:::     :::

"de Beek come Back" และร่างAjaxที่อาจจะกลายเป็นแค่เด็กในอดีต

วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
12,266
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ดอนนี่ ฟานเดอเบค สภาพร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆจากปัญหาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และในที่สุดเขาก็ได้กลับมาลงซ้อมร่วมกันกับทีมอย่างเป็นาทางการแล้ว หลังจากนี้ทีมจะมีตัวเลือกในแดนกลางเยอะขึ้น และที่สำคัญ ช่วงที่แมนยูไนเต็ดจะเจองานเบากับทีมเล็ก แต่ต้องเผชิญแทคติกอุดต่ำเล่นรับหน้าประตู ดอนนี่คืออาวุธลับที่เหมาะกับการใช้ในโปรแกรมช่วงต่อจากนี้จริงๆ

นี่คือนักเตะที่เอริค เทน ฮาก "รู้จักดี" อยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัยว่า ข้างในตัวเขามีอะไรบ้าง นอกจากตับไตไส้พุงเซี่ยงจี๊แล้ว พี่คนหัวทองๆในรูปนี้คืออดีตนักเตะตัวอนาคตของ Ajax ที่เคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ UCL ปี 2019 กับการเป็นมิดฟิลด์ที่จะเติมขึ้นไปป่วนหาตำแหน่งเล่นงานคู่แข่งในกรอบเขตโทษ อันยืนยันได้จากสถิติการลงเล่น 175 เกม มีส่วนร่วมในการทำประตู (goal contribution) ทั้งหมด 75 ประตู โดยแบ่งเป็น 41 ประตู กับอีก 34 แอสซิสต์

เท่ากับว่าจากตำแหน่งมิดฟิลด์ที่อาแจ็กซ์ ดอนนี่จะมีส่วนร่วมในการสร้างประตูให้ทีม ไม่ว่าจะยิงเองหรือแอสซิสต์ให้ทีม ได้ในทุกๆ 2.33 เกม หรือคิดเป็นนาทีก็สัก 210 นาที ต่อ 1 Goal Contribution

"เขาจำเป็นต้องเรียกความฟิตมาให้ได้ ชัดเจนว่านั่นยังเป็นข้อเสียของเขา เขาอยู่ที่นี่มาสองปีครึ่งได้แล้ว ปีนี้ได้ลงปรีซีซั่นกับเราซึ่งก็ทำได้ค่อนข้างโอเค และเดี๋ยวโอกาสเขาจะมาถึง

"ตอนที่เขาลงเล่นในเกมเจอไบรท์ตันช่วงต้นๆซีซั่น ในฐานะตัวสำรองเขาทำได้ดีเลย แต่คุณต้องพร้อมเสมอ หากไม่พร้อมก็คงไม่มีโอกาสชิงตำแหน่ง 11 ตัวจริงของทีมได้ เพราะงั้นตอนนี้เขาจะต้องทำให้ตัวเองมั่นใจว่าฟิตพอ และก็ต้องต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งให้ตัวเอง"

"เขาเล่นได้ในพื้นที่ทั้งสองมิติเลยนะ ไม่ว่าจะเล่นแนวลึก หรือเติมขึ้นสูง ผมรู้เรื่องนั้นดีจากสมัยก่อน แต่ว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือความสามารถการเล่นในกรอบเขตโทษคู่แข่ง เล่นสั้นอยู่หลังกองหน้าตัวจบสกอร์ นั่นคือตำแหน่งที่ดีที่สุดของเจ้าตัว"

"เขาจมูกไวต่อการหาตำแหน่งยืนที่ดีๆให้ตัวเองอย่างมาก"

ตำแหน่งของดอนนี่ ฟานเดอเบค มีผู้เล่นมากมายที่เขาต้องสู้แย่งตำแหน่งด้วย ไม่ว่าจะเป็น สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, คริสเตียน อีริคเซ่น รวมถึง บรูโน่ แฟร์นันดส์ ตัวพวกนี้คือเบอร์ 8 บางตัวเล่นเบอร์ 10 ได้

4 คนนี้คือคู่แข่งโดยตรงของ DVB ในการชิงตำแหน่ง 8 กึ่ง 10 ของทีม ขณะที่หากจะลงไปเล่นเป็นตัวต่ำกลางสนามเพื่อยืนเป็นคู่กลาง double pivot ดอนนี่ก็ต้องเจอตอชิ้นใหญ่อย่าง "Casemiro" ที่เล่นเบอร์ 6 แท้ได้ดีที่สุดของทีม แถมมีสกิลรอบตัวในการเติมเกมรุก ยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ หรือขึ้นไปหาจังหวะทำประตูได้อีก เหมือนอย่างเกมล่าสุดที่คาเซมิโร่แสดงให้โลกได้เห็นแล้วว่า เขาทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่แค่ตัวตัดเกมแบบ Anchor man อย่างเดียว

เขาคือมิดฟิลด์ตัวรับแบบ Defensive Midfielder สายสมบูรณ์แบบที่ทำได้ทั้งการเล่นเกมรับ สกรีนงานให้กองหลัง คุมบอล เล่นโฮลดิ้ง แกะเพรส รวมถึงออกบอลฆ่าให้กับตัวรุกในแดนหน้า แม้กระทั่งเติมไปยิงเองก็ตาม

แฟนผีหลายๆคนรวมผู้เขียนด้วย รอ "ลูกไฟ" จากคาเซมิโร่ที่จะกดสูตรติดอยู่ ซึ่งปีนี้มีติดแน่ๆ เหลือแค่นัดไหนเท่านั้น!

เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว เรามีทั้งมิดฟิลด์ตัวรับที่ครบเครื่อง มีDLPที่ครบเครื่อง มีมิดฟิลด์ตัวรุกพันธุ์แท้ที่วิ่งพล่านจนกระทั่งตอนนี้กลายเป็น Roaming Playmaker พลังงานอนันต์ไปแล้วสำหรับบรูโน่ กัปตันทีมที่วันๆนึงวิ่งโหดเหมือนโกรธฮาก

ดอนนี่ ฟานเดอเบค จะเอาคุณภาพด้านไหนไปสู้กับมิดฟิลด์พวกนี้? นี่คือคำถามที่หลายคนอยากรู้

วิธีการมันง่ายมากๆ เหมือนอย่างที่เอริคพูด ดอนนี่ ฟานเดอเบค ก็แค่ทำตัวให้ "ฟิต" ก็พอ

ฟิตสำหรับการเล่นในระบบเทนฮาก ที่เขากำลังสร้างแมนยูไนเต็ดให้เป็น "แมนยูไนเต็ดที่เล่นด้วยฟุตบอล Proactive Style เน้นเกมรุกดุเดือดเต็มขั้น ที่วิ่งและบู๊กันด้วย Passion สูง" ซึ่งเอริคสร้างทีมใหม่ของเขาขึ้นมา โดยที่มันรับประกันได้เลยว่า นี่จะไม่ใช่กระบวนการ Reproductive ที่ "สร้าง Ajax ขึ้นมาใหม่อีกรอบ" ณ สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดแต่อย่างใด

ไม่ใช่แน่นอน

แมนยูไนเต็ดชุดนี้รับเอาปรัชญาของเอริคมา แต่แมนยูคือแมนยู เรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีศักยภาพที่จะไปได้ไกลกว่าที่เอริคเคยปั้น Ajax มากนัก

ไม่ใช่ว่า เราได้ผู้จัดการทีมคนนี้มา แล้วเขาจะทำทีมได้เหมือนเป็นแค่ Ajax สมัยก่อน ด้วยสิ่งแวดล้อม เงินทุน แรงซัพพอร์ต ระดับฟุตบอลที่เข้มข้นและยากกว่าเดิมมากถ้าเทียบกับสมัยคุม Ajax ในเอเรดิวิซี่

มาถึงตอนนี้เอริค เทน ฮาก พิสูจน์ตัวเองได้ประมาณหนึ่งแล้วว่า เราพอจะคาดหวังฟุตบอลดีๆจากเขาได้แน่ ให้เขาพัฒนาทีมไปเรื่อยๆในอนาคต

แต่ว่า แล้วดอนนี่ ฟานเดอเบคล่ะ

เราจะคาดหวังเหมือนที่มองเอริค เทน ฮากได้ไหม นี่เป็นคำตอบที่หลายคนอยากรู้ รวมไปถึงเรื่องที่ว่า มกราคมนี้ ดอนนี่จะถูกปล่อยออกหรือไม่ หรือเจ้าตัวจะพยายามย้ายออกเพื่อหาโอกาสลงเล่นรึเปล่า เพราะจนถึงตอนนี้ อาการบาดเจ็บโดยเฉพาะกล้ามเนื้อของเขา พรากฟานเดอเบคจากการลงสนามไป 6 สัปดาห์เต็มๆแล้ว

ซีซั่น 2022/23 เขาเพิ่งได้ลงเล่นไปแค่ 19 นาทีเท่านั้น น้อยเกินกว่าจะบอกได้ว่าน้อยด้วยซ้ำ ใช้คำว่าแทบไม่ได้เล่นเลยจะดีกว่า ซึ่งมันมาจากเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บล้วนๆ

ผลกระทบจากอาการบาดเจ็บไป ที่ทำให้เขาไม่ค่อยได้ลงสนาม สะท้อนออกมาทันทีจากรายชื่อ 39 ใน Provision Squad ของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่หลุยส์ ฟาน กัล เลือกนักเตะเอาไว้เบื้องต้นเพื่อพร้อมลุยศึกฟุตบอลโลกที่ "กาตาร์2022"

ไม่มีปรากฎชื่อของ Donny van de Beek ตามระเบียบ

ในนั้นมีชื่อของหลายๆคนซึ่งเป็นเป้าหมายของเอริคอยู่ เช่น หน้าเป้าพักบอลอายุ 20 ปีอย่างน้อง Brian Brobbey ของ Ajax, แบ็คขวาเป้าหมายเราที่ทีมไป Scout มาใกล้ชิดอย่าง Jeremie Frimpong วิงแบ็คขาบุกน้องๆเดนเซล ดัมฟรีส์ ในวัย 21 ปีที่โจมตีรุนแรงรวดเร็วยังกะลูกดอกอาบยาพิษสีส้ม, และ Cody Gakpo กองหน้ากึ่งปีกสาย Inside Forward ที่มีร่างกายสูงใหญ่แข็งแกร่ง รวดเร็ว ปั้นเกมจากริมเส้นได้ และทำประตูได้เหมือนกองหน้าดีๆคนนึง ที่สถิติการเล่นปีนี้สวยหรูจน LVG ต้องหนีบเขาไปด้วย

ในตำแหน่งมิดฟิลด์ของทีม ซึ่งฮอลแลนด์ไม่ได้เล่นฟุตบอลที่ใช้ AM เป็นหลัก ทำให้ดอนนี่แทบไม่มีที่ยืนในทีม ขณะที่นักเตะในตำแหน่งเดียวกัน หลายๆคนก็ได้ลงเล่นต่อเนื่องและโชว์ฟอร์มดีจากตำแหน่งมิดฟิลด์ โดยเฉพาะ Davy Klaassen มิดฟิลด์เบอร์ 8 สายเติมเกมรุกที่เล่นคู่กับ สตีเว่น แบร์กีส

และแม้แต่ Xavi Simons กลางรุกเด็กนรก Wonderkid วัย 19 ปี อดีตดาวรุ่งจิ๋วจากศูนย์ฝึกลามาเซีย ปัจจุบันอยู่ PSV Eindhoven ที่พี่ม้านิสเตลรอยดูแลอยู่ ก็ยังได้พิสูจน์ฝีเท้าต่อเนื่องมากกว่าฟานเดอเบคอยู่ดีในถ้วยยูโรปาลีก และเอเรดิวิซี่

พวกนี้ได้ลงเล่นสม่ำเสมอ และฟอร์มเด่นชัดเจนกว่าฟานเดอเบคเยอะ เมื่อเทียบในตำแหน่งเดียวกัน ดังนั้นก็คงต้องทำใจสำหรับฟานเดอเบค ในฟุตบอลโลกหนนี้ เนื่องจากโอกาสของเขากับสโมสร ยังไม่ได้ลงเล่นเต็มที่ คงเป็นการยากที่จะติดทีมชาติได้

เรื่องการกลับมาของฟานเดอเบค รวมถึงแมกไกวร์ และวานบิสซาก้า จะดีกับแมนยูไนเต็ดอย่างมหาศาล ซึ่งหลายๆเกมก่อนหน้านี้ที่แมนยูไนเต็ดสะดุดไป เราแทบจะไม่มีตัวสำรองที่เปลี่ยนเกม หรือแก้แทคติกได้ลงสนามเลย โดยเฉพาะแมตช์เจอนิวคาสเซิล

ถ้ามีฟานเดอเบคอยู่ ไม่จบ 0-0 แบบนั้นแน่

การกลับมาของฟานเดอเบค จะทำให้นักเตะที่วิ่งเหนื่อยทุกๆเกมอย่าง "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" กลับมาปลอดภัยอีกครั้งจากการมีผู้เล่นแบ็คอัพในตำแหน่งของเขา นั่นก็คือการเล่นในพื้นที่ AM : Attacking Midfielder ของระบบ 4-2-3-1 นั่นเอง ก่อนหน้านี้หากว่าบรูโน่ไม่อยู่ หรือมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง คนที่มายืนตำแหน่ง AM ตัวกลาง ก็จะเป็นคริสเตียน อีริคเซ่น เสมอ

แต่ถ้าฟานเดอเบคอยู่ ตัวเลือกนี้จะเพิ่มขึ้น ทำให้ทีมสามารถที่จะดึงคริสเตียน อีริคเซ่น ให้คุมเกมแดนกลางได้ต่อ หากกรณีที่บรูโน่ต้องการพัก หรือมีอาการบาดเจ็บ รวมถึงติดใบเหลือง ทีมจะสามารถดันเอา DVB ลงเล่น AM แทน แล้วใช้ "อีริคเซ่น" ยืนตำแหน่ง DLP ผสม Enganche เป็น 6 กึ่ง 8 ได้ต่อไปได้ แม้บรูโน่จะไม่อยู่ในสนาม เราก็จะไม่ขาด AM ธรรมชาติอยู่ดี ตามแผนในภาพข้างล่างนี้

เป็น 11 ตัวจริงที่เหลืออยู่ในช่วงนี้ หลังจากวารานเจ็บยาวไป โดยเฉพาะคู่หูที่เซนส์ทันกันอย่างอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ถนัดบอลสั้นเร็วในกรอบเขตโทษ และตอนปรีซีซั่นก็เล่นร่วมกันได้ดีมากกับตัวรุกคนอื่นๆในฟร้อนท์ทรี

น้องหมากเป็นกองหน้าที่น่าจะดีที่สุดที่จะเล่นเข้าขากับฟานเดอเบคในการจัดตัวลงสนาม เป็นตัวแปรสำคัญมากๆที่จะส่งผลซัพพอร์ตการลงสนามของฟานเดอเบคได้อย่างดี

ทีมจะได้ประโยชน์ขึ้นอีกเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากนี้แมนยูไนเต็ดมีแต่จะต้องเจอทีมในระดับที่ไม่ใหญ่มาก หรือพูดง่ายๆคือทีมเล็กนั่นแหละ ทีมเหล่านี้มักจะเล่น Low block ตั้งรับถอยต่ำ อุดหน้าประตูตัวเองเยอะๆเพื่อเซฟไม่ให้โดนเรายิงไว้ก่อนแล้วรอลูกสวนกลับ

เอาจริงๆแค่ตั้งรับลึก ยืนออๆอุดๆกันหน้าโกลตัวเอง แค่นั้นแมนยูไนเต็ดก็ทำอะไรได้ยากแล้ว แถมต้องพะวงกับการโดนสวนกลับอีก ช่วงนี้แฟนผีคงรู้ดี ทีมมีปัญหาเรื่องการทำประตูอยู่ด้วย ถ้าเจอทีมเล็กอุดแล้วเจาะไม่ได้ มีปัญหาแน่นอนถ้าทำแต้มตกหล่น

แต่ดูเหมือนว่า ดอนนี่ ฟานเดอเบค เขาจะ "มาได้ทันเวลาพอดี อย่างกับรู้ใจ"

เพราะนี่คืออาวุธที่หนักที่สุดของเราในการทำลายกำแพงหนาแน่นของการจอดรถบัสได้

คำตอบของวิธีการใช้งานฟานเดอเบค กุญแจสำคัญก็อยู่ในสิ่งที่เอริค เทน ฮาก พูดไว้ และนิยามเขาว่าเป็นมิดฟิลด์ที่เล่นในกรอบเขตโทษได้อันตราย และเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการเล่นสั้นหลังกองหน้าตัวเป้า จากความสามารถในการหาตำแหน่งในกรอบคู่แข่งได้อันตราย และจมูกไวสุดๆ

บทบาทของฟานเดอเบค เคยอธิบายหลายๆครั้งที่คอลัมน์ว่า เขาคือมิดฟิลด์ตัวรุกสาย "Shadow Striker" ที่จะเล่นแบบเติมเกมรุกขึ้นมาในกรอบเขตโทษ เล่นเป็นเหมือน "กองหน้าเงา" อย่างจริงๆจังๆ

ไม่ใช่ กองหน้าตัวรอง เหมือน "Second Striker" แบบคนอื่นๆด้วย เพราะ Shadow Striker จะเล่นด้วยการหาตำแหน่ง (off the ball) เป็นหลัก เพื่อที่จะไปยืนอยู่ในจุดตายของคู่ต่อสู้ ตามที่ต่างๆที่จะกดดันและสร้างความอันตรายให้กับทีมเขาเสมอๆ

กลับกัน Second Striker จะทำตัวเป็นเหมือนกองหน้าแท้ที่จะต้องเป็นเป้าหมายการเปิดบอล การยิงประตูด้วยตัวเอง ไม่ต่างกับกองหน้าหลัก เพียงแค่เติมขึ้นมาเสริมเป็นหน้าตัวที่สองเท่านั้น และมีบทบาทในการเล่นที่มากกว่า

ดังนั้น เรื่องความที่ต้องเป็นตัวเล่นสำคัญของเพลย์ต่างๆ โดยเฉพาะจังหวะ Open play ที่ทำเกมรุก สร้างเกมรุก หาจังหวะจบสกอร์ ตัวเล่นที่เป็น Second Striker จะเห็นได้ชัดกว่าอยู่แล้ว และตำแหน่งนี้ต่างกับตัว Shadow ตรงที่ Second Striker คือกองหน้าแท้

ขณะที่ Shadow Striker มันเป็น "Role" ของผู้เล่นที่เป็น "มิดฟิลด์" แต่เติมขึ้นมาอยู่ในกรอบ และเล่นหาตำแหน่ง off the ball เพื่อสร้างความได้เปรียบใส่คู่ต่อสู้ในพื้นที่อันตรายเพื่อ "เจาะช่อง" แนวรับลึกคู่แข่ง เวลาที่พวกเขาไปยืนกองหน้าในกรอบเขตโทษนั่นเอง

ให้นึกถึงกองหน้าตัวเป้าที่ต้องไปค้ำในกรอบเขตโทษที่คู่แข่งยืนอุดกันเยอะๆดู กองหน้าตัวเป้าจะเหนื่อยหน่อยในการที่ต้องเป็นตัวเป้าจ่ายของทีม

แต่ฟานเดอเบค กับตำแหน่ง Shadow Striker จะเป็นตัวอิสระซะมากกว่า ที่ถูกจับตามองน้อย หรือบางทีหาตัวไม่เจอ เหมือนอย่างที่แฟนผีรู้กัน และบางคนเข้าใจว่านั่นคือการไม่มีบทบาทของ DVB

แต่หารู้ไม่ว่า การหายตัวไปของเจ้าดอนนี่นี่แหละ คือความอันตรายขั้นสุดยอดที่ไม่ควรดูถูก หากว่าไม่เข้าใจบทบาทที่ผู้จัดการทีมเขาจะส่งลงไปใช้งาน

หากเทียบกันแบบการ์ตูนๆ ตัว Shadow Striker ที่ทำงานหลังฉากให้กับทีม เป็นตัวพลิกเกม ตัวมันสมอง เทียบง่ายๆเลยมันคือภารกิจของกุ๊กกามอย่าง "วินสโมค ซันจิ" เวลาที่เขาหายตัวไปทำภารกิจหลังฉากลับๆให้กับทีมนั่นแหละ

ซันจิหายตัวไปในจังหวะสำคัญๆเสมอ และก็กลับมาพร้อมกับไพ่ตายพลิกเกมที่สำคัญๆไม่แพ้การระเบิดพลังยิงใส่ศัตรูแบบเท่ๆ เหมือนตัวเอกโชเน็นต่างๆทำกัน

เทียบย้อนกลับมาที่ฟุตบอล นั่นคือหน้าที่ของกองหน้าตัวเป้าที่มีหน้าที่ถล่มประตูคู่แข่งให้เละ เปรียบเหมือนลูฟี่ ซันจินั่นแหละ ที่ทำงานเป็นหน่วยทะลวงฟันหลักของทีม

แต่กับ ดอนนี่ "วินสโมค" ฟานเดอเบค งานหลังฉากมันคือหน้าที่ของเขาในฐานะตัว Shadow Striker นั่นเอง

คำถามที่ผู้อ่าน อยากจะรู้มากๆเรื่องนึง จากข่าวลือที่ว่าเอริค เทน ฮาก บอกว่าดอนนี่ ฟานเดอเบค จะเก่งกาจมากกว่าสมัยก่อนตอนอยู่กับอาแจ็กซ์อีกนั้น หลายคนคงอยากรู้ว่า มันเรื่องจริงหรือไม่ และเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

ตอบได้ตรงนี้จากทิศทางการพัฒนาทีมของเอริค เทน ฮากแล้ว บอกได้เลยว่า หากดอนนี่ ฟานเดอเบค แสดงความมุ่งมั่นที่จะสู้แย่งตำแหน่ง / พัฒนาตัวเองมากกว่าเดิม ในยามที่การแข่งขันสูงมากๆ และเขาเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่ใจร้อนที่จะหนีไปหาโอกาสลงเล่นกับที่อื่นก่อน

ดอนนี่ ฟานเดอเบค ร่างอาแจ็กซ์ จะกลายเป็นเด็กไปเลย หากว่าสักวันนึง ฟานเดอเบค สามารถเรียกฟอร์มมาแย่งตำแหน่งเล่นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในร่างทรงเอริค เทน ฮากได้

มีคำให้สัมภาษณ์ของเทน ฮาก กับ Sky Sports Football ดังนี้ว่า

"I've got big plans for Donny Van de Beek, just let him return from Injury. He's going nowhere, he is a part of the project and he will stay at the club. You will see the best version of Donny in the coming months, even better than the Donny of Ajax."

"ผมมีแผนการสำคัญเตรียมไว้ให้ดอนนี่ ฟานเดอเบค แค่รอให้เขาหายกลับมาจากอาการบาดเจ็บเท่านั้น เขาจะไม่ไปไหน และอยู่เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็คการทีม เขาจะอยู่ที่นี่ แล้วคุณจะได้เห็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของดอนนี่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อาจจะดีกว่าดอนนี่ตอนอยู่อาแจ็กซ์ด้วยซ้ำ"

ให้คิดง่ายๆอย่างที่เกริ่นไว้แล้ว เอริคไม่ได้จะมาสร้าง Ajax ทีมใหม่ที่นี่ เขาจะทำ Manchester United ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการในแบบ "Ideal Philosophy" หรือเล่นตาม หลักปรัชญาในอุดมคติ ของเอริค เทน ฮาก

แมนยูที่เอริคสร้าง จะแข็งแกร่งกว่าอาแจ็กซ์แน่ๆอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะในทีมที่สูงลิบลิ่วจากการเสริมทีมเข้ามาในปีนี้ รวมกับตัวเก่าๆที่มีฝีเท้าดี

ลองมองไปที่คาเซมิโร่ บรูโน่ อีริคเซ่น มาร์ติเนซ วาราน แอนโทนี่ ซานโช่ แรชฟอร์ด มาร์กซิยาล ตัวพวกนี้ดูว่า ความสามารถเฉพาะตัวสูงมากขนาดไหน ขณะที่ตัวเล่นของ Ajax ไม่ได้เก่งกาจขนาดนี้หากแยกฝีเท้าออกมาตัวต่อตัว

ถ้าเทน ฮาก สร้างทีมให้เล่นในระบบของเขาได้อย่างเต็มที่ และรายล้อมไปด้วยตัวผู้เล่นที่เขา "ต้องการ" เสริมเข้ามาอย่างถูกต้องเช่นซัมเมอร์นี้ในทุกๆปี แล้วในอนาคตหากว่าฟลุคไปดึงแฟรงกี้ เดอ ยอง หรือ ตัวเล่นที่มีคุณภาพจะสร้างสิ่งอย่างนั้นให้ทีมในแดนกลางได้

ระบบมันจะโหดขึ้นกว่าเดิมสองเท่า แล้วฟานเดอเบค จะเฉิดฉายแน่นอน หากว่าสิ่งแวดล้อมของทีมมันโหดขึ้น

และ "ตามทันเซนส์บอล" ของเขาสักที เหมือนอย่างที่เราบอกมาตลอดนับตั้งแต่สมัยแฟนบอลยังด่าฟานเดอเบคว่าเล่นไม่เข้ากับทีม ปัญหามันไม่ใช่เรื่องที่ดอนนี่เล่นไม่เข้าคนอื่น ปัญหาคือ คนอื่นเซนส์ตามไม่ทันดอนนี่ เล่นบอลด้วยความคิดที่อ่านตามเกมของเขาไม่ทัน

สิ่งที่ควรเป็น คือให้เพื่อนพัฒนามาให้ทันเซนส์ของเขา ไม่ใช่ให้เขาลดเซนส์ไปเล่นระดับเดียวกับเพื่อนที่ยังไม่มี creativity และ awareness ในสนามที่ยังไปไม่ถึงเขา

เอาประเด็นเรื่องเพื่อนตามเซนส์ไม่ทัน ไปเปรียบเทียบกับเกม.. มันก็เหมือนการเล่นเกมMOBA 5 คนบนมือถือ ที่ฟานเดอเบคเป็นเหมือนตัวเดินเกมของทีม และเคลื่อนที่ไปทั่วในแมพ เพื่อเข้าไปป้องกัน หรือโจมตีคู่แข่งได้ถูกต้องตามจังหวะที่ควรจะเป็นทุกอย่าง รวมถึงอาจจะอ่านเกมคู่แข่งขาด แล้วไปยืนโซนพื้นที่ไม่ให้พวกเขาเก็บobjectต่างๆได้ เช่นการเก็บดาคสเลเยอร์ เพื่อเอาบัฟจะมาจบเกม

คำถามสำหรับคอเกมคือ ตัวผู้เล่นที่อ่านเกมล่วงหน้าได้อยู่คนเดียว แล้วไปในพื้นที่อันตรายดังกล่าว แต่ว่า "เพื่อนร่วมทีม" ตามเซนส์คนเดินเกมไม่ทัน ไม่ขยับมาช่วย ไม่ตามมาซัพพอร์ต หรือกว่าจะรู้ตัว เค้าก็เปิดไฟต์กันแล้ว

ดอนนี่ที่เซนส์สูงอยู่คนเดียว แต่ไม่มีใครตามไปช่วยทัน เขาก็คงจะโดนคู่แข่งไล่killตายอยู่คนเดียวนั่นเอง สุดท้ายคงโดนเพื่อนร่วมทีมหาว่าแจกอีก

ปัญหามันอยู่ที่คนตามเซนส์ของเขา ไม่ใช่ปัญหาที่ตัวเขา

ณ ตอนนี้แมนยูไนเต็ดยังไปได้แค่ไม่ถึงครึ่งทางของสิ่งที่เทน ฮาก ต้องการเลยในเรื่องระบบการเล่น จะเห็นว่าหลายๆจุดของทีมมีปัญหาอยู่ ในช่วงนี้ก็จะเป็นเรื่องของ "ตัวรุกแดนหน้า" ที่จบสกอร์กันไม่ค่อยได้ จากปัญหาการขาดกองหน้าที่มีประสิทธิภาพมากพอ

กับเรื่องของมิดฟิลด์กลางสนาม ที่หลายๆครั้ง ตัวเล่นที่ลงมาอย่าง "เฟร็ด" ก็ฟอร์มขึ้นๆลงๆ หรือว่าทำได้ดีมากแค่บางมิติ เช่นการเพรสซิ่ง เข้าไปไล่บีบประชิด ทำลายเกมแดนกลางของคู่แข่งได้อย่างดีในเกมเชลซี แต่มิติการครองบอล จ่ายบอล ทำเกมรุก เฟร็ดก็ดันทำอะไรดีๆให้ทีมไม่ได้เลยซะยังงั้น(ตามมาตรฐาน)

เรียกว่า ทั้งการจบสกอร์ในภาคเกมรุก และ การเล่นของแผงมิดฟิลด์ มีปัญหาที่ต้องปรับแก้ทั้งนั้น ส่วนแดนหลัง ค่อนข้างเสถียรหน่อย จากการมีแบ็คโฟร์ตัวหลักๆยืนกันครบตำแหน่งและเล่นดีทุกคน รวมถึงการมีกลางรับเทพที่เริ่มตามความเร็วของพรีเมียร์ลีกทันแล้ว และโชว์ฟอร์มได้สุดยอดมากอย่างคาเซมิโร่

แม้วารานจะบาดเจ็บลงสนามไม่ได้แล้วในช่วงหนึ่งเดือนต่อจากนี้ แต่ก็ถือว่าแผงหลังยังมีตัวทดแทนอย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ช่วยเล่นได้ ในยามที่แบ็คอย่างดาโลต์ ชอว์ก็ท็อปฟอร์ม และเป็นตัวสกรีนงานรอบๆ CB สองคนร่วมกันกับคาเซมิโร่ได้อย่างดี

ปัญหามันจึงเหลือมิดฟิลด์ และ เกมรุก ที่เราต้องแก้ไขและปรับปรุง ดังนั้นการกลับมาของ ดอนนี่ ฟานเดอเบค เหมือนจะ "เข้าแก๊ป" ในสิ่งที่เรากำลังต้องการพอดี

เพราะเขาคือ มิดฟิลด์ที่เล่นเกมรุก และสร้างความแตกต่างให้กับมิติการเล่นของทีมได้

เรื่องแรกก่อน ปัญหาการจบสกอร์ในการเล่นรุกของแมนยู ตอนนี้ Attackers แดนหน้า ตัวแบกที่แบกทีมเราได้จริงๆคนเดียว คือ แอนโทนี่ ทั้งการทำเกมโจมตีคู่แข่ง ขับเคลื่อนและยิงประตูให้ทีม แต่แนวรุกที่เหลือ มีปัญหากันคนละนิดละหน่อยทั้งสิ้น

-ยามที่โรนัลโด้ทำตัวมีปัญหา และต้องโดนพักงานเพื่อลงโทษไปหนึ่งนัด ตอนนี้กลับมาแล้ว แต่ก็ยังต้องดูความฟิตอีก

-ยามที่แรชฟอร์ด ยังขาดการจบสกอร์ที่เฉียบคมพอสำหรับการเป็นกองหน้าหลักของทีม ที่พลาดโอกาสสำคัญๆจากการ Finishing ที่ไม่คมมากพอจะทำให้มันเป็นประตูได้ โดยเฉพาะความเยือกเย็นที่จะยิงเล่นทางใส่คู่แข่ง เขายังคงก้มหน้ายิงด้วยความแรงเต็มตีนเตี่ยเหมือนเดิม นั่นคือปัญหาของแรชชี่

ยังดีว่า ภาพรวมในสนาม แรชฟอร์ดพัฒนาตัวเองมาเล่นหน้าเป้าตัวกลางให้ทีมได้ดีขึ้น ในสไตล์กองหน้าชิงจังหวะแบบPoacherให้กับทีม เพื่อหาโอกาสยิงเรื่อยๆ

รับภาระกดดันแผงหลัง วิ่งหาจังหวะโจมตี และสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ยิงกดดันใส่โกลคู่แข่งได้ แม้จะยังไม่เป็นประตูแต่ในมุมมองผู้เขียน และเอริคเองก็เห็นเช่นกันเป๊ะๆว่าแรชฟอร์ดทำได้โอเคแล้ว

การยิงประตูไม่ได้ ไม่ได้ตัดสินคุณค่าของกองหน้าว่า "ไร้ค่า" ซะทีเดียว เหมือนที่หลายๆคนยังตำหนิแรชเกินควร

-ยามที่มาร์กซิยาล เจ็บแบบไม่รู้เดือนรู้วันว่า เมื่อไหร่พี่แกจะหายกลับมาสักที สามวันดีสี่วันไข้ กลับมาเล่นเทพได้หนึ่งนัด หรือครึ่งนัด แล้วเจ็บไปอีก สามสี่เกม

นี่มีข่าวว่า นาโปลีตั้งราคาวิคเตอร์ โอซิมเฮนมา "100 ล้านยูโร" ก็ยังเสียวๆอยู่เลยว่า กลัวทีมจะไปเอา ซึ่งปัญหาของโอซิมเฮน ไม่ใช่เรื่องฝีเท้าที่เขาน่ากลัวและทรงประสิทธิภาพสุดๆ หากอยากจะหาตัวท็อปๆมาแข่งกับฮาลันด์ เคน พวกนี้ โอซิมเฮนคือคำตอบที่ใช่

แต่ถ้าซื้อมาแล้วเจ็บออดๆแอดๆ สปรินท์นิดนึงเจ็บไปอีกสามนัดเหมือนมาร์กซิยาล อันนี้ก็ไม่เอาจริงๆ เพราะเราเห็นปัญหาแล้วว่า การมีกองหน้า หรือนักเตะที่มี Injury Proneness แนวโน้มจะเจ็บสูง ทั้งเจ็บบ่อย เจ็บยาว มันกระทบกับการทำทีมที่โปรแกรมอัดแน่น และเตะกันหนักหน่วงในพรีเมียร์ลีกยังไงบ้าง

มองมาร์กซิยาล แล้วหันไปดู บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่รับมือรับตีน และวิ่งเป็นม้าทุกเกม แต่หมอนั่นกลับไม่เคยบาดเจ็บแบบจริงๆจังๆเลย นั่นคือข้อแตกต่าง ที่มันไม่ใช่เรื่องของสไตล์การเล่นแล้ว

มันคือปัญหาของสภาพร่างกายนักบอลแต่ละคนล้วนๆ มาร์กซิยาล กับ โอซิมเฮน มีปัญหาเรื่องนี้ทั้งคู่

ใครนินทาตูฟะ?

เมื่อหมาก แรช โรนัลโด้ สามกองหน้ามีปัญหากันทุกคน เกมรุกที่แบกโดยแอนโทนี่คนเดียวมันจึงไม่พอ และบรูโน่ จะต้องทำงานหนักมากขึ้นอีกเพื่อที่จะช่วยทำให้ทีมยิงประตูได้

นี่แหละคือโอกาสที่ฟานเดอเบค จะได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง ในฐานะมิดฟิลด์ที่เติมเกมรุกเข้ากรอบเขตโทษได้อันตรายมากๆ เพื่อสร้างให้เกิด "ประตู" ขึ้นจากการเล่นของเขา ไม่ว่าจะแอสซิสต์หรือยิงเองก็ตาม

ทีมกำลังมีปัญหาเลย ดอนนี่มาได้จังหวะพอดีในช่วงที่จะต้องเจอกับบอลอุดแทบทุกเกมจากคู่แข่งที่อ่อนชั้นกว่าเรา แล้วเทน ฮาก ก็เรียกร้องและต้องการให้ทีมคุมเกม ครองบอลเป็นหลักด้วยเพื่อกดให้อยู่หมัดและทำประตูให้ได้

ดอนนี่ ฟานเดอเบค โคตรสำคัญกับช่วงนี้จริงๆ หายกลับมาถูกจังหวะสุดๆ

ก็หวังว่าเขาจะเรียกความฟิตกลับมาได้ และช่วงมกราคมนี้ หากว่ายังไม่ได้รับโอกาสมากพอ เนื่องจากเทน ฮาก เป็นคนที่ชอบใช้ผู้เล่น 11 ตัวจริงต่อเนื่องที่เล่นได้ดี ทำให้โอกาสลงเป็น Starting XI อาจจะน้อยสักหน่อย แต่ยังไงก็คงได้ลงในฐานะตัวสำรองแน่นอนถ้าฟิตและพร้อมจะช่วยทีม

การมีบรูโน่ "เดอะยั๊วะเดอะทนตีนเดอะกัปปิตาโน่" แฟร์นันด์ส ยืนขวางตำแหน่ง AM ของ DVB อยู่ ไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง หากว่าไม่ไบแอสให้ดอนนี่มากเกินไป นีคือเรื่องที่ดี

ยิ่งคนขวางตำแหน่งเก่งมากเท่าไหร่ ตัวเล่นระดับรองๆลงไปอย่าง ดอนนี่ หรือสำรองคนอื่นๆ ก็เป็นไฟต์บังคับที่เขาจะต้องพัฒนาตัวเอง และรีดความสามารถออกมาให้สุดขีดเพื่อชนะใจเทน ฮากให้ได้

มันส่งผลดีในเรื่องของการแข่งขัน ไม่ใช่สิ่งที่แย่เลยในการที่ฟานเดอเบค แย่งตำแหน่งเพราะบรูโน่ฟอร์มดีไม่ได้ แบบนี้จะดีกับทีมมากกว่า

การแข่งขัน และทะเลคลั่ง สร้างอัศวินแห่งท้องทะเลเสมอ ดอนนี่จะเอาชนะ "ทะเลหนวดแห่งโปรตุกีส" คนนั้นได้หรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ สไตล์การเล่นและประโยชน์ของสองคนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ทีมสามารถหาวิธีใช้งานสองคนนี้สลับ หรือเล่นร่วมกันได้ในบางเวลา

ถ้าฟานเดอเบคเรียกความฟิตของร่างกายกลับมาได้เต็มแม็กซ์แบบที่พร้อมวิ่งหาตำแหน่ง ทำทาง เพรสซิ่ง ฯลฯ เราก็อยากจะเห็นเขาลงตัวจริงด้วยซ้ำครับบางนัด หมุนๆกันเล่นกับบรูโน่ อีริคเซ่นได้จะดีมากๆเลย ให้ดอนนี่เล่น 8 แทนอีริคเซ่นได้แน่นอน เพราะในยามที่กลางต่ำเรามีมี "คาเซมิโร่" คุมเกมให้แล้ว จะใช้ดอนนี่เล่นเป็น "8s" เบอร์ 8 โจมตีคู่กันระหว่าง บรูโน่ + ดอนนี่ หรือ ดอนนี่ + อีริคเซ่น ก็ยังทำได้ในระบบ 4-2-3-1 hybrid 4-3-3

โคตรอยากเห็นแผนนี้เลย

บางครั้งถ้าเอริคส่งเฟร็ดลงสนามก่อนดอนนี่ ขอให้แฟนบอลใจเย็นๆ และทำความเข้าใจว่า เอริค เทน ฮาก ต้องการอะไร เช่นแทคติกในการใช้ไดนามิคการวิ่ง เข้าไปเพรสสู้กับคู่แข่งเพื่อไม่ให้เกมของพวกเขาเล่นได้ง่ายๆ เหมือนเกมที่เจอเชลซี แล้วพอตเตอร์แก้เกมใช้ จอร์+โควา นั่นแหละ ถ้าเกมโดนคู่แข่งคุมเกมได้เยอะๆ บางครั้งเฟร็ดก็จำเป็น

แต่นั่นคือในกรณีที่เราครองบอลสู้ไม่ได้ หากอนาคตเราครองบอล ต่อเกม build-up ได้เหนือชั้น บางทีอาจไม่ต้องใช้เฟร็ดเลยด้วยซ้ำ เพราะทีมจะส่งดอนนี่ ฟานเดอเบค ลงสนามก่อนชัวร์ๆ เนื่องจากคุณภาพการเล่นเหนือกว่าเยอะ

ถ้าต้องการบอลวิ่งทำลายเกมคู่แข่ง เฟร็ดมีภาษีกว่า 

ถ้าต้องการบอลเกมรุก การเติมเข้าไปกดดันในกรอบคู่แข่ง ดอนนี่ภาษีดีกว่าแน่นนอน

แล้วแต่สถานการณ์ และแทคติกตอนนั้นว่า เอริค เทน ฮาก "ต้องการอะไร" อะครับ

แบบนี้ก็ได้ ได้หมด DVB 6 / 8 / 10 เฟร็ดไม่จำเป็นต้องใช้ยังได้เลย มีคาเซมิโร่คุมเกมรับแล้ว

การคัมแบ็คกลับมาของฟานเดอเบค จะเป็นประโยชน์กับเราในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน ร่างทองของฟานเดอเบคจะมาหรือไม่ เราไม่รู้ แต่เขามีศักยภาพจะไปถึงตรงนั้นได้ หากว่าทีมพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็พัฒนาไปกับทีม

ลืมดอนนี่ ฟานเดอเบค ร่าง Ajax ไปได้เลย ถ้า ดอนนี่ในอนาคตสามารถแย่งตำแหน่งที่นี่มาได้ เขาจะ "เก่งกว่าร่างเก่า" ได้อีกหลายเท่ามากๆแน่นอน

ที่เหลือก็แค่เพียงใจของดอนนี่เท่านั้นว่าจะสู้กับทีมนี้หรือไม่ จะพิสูจน์ตัวเองได้มากน้อยเพียงใด ตามคำให้สัมภาษณ์ของเทน ฮาก อย่างตรงไปตรงมาต่อเขาดังนี้ว่า

"มันเหมือนๆกันกับนักเตะๆุคนในทีม เขาจะต้องทำมันให้ได้ด้วยตัวเอง ผมในฐานะผู้จัดการที และสตาฟฟ์โค้ชรายล้อมเขาสามารถที่จะช่วยเหลือ และสร้างสภาวะ (conditions) ที่ถูกต้องให้กับเขา เพื่อให้เขาแสดงฝีเท้าออกมาได้ แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ตาม สุดท้ายแล้วตัวนักเตะก็ต้องทำมันด้วยตนเองอยู่ดี"

"พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อการแสดงประสิทธิภาพในการเล่นของตน ซึ่งดอนนี่มีความสามารถอยู่ในตัว ผมเองก็เห็นมาหมดแล้วตอนที่อยู่อาแจ็กซ์ แต่ตัวเขาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้เช่นกัน"

สงสัยจะได้ลงเจอวิลล่าอีกแล้วดอนนี่

เป็นคำให้สัมภาษณ์ที่โคตรแฟร์กับนักเตะทุกคนในทีม ทั้งดอนนี่ และเพื่อนคนอื่นๆ ที่ได้รับการทรีทและให้โอกาสเท่าๆกัน บนพื้นฐานที่ว่า "ผู้เล่นที่ดีที่สุดจะมีสิทธิ์ได้ลงสนามเป็นตัวจริง เพื่อผลการเล่นที่ดีของทีม"

ไม่เกี่ยวกับสัญชาติ ไม่เกี่ยวกับว่าใครมาก่อนมาหลัง ไม่เกี่ยวกับการเป็นอดีตลูกทีมที่อาแจ็กซ์ ไม่เกี่ยวกับที่เป็นลูกรักซึ่งผู้จัดการอยากได้จนต้องคว้าตัวมา

การพิสูจน์ตัวเองล้วนๆ นักเตะทุกคนในทีมมี 1 โอกาสเหมือนกันหมด

ดอนนี่ ฟานเดอเบค ก็เช่นกัน

สำหรับเขา จะมารอให้แมนยูไนเต็ดพัฒนาจนเล่น "บอลเทนฮาก" ได้แบบร่างสมบูรณ์ 100% หรือ 120% แบบโทงุโระอย่างเดียวไม่ได้ ดอนนี่จะต้องพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆกับทีมที่อัพเกรดขึ้นเรื่อยๆ แล้วพิสูจน์คุณค่าของตนเองให้ได้ซะ

ถ้ายังไม่ได้ ก็ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ หากอยากประสบความสำเร็จ ความอดทนจะต้องนำมาก่อน

แล้วถ้าถึงเวลาที่เขาอดทนมากพอ พัฒนาตัวเองมากพอ และสุกงอมไปพร้อมๆกับระบบบอลบุกของเทนฮาก ผู้ซึ่งมีสไตล์การทำทีมให้เล่นเน้นการ "เคลื่อนที่ และการจ่ายบอลเจาะช่องทำเกม" เป็นหัวใจสำคัญ

"Proactively Pass and Move Football with High Flexibility" ฟุตบอลพาสแอนด์มูฟในเชิงรุกที่มีความยืดหยุ่นสูง เอาแค่คอนเซปต์ของฟุตบอลระบบเทน ฮาก คีย์เวิร์ดทุกคำในนี้มันเป็นสิ่งที่มีครบเป๊ะในตัว Donny van de Beek เลย

1.Passing การให้บอลที่มีมาตรฐานดี และจ่ายบอลฉลาด

2.Movement การเคลื่อนที่ในภาคการหาตำแหน่งซึ่งสร้างความได้เปรียบให้ทีมเสมอ บนปรัชญา Positional Play

3.Proactive Style ฟุตบอลเกมรุก เน้นบุก ซึ่งเขาก็เป็นมิดฟิลด์สายรุกด้วยอยู่แล้วที่ชอบใช้ไอเดียในการรุกคู่แข่ง

4.Flexibility ความยืดหยุ่นของดอนนี่ ที่เล่นได้ทั้งตำแหน่ง 6 / 8  / 10 ในสนาม และเอาจริงๆน้องมีสกิลกองหน้าตัวจบควบตัวปั้นแบบ "9ครึ่ง" อยู่ในตัวด้วย

หากจะใช้งานเป็นกองหน้าแผน False Nine ก็สามารถใช้ได้สบายๆถ้าทีมต้องการ

4-3-3 ที่สามารถปรับได้แม้กระทั่งถอยบรูโน่ไปเป็น 8s ทำเกมคู่อีริคเซ่น แล้วใช้ ฟานเดอเบคเล่น F9 ให้ปีกสองข้างเข้าทำ ก็ใช้ได้

กุญแจสำคัญของบอลเทน ฮาก ทุกประเด็นมันคือสไตล์การเล่นหลักของ Donny van de Beek เป๊ะๆ จนน่าตกใจ

ถ้าอดทน และพัฒนาจนถึงวันที่ระบบทีมลงตัวแล้ว ร่างทองของฟานเดอเบค มันจะต้องคลิกเข้ากับระบบแน่นอน แล้วเขาจะกลายเป็นฝันร้ายของคู่แข่งยามได้เห็นเขาลงเล่นตัวจริง หรือก้าวเท้าลงมายืนข้างสนามรอเปลี่ยนตัวลงมา ซึ่งไม่สามารถจับทางได้เลยว่านักเตะที่ IQ Football สูงระดับนี้จะลงมาทำอะไรบ้าง

ถ้าถึงเวลาที่ทุกอย่างคลิกและลงตัวกัน มันจะโหดแน่นอน เหลือแค่ตัวนักเตะเองแล้วว่าจะสู้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเองครับ ยังไงก็เอาใจช่วยน้องกันต่อไป

ถ้าเขาใจสู้ และอดทนรออยู่ถึงวันนั้นได้ ฝีเท้าที่ดีที่สุดยิ่งกว่าสมัยอาแจ็กซ์ จะแสดงออกมาให้แฟนบอลเห็นแน่นอน

-ศาลาผี-

References

https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/van-de-beek-manchester-united-25048883

https://www.si.com/soccer/manchesterunited/interviews/erik-ten-hag-why-donny-van-de-beek-playing-manchester-united

https://www.mirror.co.uk/sport/football/transfer-news/ten-hag-vandebeek-ajax-transfer-27799387

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด