สำหรับ “อิวาน โทนี่ย์” ดาวยิงของทีมเบรนท์ฟอร์ด โดยสถานการณ์ปัจจุบัน เขายิงประตูในพรีเมียร์ลีก ไปแล้วรวม 8 ลูก ก้าวมาติดอันดับหัวแถวของอันดับดาวซัลโวอย่างน่าชื่นชม ซึ่งมีเสียงเรียกร้องให้เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ เพื่อไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 อีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม เส้นทางลูกหนังของโทนี่ย์ ถือว่าทรหดอดทนเอามากๆ เข้าต้องฝ่าฟันความยากลำบากมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะการถูกส่งลงไปเล่นแบบยืมตัวกับ 4 สโมสรในลีกวัน สู่การสานฝันในพรีเมียร์ลีก เขาทำได้อย่างไร และต่อสู้อย่างไร วันนี้ เราลองไปหาคำตอบกัน
สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 18 คงไม่มีอะไรที่จะดีมากไปกว่า การก้าวจากนอร์ทแฮมป์ตัน ทีมในระดับลีกทู สู่การเป็นนักเตะของนิวคาสเซิ่ล ทีมดังในศึกพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2015-16
หนึ่งในประสบการณ์ที่เขาไม่มีวันลืมเลือน นั่นคือการถูกส่งลงเป็นตัวสำรอง ช่วงนาที 85 เกมที่ “สาลิกาดง” เปิดบ้านเสมอเชลซี 2-2 ในเกมลีกสูงสุด
“ตอนที่คุณยังเป็นเด็ก คุณแค่อยากสร้างความประทับใจ ด้วยการวิ่งพล่านไปทั่วสนาม” โทนี่ย์ ออกมาเล่าย้อนความทรงจำ ในเกมกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ก่อนที่ความฝันในการเป็นนักเตะระดับพรีเมียร์ลีก ต้องสิ้นสุดลงแค่นั้น
เพราะหลังจากนั้น เขาถูกส่งไปให้บรรดาทีมระดับลีกวัน สลับหน้ากันยืมตัว ไม่ว่าจะเป็นบาร์นลี่ย์, ชรูว์สบิวรี่ , สคันธอร์ป รวมถึงวีแกน โดยผลสุดท้าย เขาถูกขายขาดให้กับปีเตอร์โบโร่ ทีมในระดับลีกวัน เช่นเดียวกัน
อาจกล่าวได้ว่า ชีวิตของโทนี่ย์ ส่วนใหญ่ วนเวียนอยู่ในลีกระดับล่าง พร้อมกับความรู้สึกว่า ไม่เป็นที่ต้องการของทีมใหญ่ อย่างไรก็ตาม เขายังไม่เคยทอดทิ้งความฝัน ในการเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีก โดยยังเก็บสิ่งนั้นเอาไว้ในใจเสมอ
“ไม่สำคัญหรอกว่า คนอื่นจะมองคุณยังไง” ดาวยิงวัย 26 ปี เล่าต่อ “หากคุณมองตัวเองว่าเป็นผู้ชนะ คุณก็จะเป็นผู้ชนะ หากคุณมองตัวเองว่าเป็นคนกล้าหาญ คุณก็จะเป็นผู้ที่ไร้ความหวาดกลัว”
“ผมมองว่า ความคิดดังกล่าวสามารถใช้ได้ทุกแง่มุม ไม่เพียงแค่ในสนามฟุตบอลเท่านั้น หากคุณอยากบรรลุบางสิ่งบางอย่างแล้ว คุณต้องแน่ใจว่า คุณต้องบรรลุสิ่งนั้น ไม่เกี่ยวว่าใครจะคิดยังไง”
“การเล่นกับทีมระดับพรีเมียร์ลีก ในวัยเพียง 18 ปี คุณจะรักสถานะดังกล่าว คุณจะรักการที่ผู้คนเริ่มจับจ้องมา คุณจะรักในการพูดออกไปว่า -ผมคือผู้เล่นของนิวคาสเซิ่ล-“
“แต่สุดท้าย ชีวิตของคุณก็จะหลงทาง การที่ผมถูกนิวคาสเซิ่ล ปล่อยตัวให้กับปีเตอร์โบโร่ ทำให้ผมคิดว่า -เดี๋ยวก่อน เราไม่ใช่กองหน้าในพรีเมียร์ลีก ตอนนี้ เราเป็นแค่นักเตะลีกวัน- ทุกอย่างจะไหลผ่านเข้ามาในหัวของคุณ”
“กาลเวลาพิสูจน์คน” คำๆนี้ยังคงใช้ได้เสมอ เมื่อเขาสามารถทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมกับปีเตอร์โบโร่ ด้วยการยิงไป 40 ประตู ตลอด 2 ฤดูกาลในลีกวัน ทำให้ถูกเบรนท์ฟอร์ด ทีมในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ดึงตัวไปร่วมทีม
ฤดูกาล 2020-21 ที่ผ่านมา เขาสามารถคว้าดาวซัลโว เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่จำนวน 33 ประตู (รวม 2 ประตูที่เกิดขึ้นในรอบเพลย์ออฟ) พร้อมกับพาพลพรรค “เดอะ บีส์” เลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
เขาเล่าถึงแมตช์ เพลย์ออฟ นัดชิงชนะเลิศกับสวอนซี เอาไว้ว่า คุณพ่อ และคุณแม่ของเขาอยู่ที่สนามเวมบลี่ย์ ด้วย “ครอบครัวภูมิใจในเส้นทางที่ผมเดินมา เพราะพวกท่านรู้ว่า ผมทำงานหนักแค่ไหน เพื่อก้าวมายืนตรงจุดนี้”
“ก้าวย่างที่เดิน เป็นเส้นทางที่ขรุขระมาก ครอบครัวเห็นความตกต่ำของผม พร้อมกับเห็นว่าผมอยากยอมแพ้ หรือไม่อยากเดินทางไปซ้อม ผลสุดท้าย พวกท่านเห็นการที่ผมยืนหยัด และลุกขึ้นสู้ต่อไป”
จากเด็กที่ก้าวขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก และถูกส่งกลับโลกแห่งความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว จนต้องตะเกียกตะกายในลีกระดับล่าง ผ่านหลายสโมสรที่ยืมตัว .... วันนี้ เขากลับมาพิสูจน์ตัวเองในลีกสูงสุดอีกครั้ง
