เขี้ยวที่หายไป
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังไว้ลายแชมป์เก่า 5 สมัย ด้วยการโกยเต็ม 9 คะแนน เช่นเดียวกับเจ้าบุญทุ่มอย่าง การท่าเรือ เอฟซี ที่ประกาศศักดิ์ดาเป็น 1 ในผู้ท้าชิงแชมป์ ส่วนหน้าเดิมบนหัวตารางอย่าง เมืองทอง, เชียงราย หรือ แบงค็อก มาจะสะดุดช่วงออกตัวโค้งแรกไปบ้าง แต่ยังเกาะกลุ่มผู้ตามอยู่อย่างเหนียวแน่น
แล้ว ชลบุรี เอฟซี ล่ะ ?
“ฉลามชล” อยู่อันดับ 15 ของตาราง หลังผ่านสามเกม ด้วยผลงานเสมอ 1 แพ้ 2 ยังไม่ชนะใคร แบบที่พาแฟนส่ายหัวถึงผลงานที่เกิดขึ้นเวลานี้
แม้สถานะของสโมสรจะร้างลาโทรฟี่ลีกมากว่าเกิน 10 ปี หากแต่ผลงานซีซันที่ผ่านมา สโมสรยังเกาะกลุ่มแถวบนตารางเหนียวแน่น ทว่าปีนี้กลับต่างออกไป
การปล่อยผู้เล่นระดับสตาร์ออกไป เพื่อแลกเงินก้อนใหญ่เข้ามา ดูเป็นเรื่องชินชาของสาวก “ฟ้า-น้ำเงิน” ไปเสียแล้ว
นูรูล ศรียานเก็ม ที่แอสซิสต์สูงสุดในทีม 17 ประตูฤดูกาลก่อน ออกไป แต่รายที่เข้ามาแทบไม่สามารถสร้างความต่างหรือทดแทนได้เลย
ใช่ว่า สโมสรงบประมาณจำกัดจำเขี่ย รวมถึงประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน ต้องการถีบดาวรุ่งขึ้นมาเป็นแกนหลัก มีแมตช์ลงเล่นรอวันเติบใหญ่ และให้แฟนบอลอดใจรอเมล็ดพันธุ์ลูกหนังรุ่นนี้ขึ้นมาอาละวาดไล่ล่าความสำเร็จในอนาคต
คำถามคือ เด็กเหล่านี้ ที่อยู่ในระหว่างพาสเจอร์ไรซ์ฝีตีนพร้อมใช้งาน และดีพอสำหรับลีกสุงสุดแล้ว ? หรือทีมกำลังชี้ว่าใช้ฤดูกาลนี้เป็นเวทีให้เด็กเสริมสร้างประสบการณ์ฟุตบอล ?
งั้นมาดูรายชื่อดาวรุ่งจากอะคาเดมีที่ถูกส่งลงสนามกันทั้งสามเกมกัน (จำกัดอายุไม่เกิน 24 ปี)
แพ้ เชียงราย 0-1 ภานุพงศ์ พลซา, นัฐวุธฒ์ แสงศรี, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (สำรอง)
เสมอ ราชนาวี 1-1 วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, เสฎฐวุฒิ วงศ์สาย (สำรอง), ภานุพงษ์ พลซา, สิทธิโชค ภาโส (สำรอง) ปรินซ์ อัมปองซาห์, นัฐวุธฒ์ แสงศรี
แพ้ สุโขทัย 1-2 ณัฐพงศ์ เปพาทย์, ภานุพงษ์ พลซา, ปรินซ์ อัมปองซาห์ (สำรอง), วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (สำรอง)
เหล่านี้คือแข้งดาวรุ่งที่ได้รับโอกาสลงสนาม ส่วนเรื่องรูปเกมก็อย่างที่เห็นและเป็นอยู่
โกรัน บาร์ยัคทาเรวิช เฮดโค้ชเลือดเบียร์ที่สโมสรดึงเข้ามา ยังไม่โชว์กลิ่นอายความเป็นฟุตบอลสไตล์เยอรมันให้เห็นตลอดสามเกมที่ผ่าน ทั้งแท็คติก รูปแบบการเล่น หรือ ทรงบอล
แมตช์แพ้ สุโขทัย เอฟซี ล่าสุดคือคำตอบชั้นดีว่าขุนพล “ฉลามชล” สู้ผู้มาเยือนไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ทั้งที่เมื่อมองไปยังทรัพยากรลูกหนัง อาจแย้งว่าทีมเป็นรองผู้เล่นต่างชาติ แต่ทีมลงทุนด้วยเมล็ดเงินตัวเลขที่ใกล้เคียงกันไม่ใช่หรือ แถมชื่อชั้น ชลบุรี เอฟซี ยังมีภาษีดีกว่าในการมัดใจนักเตะด้วย
สิ่งที่น่าห่วงคือหาก ชลบุรี ยังเล่นด้วยทรงบอลเป็นฉลามออกทะเลเช่นนี้ พวกเขาอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเปลี่ยนสถานะจากทีมหัวตารางต่ำลงมากว่านี้
อย่าลืมว่าซีซั่นที่กำลังโม้แข้ง ไม่มีเวลาให้เรียกฟอร์มนัก หลังต้องมีทีมตกชั้นถึง 5 ทีม ทำให้การแข่งขันระอุดุเดือดกว่าเก่าเท่าตัว ยิ่งเมื่อมองโปรแกรมอีก 5 นัดถัดไปของ “ฉลามชล” แล้วเรียกว่าเหนื่อยใจแทน
04/03 เยือน สุพรรณบุรี เอฟซี
10/03 เหย้า บีจีเอฟซี
18/03 เยือน โปลิศ เทโร
28/03 เหย้า ราชบุรี มิตรผล
31/03 เยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
หากยังไม่สามารถสลัดฟอร์มไร้ทรงจาก 3 เกมแรกที่ผ่านมาได้ เชื่อว่าจะเป็นฤดูกาลที่หนักอึ้งสุดของ “ฉลามชล” ในรอบหลายปีที่ผ่านมาแน่
พูดอย่างไม่มีปี่กลองมารำเชิดฟอร์ม ชลบุรี เอฟซี เวลานี้เป็นฉลามที่ฟอร์มหน่อมแน้มน่ารักไม่ต่างจาก น้องหลามปัญ BNK48
เป็นฉลามที่ทำได้เพียงแหวกว่ายในท้องทะเล แต่ไร้คมเขี้ยวเกรงขามอย่างสิ้นเชิง