บาร์เซโลน่า ยุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ทำผลงานช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยมเกินความคาดหมายหลังการเผชิญมรสุมตลอดช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา
   
    เนย์มาร์ ตีจาก'คัมป์ นู'ย้ายไปอยู่กับ เปแอสเช ด้วยมูลค่า 222 ล้านยูโร แม้ทีมอาซูลกราน่าจะยอมจ่าย 105 ล้านยูโรเพื่อดึง อุสมาน เดมเบเล่ มาจากดอร์ทมุนด์ แต่คงไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปได้ทั้งหมด
   
    ฝ่ายบริหารของบาร์เซโลน่าหาทางเติมเต็มส่วนที่สึกหรอด้วยความพยายามดึง ฟิลิปเป้ กูตินโญ่ เพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิเลียนมาจาก ลิเวอร์พูล แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาจากทีมหงส์แดงคือ'นักเตะไม่ได้มีไว้ขาย'

   
    แม้ อุสมาน เดมเบเล่ จะเป็นตัวเสริมทัพรายที่ 4 ของ บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ต่อจาก เคราร์ด เดวโลเฟว, เนลซอน เซเมโด้ กับ เปาลินโญ่ แต่บรรดากูรูลูกหนังเมืองกระทิงยังมองว่าขุมกำลังของทีมอาซูลกราน่ายังดูเป็นรอง เรอัล มาดริด ของซีดานชัดเจน
   
    นั่นคือสิ่งที่บัลเบร์เด้ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นกับทีมของเขาไม่ถูกต้องไปซะทั้งหมด!?!?
   
    บาร์เซโลน่า ของเทรนเนอร์ชาวบาสโก้ทำผลงานช่วง 3 นัดแรกบนเวทีลีกาอย่างยอดเยี่ยมหลังการกำชัยชนะเหนือ เรอัล เบติส (2-0), อลาเบส (0-2) กับ เอสปันญ่อล (5-0)
   
    มันเป็นการออกสตาร์ตดีสุดในประวัติศาสตร์ของทัพอาซูลกราน่า หลังทีมของบัลเบร์เด้คว้าชัย 100% กระทุ้งคู่แข่งรวมกัน 9 ประตูและไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว
   
    ดีสุดในประวัติศาสตร์สโมสรคือการไม่เสียประตูนั่นเองเพราะบอลสไตล์รุกจัดอย่างบาร์ซ่ามักจะเสียท่าให้ฝ่ายตรงข้ามจากเกมสวนกลับเสมอ...

       
    มันอาจจะมีเสียงแย้งขึ้นมาบ้างเนื่องจากทีมของบัลเบร์เด้ยังไม่พบกับคู่ปรับที่แข็งแกร่งนัก การทำผลงานดังกล่าวกับสโมสรระดับสามัญอย่าง เรอัล เบติส, อลาเบส หรือ เอสปันญ่อล ไม่ใช่เรื่องยากนัก
   
    บททดสอบของจริงของทีมอาซูลกราน่ายุคบัลเบร์เด้เริ่มต้นจากเกมเปิด'คัมป์ นู'รับมือ ยูเวนตุส ยอดทีมจากอิตาลีในแมตช์ประเดิมเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มช่วงค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมา
   
    หลายคนคงจะจำกันได้ว่าทีมม้าลายของ มัสซิมิลิอาโน่ อัลเลกรี้ เคยเขี่ยทีมยักษ์กาตาลุนย่าของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ตกรอบควอเตอร์ไฟนัลของรายการนี้ในช่วงฤดูกาลก่อน
   
    ยูเวนตุส เปิดสังเวียน'ยูเวนตุส สเตเดี้ยม'ขย้ำ บาร์เซโลน่า ขาดลอย 3-0 ในการเล่นรอบ 8 ทีมนัดแรก แม้สาวกบาร์เซโลนิสต้าจำนวนไม่น้อยยังคิดว่าทัพอาซูลกราน่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้อีกครั้งเหมือนที่เคยทำกับเปแอสเชรอบก่อนหน้า แต่ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นซ้ำสอง
   
    ทีมยักษ์กาตาลันเปลี่ยนโฉมแนวรุกจาก'MSN'เป็น'MSD'หลังบัลเบร์เด้ส่ง เดมเบเล่ ประเดิมสนามในฐานะตัวจริงเกมแรกหลังลงเล่นเป็นตัวสำรองและทำหนึ่งแอสซิสต์ในเกมดาร์บี้แมตช์กับทีมนกแก้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
   
    กองหน้าดาวรุ่งวัย 20 กะรัตมีส่วนร่วมกับเกมรุกของบาร์ซ่าดีในระดับหนึ่ง แต่มันยังเร็วไปที่จะพูดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะทำผลงานคุ้มค่าการลงทุนของสโมสรหรือไม่ คงต้องให้เวลาอดีตกองหน้าดอร์ทมุนด์ปรับตัวอีกสักระยะ
   
    แต่ถึงอย่างไรทัพอาซูลกราน่ายังมีแข้งเทพอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่สามารถดลบันดาลชัยชนะให้ได้เสมอ...

   
    เมสซี่โชว์ฟอร์มขั้นเทพเหมายิงคนเดียวสองประตูบวกอีกหนึ่งจาก อีวาน ราคิติช ซึ่งก็มาจากการสร้างสรรเกมของซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์นำทีมยักษ์กาตาลุนย่าล้างตาทีมม้าลายด้วยสกอร์ 3-0
   
    มันอาจจะใช้ความว่า'สมบูรณ์แบบ'ได้ไม่เต็มปากเต็มคำนักเพราะมันเพิ่งจะผ่านไปเพียง 4 เกม แต่ทีมอาซูลกราน่ายุคบัลเบร์เด้เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ได้อย่างสวยหรูและเป็นความพยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าการเสียเนย์มาร์ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมรุกของบาร์ซ่า
   
    หลังการเกมทุบทีมม้าลายอิตาเลียนเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า ทำสถิติไม่แพ้ในการลงเล่นนัดแรกบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นฤดูกาลที่ 19 ติดต่อกัน

   
    การปราชัยตั้งแต่เกมแรกในรายการนี้ครั้งล่าสุดของทีมอาซูลกราน่าเกิดขึ้นตั้งแต่ยุคของ หลุุยส์ ฟาน กัล ช่วงฤดูกาล 1997-98 ซึ่ง บาร์เซโลน่า พ่าย นิวคาสเซิ่ล ที่'เซนต์ เจมส์ พาร์ค'2-3 ก่อนตกรอบแบบหมดสภาพด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่มในเวลาต่อไป
   
    บาร์เซโลน่า ยังต่อยอดสถิติไม่แพ้บนเวทียุโรปที่'คัมป์ นู' 22 นัดติดต่อกัน ซึ่งเป็นการเอาชนะคู่แข่งถึง 20 ครั้ง นับตั้งแต่การพ่ายแพ้ต่อ บาเยิร์น มิวนิค 0-3 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2013
   
    จากการโชว์ฟอร์มขั้นเทพของ เมสซี่ ทำให้ซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วสารทิศไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาสื่อกีฬาชั้นนำของอิตาลีทั้ง 'ลา กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต', 'คอร์ริเอเร่ เดลโล่ สปอร์ต'หรือ 'ตุ๊ตโต้สปอร์ต' ต่างชื่นชมผลงานของเมสซี่และจวกฟอร์มของนักเตะยูเว่ในเวลาเดียวกัน
   
    'ลา กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต'ยอมซูฮกเมสซี่ว่าเป็นเหมือนนักเตะที่มาจากดาวดวงอื่นหรือ'เลโอจากดาวอังคาร'!!!
   
    ขณะที่ 'คอร์ริเอเร่ เดลโล่ สปอร์ต' ชื่นชมเมสซี่ว่าเป็นยอดมนุษย์หรือ'ซูเปอร์ เลโอ'พร้อมเน้นย้ำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นจากบทสัมภาษณ์หลังเกมของ มัสซิมิลิอาโน่ อัลเลกรี้ ว่า'บาร์ซ่ามีนักเตะจากดาวอังคาร'

   
    ส่วนค่าย'ตุ๊ตโต้สปอร์ต'เน้นไปที่การจวกนักเตะยูเว่มากกว่าการชื่นชมความสามารถของเมสซี่ โดยนำแข้งดาวดังอย่าง เปาโล ดีบาล่า, กอนซาโล่ อิกวาอิน, ดักลาส คอสต้า, อเล็กซ์ ซานโดร กับ เมห์ดี้ เบนาเตีย ขึ้นมาเชือดหน้าหนึ่งพร้อมให้คะแนนความสามารถแค่ 4 เท่านั้น

    มีการพูดถึง'ความเจ็บปวดที่คาร์ดิฟฟ์'กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง ซึ่ง ยูเวนตุส เคยพ่าย บาร์เซโลน่า ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2015 ด้วยสกอร์ 1-3

    ทว่าสิ่งที่ทุกคนยอมรับคือบาร์เซโลน่ามีนักเตะที่มาจากโลกอื่นอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ นั่นเอง

    โรดริโก้ เบนตานกูร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวอุรุกวัยวัย 20 กะรัตของ ยูเวนตุส ลงประเดิมเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกด้วยการปราชัยต่อ บาร์เซโลน่า ยับเยินที่'คัมป์ นู' มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำนัก แต่หนุ่มเบนตานกูร์รู้สึกทึ่งหลังเห็นฟอร์มของแข้งเทพอาซูลกราน่าประจักษ์ตาเป็นครั้งแรก 
   
    'มันน่าผิดหวังที่ต้องพ่ายแพ้ในเกมนี้ พวกเราทุ่มเทกันสุดตัวแล้ว แต่มันยังไม่พอ'เบนตานกูร์ยอมรับ
   
    'ผมมีความสุขกับฟอร์มการเล่นของตัวเองและสิ่งที่ผมทำ แน่นอนแชมเปี้ยนส์ลักมันต่างแตกกันมากกับโกปา ลิเบร์ตาดอเรสทั้งความเร็วและเทคนิคที่เหนือกว่า'
   
    ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการชื่นชมซุปตาร์อาร์เจนไตน์ของทีมอาซูลกราน่าว่า'เมสซี่เป็นนักเตะที่เหลือเชื่อมาก เขาเป็นผู้เล่นที่มาจากอีกโลกหนึ่งเลย'

   
    เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เริ่มต้นงานของเขาได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากทัพอาซูลกราน่าจะมีสุดยอดนักเตะอย่างเมสซี่แล้ว โปรแกรมแข่งขันยังเป็นใจให้ทีมของเทรนเนอร์ชาวบาสโก้ด้วย
   
    หลังผ่านพ้นบททดสอบของจริงอย่างยูเวนตุสเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า มีงานไม่หนักรออยู่อีก 5 นัดคือ เคตาเฟ่ (เยือน), เออิบาร์ (เหย้า), คีโรน่า (เยือน), สปอร์ติ้ง ลิสบอน (เยือน) และ ลาส ปัลมาส (เหย้า)
   
    ก่อนที่บัลเบร์เด้จะต้องยกพลเยือนสังเวียน'ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่'เพื่อดวลกับ แอตเลติโก มาดริด ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ บนเวทีลีกาในวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคมนี้
   
    บาร์เซโลน่า จะเก็บชัยชนะต่อยอดไปอีกนานแค่ไหนหรือจะสะดุดเมื่อไหร่ อีกไม่นานเราคงจะรู้กัน....