าให้ตัดเกรด ให้คะแนนการเล่นของเฟร็ดวันนี้ บอกตรงๆว่า ให้แค่ 6 แต้ม ตามมาตรฐานที่ว่า 6 คือ "แค่ผ่านแบบเฉียดฉิว"

(Rating ตามสำนักต่างๆให้ 5 คะแนนทั้งนั้น แล้วแต่การคิดของแต่ละที่ แต่ก็meaningเดียวกันกับ6ของผมนั่นแหละ คือแค่เสมอตัว ส่วนเว็บหลักอย่าง whoscored ให้เฟร็ดแค่ 6.1 เองนะครับ ซึ่งก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่)

เพราะคะแนนการออกบอลของเฟร็ดติดลบจริงๆ เรื่องนี้คงเห็นตรงกันอยู่แล้ว

การจ่ายบอลสำเร็จของเฟร็ดแค่ 71.4% ถือว่า "ต่ำโคตรๆ"

แทคเกิล 1 ครั้ง

ทำฟาล์ว 2 ครั้ง

"โดนเลี้ยงผ่านแค่ 1 ครั้ง"

คีย์พาส 1 ครั้ง

วางบอลยาว 3 ครั้ง (ที่หลายคนไม่ค่อยเห็นสถิตินี้)

[stat via whoscored]

ฮีทแมพจาก Sofascore ชัดดีนะเนี่ย ว่าเฟร็ดมันวิ่งไปทั่วจริงๆ

ส่วนตัวผู้เขียนที่ให้คะแนนเฟร็ด 6 เนื่องจากมีแต้มบวกให้เฟร็ดจาก "เกมรับ" และการเติมไดนามิคให้กับทีมในกลางสนาม เพราะนั่นคือประเด็นที่ทีมเราเริ่มเป็นรองเชลซีของพอตเตอร์ ยามที่พวกเขาส่งตัวคอนโทรลเกมดีๆเล่นคู่กันสองคนอย่างโควาซิช และ จอร์จินโญ่

แม้เฟร็ดจะไม่ได้มีสถิติ Interceptions หรือ Tackles สำเร็จให้เห็นเยอะ แต่การเข้าไปพัวพันบังทางคู่แข่งให้เล่นยาก นั่นก็สร้างประโยชน์ให้กับเกมรับของทีมแล้ว ทำให้จากคะแนนติดลบ ก็กลายเป็นผ่านแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะถ้าไม่มีเฟร็ด แมนยูลำบากกว่านี้เยอะ เนื่องจาก โควา-จอร์ จะทำเกมกันง่ายมากๆ

ในสถานการณ์ทั้งหมดของแมตช์การแข่งขัน ฟุตบอลไม่ได้มีแต่การครองบอล หรือเล่นเกมรุกอย่างเดียว ก็ขนาดแม้แต่แอนโทนี่เองยังต้องเล่นเกมรับ และเข้าบีบติดตัวคีย์แมนของเชลซีอย่างจอร์จินโญ่ในช็อตภาพข้างบนนี้เลย คำตอบมันง่ายมากๆว่าทีมต้องระวังใคร และทำไมต้องจัดแทคติกแบบนั้น

เกมรับ และภาคการเล่นของทีมยามที่ไม่มีบอลอยู่ในครอบครอง (Phase 2 : Without ball) เฟร็ดทำได้ดีเป็นส่วนใหญ่ และมันเป็นการปิดทองหลังพระที่ไม่มีใครสนใจ และมองเห็นแต่ลูกจ่ายพลาดของเขาแค่อย่างเดียว แต่เขาขยับตำแหน่งไปช่วยไล่บอล รีคัฟเวอร์บอลสอง และบล็อคการเล่นของตัวทำเกมสิงห์บลูได้เยอะจนน่ารำคาญแทนฝั่งตรงข้าม เพราะมันเกะกะจริงๆ

ภาพข้างบนนี้ เฟร็ดถ่างมาช่วยซ้อนให้ลุคชอว์ที่โดนsituation 2 vs 1 เฟร็ดวิ่งลงมาแทนตำแหน่งที่บรูโน่ ตามเมสัน เม้าท์ ลงมาไม่ทัน เฟร็ดเองก็เป็นตัววิ่งไล่ตัวรุกแถวสองของเชลซีอยู่แล้ว ช็อตนี้ทำให้เห็นว่าระเบียบวินัยการเล่นเฟร็ดก็ไม่ได้แย่เลย

ถ้าไม่มีเฟร็ดลงไปไล่บอลในแดนกลาง จอร์-โควา จะทำเกมกันอย่างง่าย บอลสวนกลับจะโดนออกให้ตัวบนอย่างเม้าท์ กับ สเตอร์ลิ่ง ขึ้นมาโจมตีเรามากกว่านี้ซะด้วยซ้ำ นี่ที่ไม่โดนเกม quick transition เล่นงาน ก็เพราะมีตัววิ่งเกะกะอย่างเฟร็ดนี่แหละลงไปตอมไปตอดมิดฟิลด์เขาอยู่เรื่อยๆ

แน่นอน ผมไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องปกป้องเฟร็ด ไม่ใช่ติ่งของเขาเลย วันที่เล่นแย่จริงๆจังๆ ผมก็เคยให้คะแนนโคตรต่ำระดับ 3.5-4.5 มาแล้ว

ผมมองในสิ่งที่เฟร็ดพยายามวิ่ง ขยับตำแหน่ง และเข้าไปเพรส Closing Down ตัวรับบอลในแดนกลางของเชลซีตลอดเวลา

โดยเฉพาะจอร์จินโญ่นี่โดนเฟร็ดวิ่งไล่หนักมาก เพราะไม่งั้นถ้าปล่อยจอร์เล่น ในฐานะRegistaของเชลซี เกมพวกเขาจะไหลลื่นยิ่งกว่านี้อีก ซึ่งนั่น "โคตรอันตราย"

ภาพข้างบนนี้คงจะชัดมากๆแล้วว่า จอร์จินโญ่ไม่สามารถเล่นได้โดยสะดวก และนั่นทำให้เกมของเชลซี ไม่ได้สร้าง "Big Chance" เยอะอะไรเลยในครึ่งหลัง

มีจัหวะเดียวที่เห็นก็คือ ช็อตที่ชาโลบาห์เอาชนะเฟร็ดและเทคโหม่งได้ ดอกเดียวเท่านั้นเองถ้าไม่นับจุดโทษ เกมของพวกเขามันไม่ได้ทำอันตรายให้เราเท่าช่วงท้ายครึ่งแรก อย่างที่เอริคบอกเป๊ะ

ช็อตชาโลบาห์นี่แหละที่ทำให้ได้เห็นอะไรหลายอย่าง เช่น การใช้นักเตะไม่สูงมากอย่างเฟร็ดไปประกบยักษ์ มันก็ผิดพลาดและเป็นจุดอ่อนจริงๆ ทีมถึงต้องพยายามส่งนักเตะที่ป้องกันลูกกลางอากาศได้อย่างแม็คโทมิเนย์ ลงมาหลังจากนี้

ยังมีอีกหลายๆช็อตที่น่าสนใจ เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่เฟร็ดลงสนาม เช่นช็อตข้างล่างต่อเนื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามและ work rate รวมถึงแทคติกที่เอริค ส่งเฟร็ดลงมาแทนซานโช่ที่ทำเกมไม่ได้เลยทางขวา แถมยังจ่ายบอลเสียง่ายๆอีก ไม่ได้ต่างอะไรจากเฟร็ดเลย แต่แรงกระแทกน้อยกว่าเฟร็ดเยอะ

โคตรไม่เข้าใจ

ถ้าเฟร็ดผมให้แค่ 6 ซานโช่นี่ได้คะแนนratingจากผมแค่ "5" เท่านั้น (ช็อตไหลให้ชอว์แบบงงๆจนบอลออกหลังนี่คือ..)

นั่นคือกรณีของซานโช่ ทีนี้มาดูประโยชน์ของเฟร็ดบ้าง

อย่างช็อตข้างล่างนี้คือการไล่บอลแบบไม่หยุดของพี่แกที่ถูกส่งลงมาทำลายเกมแดนกลางไม่ให้เชลซีครองบอล และเปิดเกมได้ง่ายๆ ไม่งั้นป่านนี้ตัวแดนบนของเชลซี รับบอลจ่ายจากกลางเชลซีสบายไปแล้ว

ข้างล่างนี่คือจังหวะแรก เฟร็ดวิ่งเข้าไปบวกกับ จอร์จินโญ่ ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

และต่อจากนั้น เฟร็ดวิ่งเข้าไปไล่ตาม loose ball ที่เข้าทางนักเตะเชลซีในจังหวะนี้ น่าจะเป็นลอฟตัส-ชีค ที่ร่างกายได้เปรียบเฟร็ดมากๆ แต่พี่แกก็สกัดบอลออกไปไม่ให้เชลซีบุกใส่เราได้ง่ายๆ ภาพข้างล่างนี้ก็ชัดมาก

มีแต่ช็อตที่เพรสซิ่งติดตัวคู่แข่งตลอดทั้งเกมของเฟร็ด คนที่เจอหนักสุดคือจอร์จินโญ่ กับ โควาซิชนี่แหละ เพราะว่าตัวรุกสองคนอย่างเม้าท์ กับ สเตอร์ลิ่ง เจอ "คาเซมิโร่" สกรีนงานให้แผง Defensive Line แล้ว จะเห็นเลยว่าสองคนนั้นเล่นไม่ออก เพราะเจอคาเซมิโร่แบบเน้นๆนี่แหละ และถึงหลุดไปก็เจอมาร์ติเนซอยู่ดี

งานของเฟร็ดเยอะมาก ภาพนี้ก็อีกหนึ่ง แคปมาไม่หมดจริงๆ แต่แฟนบอลบางส่วนก็ยังบอกคำเดิมว่า "เฟร็ดไม่มีประโยชน์" อยู่ดี ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ประโยชน์ของนักเตะคนหนึ่ง มีแค่เรื่องจ่ายบอลทำเกมแค่นั้นจริงๆเหรอ?

เกมรับไม่มีคุณค่าหรือ?

ก็อย่างที่เขาบอก ผู้เล่นเกมรับ ทำดีแทบตาย ก็ได้แค่เสมอตัว นั่นคือมุมมองที่มีมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งโคตรจะไม่แฟร์กับผู้เล่นเกมรับมากๆ

วิ่งเข้าไปดิ คนไม่เห็นค่าหรอกเฟร็ดเอ๊ย

ทั้งหมดนี้คือหลักฐานแค่บางส่วนจาก Work Rate การเล่นปิดทองของเฟร็ด ที่ถูกด่าจากแฟนบอล โดยไม่มีใครมองเห็นประโยชน์ของเขาเลย แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า เอริค เห็นแน่ๆ

เพราะเขาเป็นคนมอบหน้าที่นี้ลงไปให้เฟร็ดทำอยู่แล้ว เจ้าตัวต้องเห็นข้อดีและสิ่งที่เฟร็ดทำแน่นอน

เรื่องเฟร็ดจบไปแล้ว คิดว่าภาพหลักฐานและเหตุการณ์มันก็เยอะอยู่ที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ ถ้าแฟนบอลไม่เปิดใจยอมรับว่า เฟร็ดมันก็มีประโยชน์ของมันในสนามวันนี้ ก็สุดแล้วแต่มันจะเป็นไป ผู้เขียนก็พยายามเต็มที่ได้แค่นี้

อีกกรณีหนึ่งส่วนน้องแม็ค รายนี้หนักกว่าเฟร็ดเยอะ เพราะเอริคส่งลงมา ต้องการจะให้เขาเติมพลังให้ทีม ในฐานะกองกลางเบอร์ 8 ไล่บอลคู่กันสองคนเพื่อไม่ให้เชลซีเล่นง่าย + ต้องการมิติในกรอบแบบ Box-to-Box ของน้องแม็คด้วยที่ก่อนหน้านี้ก็ลงมายิงประตูสำคัญให้ทีมได้

ก็ตามเหตุตามผลการแก้เกมของเอริค เทน ฮาก ที่ก็ถือว่าเมคเซนส์ตามปกติมากๆในการแก้เกมโยนบอมป์จากคู่แข่ง + เติมพลังงานการเล่นในแดนกลาง และเผื่อเติมเข้ากรอบคู่แข่งด้วย

ย้ำอีกครั้ง ไม่มีใครบนโลกนี้ตรัสรู้อนาคตได้ล่วงหน้าว่านักเตะที่ส่งลงไปแก้แทคติก เขาจะลงไปสร้างความผิดพลาดรึเปล่า

วันนั้นไม่ก่อความผิดพลาด คนก็ยังชื่นชมกันอยู่ วันนี้เล่นพลาดทำทีมเสียจุดโทษแบบง่ายๆ คนขับไล่กันเหมือนหมูเหมือนหมา

เรื่องแม็คโทมิเนย์ มองอย่างเป็นกลาง มันกล่าวโทษการเล่นของแม็คได้นะครับ ไม่ตำหนินี่สิแปลก มันผิดจริงๆ ฟาล์วได้เฮงกะบ๊วยมากๆที่ไปเหนี่ยวตัวเล่นเค้าแบบนั้น แทนที่ตัวเองจะวิ่งเข้าไปแค่เบียดและแย่งโหม่งตัดหน้าเขา

นี่ดึงเขาไม่ให้เข้าไปหาบอล ทำไมไม่เอาเวลาดึงไปพยายามชิงตำแหน่งยืนดีๆเพื่อโหม่งตัดหน้าล่ะฟะ?แค่คิดก็เหนื่อยใจแล้วสำหรับการตัดสินใจเล่นครั้งนี้ที่ไม่ฉลาดและเสียเหลี่ยมมากๆของสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์

ตำหนิกันได้ครับ นี่ผิดจริง และเกือบทำทีมพังในเกมที่อาจมีสิทธิ์ได้สามแต้มซะด้วยซ้ำ

แต่...ก็นั่นแหละ เอริคเขาจะไปรู้ได้ยังไงครับ และคงไม่คิดหรอกว่าส่งใครลงมาแล้วจะทำพลาด


ผมอาจจะดูบอลไม่เป็นอยู่คนเดียวก็ได้ครับถ้าเทียบกับมุมมองกูรูท่านอื่นๆ แต่ผมก็มองของผมแบบนี้แหละฮะ ผิดก็ส่วนผิดนะตัวที่ลงมา แต่มันก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด(ในเคสเฟร็ด) น้องแม็คนี่คิดซะว่าให้เป็นบทเรียนไป เพื่อนไม่ได้โกรธอะไรแกหรอกครับ แต่ตอบสนองด้วยการช่วยกันเอาคืนจนสำเร็จ

ดังนั้นเคสที่แม็คทำพลาดนี่ น้องผิดจริง แต่ภาพรวมของมัน ผมกลับมองว่ามัน "น่าดีใจเรื่องทีมสปิริต" และน่าดีใจกับ Passion ที่ไม่เคยยอมแพ้ของทีมเรา มากกว่าโฟกัสด่าแม็คโทมิเนย์เสียๆหายๆให้สะใจตามอารมณ์โกรธของแฟนบอลเหล่านั้นซะอีก

ประเด็นน้องแม็คพลาดนี่เบาไปเลย เพราะการพยายามเอาคืนจนสำเร็จอย่างไม่ย่อท้อของทีม มันดีกว่าที่จะมานั่งจับจ้องด่ากันเฉพาะเรื่องแม็คเฟร็ดมากๆ

ต่อคำถามที่ว่า ส่งเฟร็ดลงมาทำไม ส่ง "แม็คโทมิเนย์" ลงมาทำไม หลายคนอาจมองว่า มันเป็นความผิดพลาดของเอริค เทน ฮาก ที่ทำไมไม่ส่งตัวอื่นอย่าง การ์นาโช่ ลงมา นี่ขนาดเอแลงก้า ลงมาเล่นแปปเดียวแล้วโจมตี Final Third ได้ดูอันตรายกว่าซานโช่ ก็ยังไม่วายมีคนด่าอยู่ว่า ส่งเอแลงก้าลงมาทำไม คิดเอาเองแล้วกัน

ระเด็นเรื่องแม็คโทมิเนย์ การเอาเขาลงมาแทนอีริคเซ่น ถือเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้ว

วิธีคิดของเอริคในการแก้เกมถือว่าถูกต้องและสมเหตุสมผล ในยามที่เชลซีครองบอลได้เหนือกว่าในครึ่งหลัง สิ่งที่เอริคต้องการคือ ใช้แม็คโทมิเนย์เล่น Box-to-Box เผื่อเติมเกมรุก + ไล่บอล เล่นเกมปะทะกลางสนามเพื่อไม่ให้ตัวรุกเชลซีทำเกมได้ ในฐานะเบอร์ 8 คู่กับเฟร็ด ตามภาพด้านล่างนี้

เฟร็ด ก็วิ่งพล่านขยับไปทั่วเพื่อเล่น support ให้ทีมทั้งเกมรุกเกมรับ ดังนั้น Formation ทีมมันจึงเป็น 4-3-3 8s ที่ใช้แม็คคู่เฟร็ดเล่นแดนบน ตามภาพด้านล่างนี้ เพื่อจะปิดเกมแดนกลางของเชลซีทั้งจากสองมิดฟิลด์ และสองตัวรุกของพวกเขาหลังหน้าเป้านั่นเอง

ในเชิงแทคติก คำตอบมัน "ง่ายมาก"

ประเด็นเรื่องที่มีคนบอกว่า "แม็คโทมิเนย์มันพลาดบ่อยๆ" ผมก็สงสัยว่า ทำไมนักเตะคนนึงจะทำผิดพลาดไม่ได้ มันก็เรื่องปกติ ต่อให้ดอกนี้ทีมจะตามตีเสมอไม่สำเร็จ แล้วทีมเราจะแพ้เชลซี 1-0 ทั้งๆที่น่าจะชนะ แต่มาพลาดเพราะการดึงคู่แข่งแบบมั่วๆของน้องแม็ค จนทีมแพ้ก็ตาม

มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดจะต้องด่ากันแรงๆ หรือถีบหัวส่งเขาออกจากทีม แค่เพราะมาพลาดนัดนี้ ความดีความสำคัญกับทีมจะหมดไปเลยเชียวหรือ

แต่มันมีคนเม้นแบบนั้นจริงๆในเน็ต

ก่อนหน้านี้น้องเล่นกลางต่ำในฐานะ Anchor man ให้กับทีม ไม่เคยมีประโยชน์กับยูไนเต็ดเลยหรือไงกัน ถ้าจะบอกว่ามันพลาดบ่อย พลาดแบบเดิมๆ

ภาพข้างล่างนี้หวังว่าจะยังจำกันได้ ในนาทีที่ 93 เกมที่ไม่สามารถขยี้โอโมเนีย นิโคเซียได้ จากการจบสกอร์ที่ไม่คมพอในเวลา 90 นาที สุดท้ายถึงมือแม็คโทมิเนย์

วันนั้นทำไมไม่มีใครบ่นกันบ้างว่า ส่งแม็คลงมาทำไม ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า นักเตะมันเล่น Box-to-Box เติมพลังงาน และเติมเกมรุกในกรอบเขตโทษได้

ทุกคนบนโลกนี้ก็พลาดได้ทั้งนั้น ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และถ้าจะแพ้เชลซีวันนี้เราก็ยังไม่รู้สึกหัวร้อน หรือต้องก่นด่าสาปแช่งแม็คโทมิเนย์ขนาดนั้น ในเมื่อมันคือกีฬา มีแพ้มีชนะ มีเล่นดีเล่นพลาดกันได้ วันที่น้องแม็คยิงประตูชัย ทุกคนก็ชื่นชม มันก็มีวันแบบนั้นไม่ใช่หรือไงกัน

การตำหนิกันตามเหตุผลเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราติเตียนกันได้ ไม่ทำสิแปลก แต่ถ้าหาก "ใช้อารมณ์" เข้ามานำ จะไม่มีวันมองเห็นถึงสิ่งที่มันซ่อนอยู่ได้เลย

และการ "ให้อภัย" กับความผิดที่มันเป็นเรื่องธรรมดาๆที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนนั้น เป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่ง

ขนาดเพื่อนนักเตะในทีมยังไม่มีใครไปเดินตามด่าน้องแม็คเลย แล้วแฟนบอลเป็นอะไรถึงจะด่าเหยียบย่ำในวันที่คนล้มให้ตายกันขนาดนั้น

ผมเห็นแต่คำว่า โง่ ไม่มีสมอง ง่าว ในอินเตอร์เนตที่คอมเม้นกันอย่างสนุกปาก แต่ในทีมจริงๆ คำพูดพวกนี้ไม่อยู่ในหัวเพื่อนร่วมทีมหรือผู้จัดการทีมด้วยซ้ำ

คน Toxic คงยังพิจารณาตัวเองไม่ได้ว่าตัวเองเป็น Toxic เพราะมันว่ายวนอยู่ในบ่อแห่งสารพิษที่ตัวเองพ่นอยู่กันเป็นนิจ

เพื่อนในทีมเขายังสร้างทีมสปิริตขึ้นมาเพื่อช่วยลบล้างสิ่งที่เพื่อนทำพลาด จนยิงคืนให้สำเร็จแล้ว แต่แฟนบอลกลับ "ไม่จบ" ต่อสิ่งที่มันเกิดขึ้น

น่าหดหู่ใจมากที่ทุกวันนี้มีแต่การเชียร์บอลแบบนี้เกิดขึ้น

บางคนด่าแม็คโทมิเนย์เป็น แม็คควาย ตามหลัง แมกไกวร์ไปอีกคนแบบติดๆอย่างโคตร Toxic ถ้าเป็นแบบนี้ไปเชียร์ทีมที่ไม่เคยแพ้ใครเลยน่าจะดีต่อใจมากกว่า จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดแบบนี้

การดูบอลด้วยทัศนคติแบบนั้นก็จะเป็นเหมือนคนเอาแต่ใจที่อยากจะให้ทีมชนะตลอดเวลา

แต่เราไม่ได้เชียร์เพราะทีมเราชนะ เราเชียร์เพราะเรารักทีม และมีความสุขที่ได้เห็นแมนยูของเราลงเล่นในทุกๆสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ?

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด