:::     :::

ความเกลียดชัง

วันพุธที่ 09 พฤศจิกายน 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,259
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"แค่นักเตะไม่เก่ง ไม่เห็นจำเป็นต้องเกลียด" ผู้เล่นแมนยูไนเต็ดหลายคนอาจจะไม่ดีพอสำหรับทีมเราจริงๆ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเลยที่เวลาทีมแพ้แล้วจะด่าลามกันไปทั่วอย่างเกินขอบเขต ด้วยอารมณ์และความเกลียดชังที่รอตั้งป้อมโจมตี "บางคนที่เขาเกลียด" อยู่แล้ว นี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งที่ว่านั้น

มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกมันมาได้ระยะใหญ่ๆ ในช่วงระยะหลังของการเป็นแฟนบอลแมนยูไนเต็ด นั่นก็คือเราสัมผัส "ความเกลียดชัง" ได้เยอะขึ้นมาก นับตั้งแต่ที่เราได้ดูบอลมาตั้งแต่เด็ก

ความเกลียดชังที่ว่านี้มันไม่ได้มาจากแฟนบอลตรงข้าม แฟนบอลทีมคู่อริ ที่บลัฟหรือเยาะเย้ยกันตามปกติธรรมชาติของฟุตบอลอยู่แล้ว ตราบใดที่ยังไม่ล้ำเส้นด่าพ่อล่อแม่ เหยียดหยามความเป็นมนุษย์กัน มันไม่มีปัญหา ถ้าล้อกันให้เจ็บใจเล่นๆ

เพราะถ้าคุณจิตใจไม่แข็งพอจะรับการทับถมของคู่แข่งได้ มันก็จะลำบากสักหน่อยในการรับมือกับสิ่งเหล่านี้ยามที่ "ทีมผลงานไม่ดี"


เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา แฟนบอลแมนยูเองแม้ว่าจะประสบความสำเร็จมานานก็จริง แต่สมัยก่อนในยุคที่ป๋าอยู่ ยุคที่ยังเกรียงไกรและทีมมีความมั่นคงมากๆกับการคว้าแชมป์ เราก็เจอกับการโดนทับถมเรื่อยๆอยู่แล้ว แม้นั่นจะเป็นปีที่เราประสบความสำเร็จ

เช่นในวันที่แพ้ แต่หากไปพลาดท่าแพ้ต่อคู่อริ โดนถ้วยเหย้าเยือนคัพ หรือไปแพ้ทีมอื่นในรอบชิง คู่อริของเราก็จะออกมาแจมทันที อันนี้คือเรื่องโคตรธรรมดามากๆ ไม่มีสิแปลก สิ่งที่คุณทำได้มีสองวิธีง่ายๆคือ

1. "เข้าไปบวกมันเลย" ข้อนี้ก็ไม่ผิด ถ้าคุณอยากจะปกป้องสโมสรที่คุณรัก


หรือ 2. "เอาตัวออกห่าง" ignore ไม่ต้องสนใจปากของคู่อริที่เยาะเย้ยเรา

#เพราะเราไม่ได้เชียร์บอลบนปากพวกมัน

เราเชียร์บอลกันด้วยความรักที่มีต่อทีม อย่างของผมเอง ไม่ขออะไรมาก วันที่แมนยูมีเตะ วันที่มีทีมเสื้อสีแดงๆลงไปเล่น ในนามปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

เกี่ยวกับ "ปาก" พวกมันหรือไม่? ก็ไม่

เราก็เชียร์ของเราเฉยๆ ดังนั้น แฟนบอลจะเอาตัวเองลงไปยุ่งกับพวกมันรึเปล่าก็อีกเรื่อง ซึ่งก็เลือกได้ ผมเองก็เลือกเช่นกัน เวลาไหนจะเข้าไปบวก เวลาไหนจะปล่อยผ่าน

บางครั้งพยายามใช้น้ำสะอาดราดToxicแล้วมันไม่ออก ก็อาจจะต้องใช้สารเคมี "แรงๆ" มาล้างพิษเหล่านี้ออกไปบ้าง


เรื่องพวกนี้ธรรมดามากจริงๆ แต่.. สิ่งที่แปลก และ "แย่กว่า" การบลัฟเยาะเย้ยจากคู่แข่ง มันคือการ "ทำร้ายกันเอง" ที่มาจากแฟนบอลทีมตัวเอง บนคำด่าสาดเสียเทเสียสารพัดในยามที่ทีมไม่ได้ดังใจพวกเขา ยามที่ทีมแพ้

ทั้งๆที่ธรรมชาติของกีฬา มันมีแพ้ มีชนะ แถมพ่วงเสมอให้อีกหนึ่งในเกมฟุตบอล ออกได้ตั้งสามหน้า แต่ในมุมมองของคนที่จมไม่ลง แมนยูไนเต็ดต้องชนะตลอดไปทุกนัดอย่างนั้นรึเปล่า


สมัยก่อนอาจจะใช่ นั่นคือความคาดหวังของแฟนผีรุ่นผมที่เติบโตขึ้นมาในยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มันก็เป็นวิธีคิดแบบเดียวกับที่เอริคคิดว่า good is not good enough แม้ว่านัดนี้ทีมจะแพ้ ถามว่าแฟนแมนยูรู้จักพอรึเปล่าล่ะ มันก็ไม่

แชมป์พรีเมียร์ลีกคือของธรรมดาที่ "ต้องได้" สำหรับแฟนบอลเราในยุคนั้น สิ่งที่เราต้องการมากยิ่งขึ้นไปอีกคือ 3 แชมป์ หรือ 4 แชมป์ ในทุกๆปีที่เราอยากจะเหนือกว่าสิ่งที่เราเคยทำได้ในปี 1999 ซะอีก

ใครไม่คาดหวังไม่รู้ แต่ผมหวังปีละ 3-4 แชมป์จริงๆในยุคนั้นถ้ามันเป็นไปได้ โดยเฉพาะช่วงที่ป๋าปั้นทีมชุดแชมป์ 2008 นั่นแหละ นั่นคือชุดที่แข็งแกร่งสุดๆจริงๆ


แต่เวลามันผ่านไปแล้ว คุณไม่ได้อยู่ในสถานะนั้นอีกแล้ว แมนยูไนเต็ดไม่ได้อยู่ในยุคที่เราเป็นเต้ยของลีก เราไม่ได้เป็นทีมที่ได้ลุ้นแชมป์ใหญ่ทุกปีเหมือนเดิม

นี่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตามวัฏจักรที่จะไม่มีอะไรอยู่ยงคงกระพันตลอดไป แมนยูเองก็เหมือนกัน มันต้องถึงเวลาที่เจอเรื่องแบบนี้บ้าง ผมมองว่ามันคือสีสันของการเชียร์บอลนะ

มวยรองไม่ได้แย่เสมอไป การเป็นทีมที่ฝีเท้าต่ำชั้นกว่าคู่อริ มันก็มีความสนุกในการเชียร์ให้ทีมเรา "โค่น" พวกปีศาจที่เราเกลียดขี้หน้า แล้วมันดันเก่งกว่าเรา

ปัจจุบันเราเป็นแบบนั้น และเราคือทีมที่ผ่านปัญหามาเยอะ พังทลายลงมาหลายต่อหลายครั้ง น้ำตาเป็นหมื่นหยดจากความผิดหวัง มันหลั่งรินจนกระทั่งถึงวันที่ผู้ชายอย่าง เอริค เทน ฮาก เดินเข้ามาแล้วก็พยายามที่จะสร้างใหม่ เริ่มต้นใหม่ และค่อยๆแก้ปัญหาปีทีละอย่าง


บริบทของปัจจุบันมันเป็นแบบนั้น เพราะงั้นคุณจะมาคาดหวังว่าแมนยูจะต้องเจ๋งและชนะแม่งทุกนัดอย่างงั้นเลยเหรอ เอริคไม่ได้เป็นพระเจ้าที่เข้ามาแล้วจะเสกได้ทุกอย่าง ขนาดเล่นเกม ถ้าคิดจะ "รีเซฟ" เล่นให้ชนะคู่แข่ง ยังต้องใช้ "เวลาเลย" เพราะต่อให้รีเซฟใหม่ที่ในนัดที่แพ้ ถ้าคุณจัดทีมไม่ดีพอ รีเซฟไปคุณก็แพ้อยู่ดี แล้วก็ต้องรีเซฟใหม่จนกว่าจะชนะ

ขนาดจะโกงเกมยังต้องใช้เวลา อย่าว่าแต่เอริคเลย ป๋ามาเจอทีมสภาพตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะต้อง rebuild กันอีกกี่ปีซะด้วยซ้ำ กับทรัพยากรทีมที่มันไม่ได้เสกได้ง่ายๆเหมือนใส่สูตรแอ็คชั่นรีเพลย์

ใส่แอ็คชั่นรีเพลย์ หรือสูตร30ตัวก็เอาไม่อยู่ สภาพทีมในหลายปีที่ผ่านมา

อันที่จริงแล้ว "แฟนของทีม" ควรจะเป็นคนที่อุทิศตนเชียร์ด้วยแรงสนับสนุนในฐานะ "Supporters" ส่งพลังใจที่สำคัญและจำเป็นมากๆให้กับทีมงาน สตาฟฟ์โค้ช นักเตะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Support

แต่ทุกวันนี้มันตรงกันข้าม แฟนทีมเหล่านี้กลับกลายเป็นแหล่งผลิตความเกลียดชังชั้นดีใส่สโมสรเราเอง ผ่านคำด่าทอเหยียดหยามสารพัดต่อนักเตะตนเองที่ฝีเท้าไม่ดี เล่นไม่ดีพอ

ถ้ามันเป็นการตำหนิกันด้วยเหตุผลเชิงฟุตบอล ผิดว่าไปตามผิด และ "เข้าใจ" สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ อันนี้ไม่มีปัญหา


ประเภทตำหนิแบบผิดๆถูกๆ และมีมุมมองอยู่ด้านเดียวว่า มันจ่ายบอลห่วย มันยิงไม่ได้ = ไร้ประโยชน์ / ไม่มีบทบาทกับเกม = ลงไปวิ่งเล่นๆ

แต่ไม่เคยมองด้านอื่นที่เขาทำเพื่อทีม เช่น นักเตะคนนึงในรูปนั่นแหละ สกิลการจ่ายบอลไม่แน่นอนจริง เปิดบอลอาจจะไม่ได้น่ากลัว ไม่ได้มีเซนส์เท่ากับอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นมิดฟิลด์เชิงรุกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เทียบกับเขาซึ่งเป็นตัวเล่นสายซัพพอร์ตที่ต้องเล่น ต้องวิ่ง จ่ายบอล เชื่อมเกมให้ทีม

แค่คิดจะเอาไปเทียบกันมันก็ผิดแล้ว เหมือนเอาแดเมจของตัวซัพพอร์ต ไปเทียบกับแดเมจของแครี่ ของเมจ ของตัวป่างั้นแหละ เพราะถ้าจะบอกว่า ตัวซัพพอร์ต > ไม่มีแดเมจ = ไร้ประโยชน์?? ข้อนี้คนเล่นเกมMOBAน่าจะเข้าใจดีว่า ตัวซัพพอร์ต ต่างหากที่เป็นคนสำคัญมากๆของทีมและขาดไม่ได้ ไม่ใช่พวกตัวยิงพลังทำลายสูงเหล่านั้น

ทีมต้องการซัพพอร์ต

แฟนบอลเหล่านั้นไม่เคยมองเหตุผลเชิงแทคติกที่เฮดโค้ชต้องการ (ขนาดเอริคดีๆยังไม่รอดโดนด่าเลยคิดดู หาว่าสปอยล์นักเตะบ้าง กลัวบารมีโด้บ้าง ฯลฯ คือเหตุผลมันง่ายมากๆเลยนะ) ไม่เคยมองว่า เหตุผลอะไรทำไมผู้จัดการทีมถึงต้องเลือกใช้ในมุมมองของเขา


ทำไมเขาถึงไม่เปลี่ยนคนนี้ออก
ทำไมเขาถึงไม่ส่งคนนี้ลง
ทำไมเขาถึงต้องปั้นไอ้เด็กคนนี้อยู่ได้

วันที่แพ้ ไม่ว่าจะใครก็ตาม โดนแฟนบอลพวกนี้ด่าหมด ไม่ว่าแม่งจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับเหตุผลของการพ่ายแพ้มากน้อยแค่ไหนก็ตาม โดนหมด เด็กดาวรุ่งที่ลงมาสำรอง ลงมาได้โอกาสยิงเลยทันทีจากจังหวะแรก ก็ยังโดนด่า เพราะนั่นคือตัวที่พวกเขาเหล่านั้นตั้งธงเอาไว้ในใจแล้วตั้งแต่แรกว่า ส่งมันลงมาทำไม มันกระจอก มันเล่นไม่ได้ ทำไมไม่ขายๆไป


นักเตะบางคน เป็นกองหน้าตัวเป้าโดยตำแหน่ง เขามีหน้าที่ยืนค้ำแดนบนตามคำสั่ง เขาหาจังหวะเข้าทำ และเป็นตัวเล่นตัวสุดท้ายของทีม นักเตะในทีมก็มีหน้าที่เซ็ตเกม และถ้ามันมีโอกาสที่พอจะส่งบอลเข้าไปพื้นที่สุดท้ายเพื่อให้ไปถึง กองหน้าคนนั้นให้ได้

กลับกลายเป็นถูกแฟนบอลบางส่วนมองว่า ทีมพยายามจะปั้นดาราคนนั้นมากเกินไป ทำให้ระบบเสีย

... ผมกำลังงงกับตรรกะคิดนี้มาก ทีมพยายามส่งบอลไปให้ถึงแดนหน้าที่รอจบสกอร์อยู่ มันผิดอะไรตรงไหน ทั้งคนที่พยายามจ่าย คนที่พยายามจะหาจังหวะยิงให้ได้

อ้อ เพราะเขาคนนั้นถูก "เกลียด" จากเหตุผลอะไรบางอย่างไง อะไรมันถึงได้ผิดไปหมด


สิ่งที่ผมอยากจะเขียนในวันนี้ ต้นโพสต์มันมาจากแรงบันดาลใจที่จะพูดถึง "อารอน วานบิสซาก้า" มาอยู่หลายวันแล้ว เมื่อเช้ามืดก็มีข่าวจาก tier1 อย่าง เจมส์ ดัคเกอร์ แห่งเดอะเทเลกราฟมาพอดีว่า เอริคจะเสริมแบ็คขวา หากมกรานี้มีการปล่อยตัว AWB ออกจากทีมได้สำเร็จ (เพื่อลดภาระค่าเหนื่อย และเคลียร์นักเตะส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้งานออกไปจากทีม)

ขณะที่อีกด้าน ยูไนเต็ดเองก็วางแผนจะต่อสัญญากับตัวฟอร์มดีอย่างดาโลต์ออกไปให้ได้ แต่ต้องรอการดำเนินการกับนักเตะนี้ หลังจากหมดเกมภายในประเทศ และเข้าสู่ช่วงพักเบรคฟุตบอลโลก แล้วค่อยลุยสัญญาใหม่ระยะยาวเพื่อรับประกันอนาคตของนักเตะ ข่าวจากแหล่งเดียวกันยืนยันมาแบบนี้

อารอน วานบิสซาก้า อาจจะเป็นนักเตะที่ "ไม่เก่งพอ" หรือไม่ดีพอสำหรับการเป็นผู้เล่นตัวจริงของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ข้อนี้เราสามารถพูดกันได้ เพราะมันคือมุมมองที่พูดกันถึงเรื่องคุณภาพการเล่น พูดถึงฝีเท้า

เราไม่ได้พูดเพื่อทำลายหรือดูถูกฝีเท้าของเขา

วานบิสซาก้าเมื่อเทียบฟอร์มกันกับนักเตะคนอื่นๆในตำแหน่งเดียวกัน มันชัดมากๆว่าเขาทำอะไรแทบจะไม่ได้เลย การจ่ายบอลให้เข้าใจและตรงกันกับเพื่อนก็ไม่มี เป็นคนที่อ่านจังหวะของทีมได้แย่มาก การยืนตำแหน่งก็ไม่ดี หลายๆครั้งห้อยจนคู่แข่งหลุดเช็คล้ำหน้า

หลายๆครั้งหุบเข้ากลางมาจนไม่มองดูตัวเติมเสาสอง และคู่แข่งก็จัดการสำเร็จโทษเราจากความอ่อนแอของแนวรับฝั่งเขา ที่มักจะได้ยืนใกล้เคียงกันกับกองหลังตัวที่ไม่โดดเด่นเรื่องเกมรับอย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ อีกคน

แดนสนธยาของทีมเรา ไม่ใช่แค่ปีกขวา แต่ยังเป็น กองหลังซีกขวาทั้งซีก มาตลอดหลายปีด้วย


การทำเกมรุก เหลือเชื่อว่า อารอน วานบิสซาก้าเป็นนักเตะที่เคยเล่น Winger มาก่อน แต่เราสัมผัสแทบไม่ได้เลยว่าสกิลไหนของเขาที่มันเป็นปีกมาก่อนจริงๆ เพราะทำได้ไม่ดีเลยในทุกมิติ

แม้กระทั่งพื้นที่สุดท้ายในบริเวณ Final Third ฝั่งขวา ที่การเล่นของเขามันดีกว่าพื้นที่กลางสนาม นั่นก็ยังคุณภาพไม่ดีพอเหมือนเดิม สำหรับการเติมของ AWB ที่ช่วยเกมรุกไม่ได้เลยทั้งในพื้นที่วงนอกด้านหลังขวา หรือวงนอกเติมไปสุดเส้น

ให้นึกง่ายๆ จากการที่แบ่งสนามออกเป็น 18 โซนพอๆกัน ฝั่งละ 9 ฮาล์ฟละ3 ซ้าย ขวา กลาง ตรงกลางหน้ากรอบเขตโทษคือ "โซน 14" ที่มีการพูดถึงบ่อยๆ จุดที่บรูโน่เล่น)

วานบิสซาก้า เล่นแทบไม่ได้เลยในพื้นที่ริมเส้นฝั่งขวาแดนบนตั้งแต่ตรงกลางขึ้นมาจนถึง Final Third นั่นคือตั้งแต่ 9 12 15 18 พื้นที่ที่เขาเล่นได้ มีเพียงแค่สองแอเรียเท่านั้นจริงๆ คือ 3 กับ 6 หรือก็คือแนวรับต่ำด้านขวาในพื้นที่แบ็คขวานั่นแหละครับ

พื้นที่นั้นคือพื้นที่ซีกเดียวที่อารอน วานบิสซาก้า เล่นได้


ทุกอย่างมาจากคุณภาพของเขาเองล้วนๆว่ามีแค่นี้ เล่นได้แค่นี้ จากการที่ทักษะการทำเกม ให้บอลต่อบอลเอาตัวรอดในแดนกลาง เขาไม่มีความสามารถเลย เพราะงั้น ไม่ต้องนึกถึงเกมบุก วานบิสซาก้าเป็นแบ็คมิติเดียวที่แข็งแกร่งสัสๆเฉพาะแอเรีย RB เท่านั้น แต่นอกนั้นคือแทบจะไม่มีมิติการเล่น

ลองเทียบกันกับนักเตะคนอื่นๆ เอาง่ายๆอย่างดาโลต์เลย นับเฉพาะขวาด้วย ดาโลต์เล่นได้ตั้งแต่ โซน 3-6-9-12-15-18 ครบถ้วน อาจจะไม่ได้ถึงกับเก่งเนี้ยบมากขนาดนั้น

(ดักไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวต้องมีคนคิดอีกว่าอวยดาโลต์ ก็เห็นๆอยู่ว่ายังมีเปิดปลิ้นบ้าง ครอสไม่แม่นบ้าง) แต่ยังไงก็ตาม ดาโลต์ดูดีกว่าเยอะ และมีประโยชน์กับทีมมหาศาล ยังไม่รวมเรื่องสกิลที่ดูมีความเป็นปีกเยอะกว่าแบ็คซะด้วยซ้ำในสมัยยังเป็นดาวรุ่ง

ตอนนี้ดาโลต์เล่นวิงแบ็คได้สมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังจะแอดวานซ์มากกว่าเดิมด้วยการเป็นตัวเล่นที่หุบเข้าในพื้นที่ฮาล์ฟสเปซ บางทีหุบยันเซ็นเตอร์แอเรีย ด้วยความเป็น Inverted Wing-back และความอเนกประสงค์ที่เล่นได้ทั้งซ้ายขวา

ทำให้ดาโลต์ "พอจะเล่นได้" ในพื้นที่โซน 1 4 7 10 13 16 ด้วย

อาจจะยังไม่ Perfect แต่ "ท่านดีโอ" ดิโอโก้ ดาโลต์ ก็เหนือกว่า AWB ไปแล้วทุกตรงแบบไม่มีข้อกังขา

คึ่กคึ่ก คึ่กคึ่ก คึ่กคึ่ก

คำถามคือ ทำไมผมถึงต้องพูดตรงนี้ ต้องอธิบายละเอียดว่า วานบิสซาก้าไม่ดียังไง มีจุดอ่อนอะไรบ้าง

เพื่อที่จะให้ได้รู้กันไงชัดๆไงครับว่า "แค่ไม่เก่ง ทำไมเราต้องเกลียดเขา?"

ย้ำ

#แค่เขาไม่เก่งทำไมต้องเกลียด

ความเกลียดชังหลักๆที่ผมเห็นส่วนใหญ่ในทุกๆเคส มักจะเกิดขึ้นกับนักเตะที่ "ฟอร์มไม่ดี" และ "ฝีเท้าไม่ถึง" ล้วนๆ มักจะตกเป็นเป้าอารมณ์ของแฟนบอล Toxic เหล่านี้เสมอมา

ต้นเหตุและจุดร่วม มันมาจากการที่เขาเล่นไม่เก่ง ไม่ได้ดั่งใจ ไม่ได้เปรี้ยงปร้าง เหมือนที่คุณๆเหล่านั้นต้องการนั่นเอง



พอถึงวันที่ทีมแพ้ มันจึงเป็นโอกาสที่สบช่องเหมาะๆในการออกมา "ด่า" คนที่เกลียดชังเหล่านี้อยู่แล้ว แม้แต่เพจคนเขียนอย่างผมเอง ผมก็โดนเข้ามาแซะมากมาย อย่างเรื่องที่อธิบาย Role ของ ดอนนี่ ฟานเดอเบค บ่อยๆ วันที่ทีมแพ้ ดอนนี่ยังโชว์ฟอร์มไม่จะแจ้ง

ถ้าแค่นักฟุตบอลคนนึงไม่เก่งพอ ไม่ได้เล่นเป็นเทพเจ้า หรือคุณภาพของเขาอาจจะยังไม่ดีพอสำหรับการใส่เสื้อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจริงๆ

แต่แค่เขา "ไม่เก่งพอ" แค่นั้น ทำไมเราต้องไป "เกลียด" ด้วย
ผมว่ามันไม่จำเป็น และมันไม่ได้ผูกมัดกันเลยว่า นักเตะที่ไม่ดีพอ เราจะต้องสาปส่ง เกลียดชัง หรือเหยียดหยามดูถูก

และ "ไล่มันออกไปจากทีมให้ไว" ขนาดนั้น..


เคสของอารอน วานบิสซาก้า ผมก็แค่จะเกริ่นให้เห็นว่า เขาไม่ดีจริงๆ สิ่งที่ผมพูดผมรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรที่เขาจะโดนปล่อยตัวออก

หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ก็ดีลนี้มันแย่ ซื้อมาได้ยังไงตั้งแพง ได้นักเตะที่ฝีเท้ายังสู้เด็กเยาวชนของทีมบางคนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

.. ผมจะบอกแบบนี้ว่า การ "ซื้อนักเตะที่เป็นดีลผิดพลาด" มันเกิดขึ้นมาได้ในทุกยุคทุกสมัย

ผู้จัดการทีมทุกคน มีดีลที่แย่ ดีลที่ปัง เหมือนๆกัน ไม่ต้องพูดถึงเซอร์อเล็กซ์เลยว่า หลายๆดีลก็ไม่ได้สำเร็จ หรือเปรี้ยงไปซะทุกคนที่ป๋าเลือกเซ็นมา


บางคนย้ายมาแมนยูนี่ เห็นแล้ว "ลมแทบจับ"
บางคนมาด้วยราคาแพงระยับ แต่กลับ "เข้ากันไม่ได้"
บางคนถูกคาดหมายว่าจะต้องเก่งแน่ๆ มีแววเป็นตัวแทนตำนานได้เลย แต่กลับ "ออกลูกเป็นไข่" ได้ซะยังงั้น

บางคนเป็นโกลระดับแชมป์โลก แต่ด้วยสไตล์ในตอนนั้นที่ไม่เข้ากันกับระบบของทีม ทำให้จุดแข็งที่มาก่อนกาลในยุคนั้นอย่าการเป็น Sweeper Keeper ทำให้เขากลายเป็นโกลจอมเฟอะฟะ และพลาดบ่อย จนสุดท้ายก็ย้ายออกไป ซึ่งจริงๆแล้วเขาอาจจะแค่ ไม่เหมาะกับบอลพรีเมียร์ลีกในยุคนั้น ที่ยังมีการเล่นบอลสไตล์อังกฤษจ๋าๆอยู่


SAF ซื้อตัวพลาดมา มีเยอะอย่างที่กล่าวไปแล้ว The Chosen One อย่างน้ามู ก็ไปดึงนักเตะที่กลายเป็นเชื้อที่คร่าชีวิตเขาซะเอง แถมด้วยการทุ่มเงินก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรซะด้วย

OGS ซื้อกองหลังราคาแพงที่สุดในโลกมา แต่ตกเป็นคอนเทนต์เฮฮาที่โดนเหยียดหยามดูถูกแบบ "ล้ำเส้น" จนเกินกว่าเหตุ เพราะถ้าแค่ตำหนิจุดอ่อนของเขามันก็ได้ ตำหนิการกระทำ การเล่นที่ไม่ดีพอ มันทำได้ แต่สิ่งที่เห็นมันคือการเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ ลามออกจากสนามบอลไปยังโลกแห่งความเป็นจริงของเขาและครอบครัว

ใช่ครับ รวมวานบิสซาก้าด้วยที่มาพร้อมกัน

แต่ .. การซื้อตัวที่ผิดพลาดมากๆ อย่างในดีลของ PP / AWB หรือรวมถึง Harry Maguire กระสุนพิษ "MH-5" ของดอนครีก ที่โอเล่ไปสู่ขอมาจากถ้ำจิ้งจอกแพงระยับ และก็โดนยังจริงๆนั้น ดีลเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ "ดวง" ว่าเราจะซื้อมาแล้วปังหรือไม่ปัง

ไม่มีใครรู้อนาคตได้ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ต่อให้คุณจะบอกว่า "เราควรรู้ว่า แฮรี่ แมกไกวร์ เหมาะกับทีมเล็กๆ เล่นตั้งรับ ไปซื้อมาทำไม / ซื้อมาทำไมราคาแพงเว่อร์กว่าค่าตัวมาก ยอมให้เขาโขก"


คำถามคือ ก่อนซื้อมา ใครจะรู้อนาคตครับ คุณเก่งขนาดนั้นเลยหรือ?
หรือ context ณ ตอนนั้นของทีม ("บริบท" ผมกระแดะจะใช้เองแหละ) ทีมมีนักเตะที่ไม่สามารถเป็น "ตัวหลัก" กองหลังให้ทีมได้เลย ในยุคที่มีเอริค ไบญี่ ลินเดอเลิฟ โรโฮ พี่ไมค์ และโจนส์ที่เจ็บอยู่ตอนนั้น

ดีลของกระสุน "MH5" Harry Maguire 5 มันเป็นดีลที่เลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้องซื้อ และการซื้อเข้ามา เขาก็ทำหน้าที่ได้ดีในช่วงเวลาดังกล่าว แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจจะเป็นกองหลังที่เราคาดหวังพึ่งพาได้

ผมแค่พยายามจะบอกว่า คนเราทุกคนมีสิทธิ์พลาดกันได้ คนเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไม่ประสบความสำเร็จกับอะไรสักอย่างได้ เช่นที่ย้ายมาค้าแข้งกับเรา แล้วสุดท้ายไม่ปัง

มันไม่ใช่เรื่องค่าตัว มันคือเรื่องของจังหวะ โอกาส และความเหมาะสมว่า คุณย้ายมาแล้วจะเกิดกับที่นี่รึเปล่าเท่านั้นเอง

ความผิดของผู้จัดการหรือไม่ ที่ซื้อนักเตะเข้ามาแล้วเฟลแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา หากเราจะจี้จุดชุดปัจจุบันที่มีหลายคนต้องเคลียร์ออก ซึ่งเป็นนักเตะยุค OGS ซื้อมาเน้นๆ โดยเฉพาะ แมกไกวร์ กับ วานบิสซาก้า

ผมจะุถามกลับไปว่า แล้วผู้จัดการทีมไม่มีสิทธิ์จะทำผิดพลาดได้บ้างหรือ? ในเมื่อเขาก็คน และเป็นคนที่ไม่ได้มีพลังหยั่งรู้อนาคตว่าตัวไหนเอามาแล้วจะปัง

นักเตะที่บางคนคาดหมายกัน รวมถึงคอลัมน์เราด้วย อย่าง มอยเซส ไกเซโด้ ที่เราคุยๆกันว่า น่าไปดึงมาตั้งแต่ถูกๆ รวมถึงตัวอื่นอย่าง จูเรียน อัลวาเรซ / หลุยส์ ดิอาซ ฯลฯ

ใครจะรู้ ไปดึงพวกนี้มาอาจจะไม่เหมาะ ไม่ปังกับแมนยูอีกก็ได้

และที่สำคัญคือ ผู้จัดการทีมคนที่ซื้อผิดพลาดมาเหล่านั้น เขาก็มีด้านดีอื่นๆที่ทำไว้ หรือ "ทิ้งมรดกไว้" ให้กับเราจนถึงตอนนี้เช่นกัน

อย่างคนที่ผู้เขียนไม่ชอบมากที่สุด หลุยส์ ฟาน กัล เอง ก็ยังมีดวงและโอกาสที่ทิ้งมรดกสำคัญในการดึงแรชฟอร์ด ขึ้นมาเล่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนมันสร้างวีรบุรุษของชาติ ฮีโร่ท้องถิ่นชาวแมนคูเนี่ยนให้แฟนบอลในตอนนี้ และอาจรวมถึงมาร์กซิยาล ที่ยังต้องภาวนาให้นักเตะหายบาดเจ็บกลับมาไวๆอีกคน ในยามฟิตเปรี๊ยะ ไอ่หมากมันคือกองหน้าตัวความหวังของทีมจริงๆ

น้ามูเอง ไปดึงป็อกบากลับมาและเป็นดีลที่โดนด่าสุดๆทั้งเรื่องเงินเรื่องฟอร์ม จากตัวนักเตะเอง แต่ก็อย่าลืมว่า โจเซ่ มูรินโญ่ พาทีมคว้าแชมป์มาแล้วในยามที่เราร่วงหล่นลงไปเป็นทีมระดับนอกท็อปโฟร์ แต่เอาถ้วยยุโรปใบรองมาให้เราได้ พร้อมด้วยมรดกที่ใช้ต่อมาอีกหลายปีอย่างเนมันย่า มาติช

แต่อย่างน้อยที่สุด การโดนไล่ออกของแกก็เป็นเครื่องบูชายัญที่แม้จะโดนสังเวย แต่มัน "สาวไส้บอร์ดบริหาร" อันเฮงซวยของพวกเกลเซอร์ ที่ไม่เสริมทีม ไม่สนับสนุนการทำทีมของเขา จนสุดท้ายน้ามูต้องเด้งออกจากตำแหน่งไปทั้งๆที่ทีมมีปัญหามากมาย แต่เขาไม่ได้รับแรงซัพพอร์ตเลยทั้งจากภายนอก

และภายใน

ทางฝั่งของ "โอเล่ กุนนาร์ โซลชา" ผู้ชายคนนี้ซื้อ AWB และ Maguire ดีลที่น่าจะเรียกได้ไม่สำเร็จสำหรับเราเข้ามาก็จริง

แต่อย่าลืมว่า เขาก็เป็นคนดึง "กัปตันตัวจริง" คนที่เรารอคอยมานานให้มีความทุ่มเท และ Passion อันคู่ควรกับตราสโมสรที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความไม่ยอมแพ้แห่งนี้

"บรูโน่ แฟร์นันด์ส"

ก็เพราะโอเล่ไม่ใช่หรือที่ดึงนักเตะคนที่เรารักคนนี้เข้ามาได้ รวมถึงโปรเจ็คสำคัญที่สอยเอาเจดอน ซานโช่ รวมถึง ราฟาเอล วารานเข้ามาสำเร็จด้วย

แน่นอน ดีลของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ คงจะเป็นประเด็นอีกสำหรับบางคนที่ยังคงเชื่ออยู่เหมือนเดิมว่า โด้เข้ามาแล้วทำให้ทีมพัง ทั้งๆที่จริงๆมันไม่เกี่ยวกับโรนัลโด้เลยในผลงานปีที่แล้ว มันเป็นเรื่องของ "ระบบ" ที่ถ้าระบบยังห่วยอยู่ ต่อให้ดึงนักเตะเก่งๆเข้ามา มันก็จะห่วยลงไปด้วย เพราะการเล่นของทีมมันยังไม่ดีในภาพรวม ซื้อนักเตะเก่งๆเข้ามาไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา

พอถึงเวลาที่ คนแก้ปัญหาเรื่องระบบเข้ามา คริสเตียโน่ก็ถูก "อายุ" พรากพลัง ความเร็ว ความเฉียบคมไปหมดแล้วอย่างน่าใจหาย ทั้งๆที่เขาเป็นคนแบกทีมไม่ให้ตกไปอยู่กลางตารางซะด้วยซ้ำในซีซั่นที่แล้ว

ความหมายที่แท้จริงของท่าดีใจนี้.. คิดแล้วมันน่าใจหายนะที่เขาไม่ได้ทำท่า SIUUUU ในวันที่อยู่ในร่าง Prime CR7 อีกต่อไปแล้ว

แฟนบอลบางคนก็ยังคงมองอยู่ว่าโด้เข้ามาแล้วทำให้ทีมเสีย แต่ไม่เคยดูระบบทีมที่ขาดความแน่นอนในการเล่นของเราเลย รวมถึงสภาพจิตใจทีมของนักเตะคนอื่นๆก็ใจไม่สู้ ปล่อยจอยกันหมด แต่ยังมี CR7 เป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่แฟนแมนยูดูบอลแล้วมีความสุขในซีซั่น 2021/22 ซึ่งใครเห็นแล้วจะไม่มีความสุขก็เรื่องของเขา

ที่แน่ๆ แฟนบอลที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ยังสนับสนุนนักเตะทั้ง 11 คนของเราที่ลงเล่นเสมอๆ อย่างที่นักเตะเราเองออกมาชื่นชมแฟนบอลแมนยูท้องถิ่นที่นั่นว่า ยอดเยี่ยมมากๆในเรื่องแรงซัพพอร์ตที่ไม่มีวันหมด

นั่นแหละครับ แฟนบอลที่แท้จริง ของจริงเขาทำกันอย่างนั้น สนับสนุนและซัพพอร์ตกันในวันลำบาก ต่อให้นักเตะคนนั้นจะไม่เก่ง ฝีเท้าไม่ถึง หรือเล่นแย่ยังไงก็ตาม

นักฟุตบอลคนนึง ไม่สมควรจะถูกเกลียด แค่เพราะเขาเล่นไม่ดี หรือไม่คู่ควรกับสโมสร

ความเกลียดชังไม่สร้างประโยชน์อะไร การตำหนิบนเหตุผลแบบไม่ใช้อารมณ์ ด้วยจิตที่คิดไว้ว่า อยากจะให้ทีมดีขึ้น อยากให้ทีมแก้ไขปัญหาตรงจุดนี้ ด้วยความคิดในเชิงที่เป็นการ "สร้างสรรค์" ให้ทีมต่างหาก ที่มีคุณค่ากว่าเยอะ

สุดท้ายแล้ว อารอน วานบิสซาก้า หรือใครก็ตามที่ไม่ดีพอสำหรับที่นี่ หรือไม่มีที่จะลง เล่น อเล็กซ์ เตลีส รวมถึง ฟาคุนโด้ เปลยิสตรี แม้แต่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ดอนนี่ ฟานเดอเบค และแฮรี่ แมกไกวร์

สักวันถ้าพวกเขาเหล่านี้จะต้องไป มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของวิถีในโลกฟุตบอลแค่นั้นเอง

ในภาพนี้เอาจริงๆเหลือแค่คนเดียวแล้วด้วยซ้ำที่ยังลงเล่นช่วยทีมได้อยู่ในโมเมนต์ปัจจุบัน ทั้งที่ย้อนไปแค่3ซีซั่นเท่านั้นเอง

ในฐานะผู้เขียน ผมอยากจะบอกเป็นการส่วนตัวว่า ผมคงเป็นส่วนน้อยที่เวลาเห็นนักเตะตัวเองเล่นไม่เก่ง ผมไม่มีความรู้สึกเกลียดเลย

ทำไมต้องไปตามด่าตามล้างเช็ด หรือเหยียดหยามกันให้ตายไปข้างนึง เหมือนที่ตอนนี้ตัวที่ลงเล่นและฟอร์มไม่ดีอย่างลินเดอเลิฟ ฟานเดอเบค แม้กระทั่งโรนัลโด้ ที่โดนอยู่ รวมถึงพวกขาประจำโดนด่าอย่าง แมกไกวร์ แม็คโทมิเนย์ เอแลงก้า เฟร็ด ด้วย ที่ถ้านัดนี้ไม่โดน (เป็นเลิฟที่โดนคนล่าสุด) ก็จะหนีไม่พ้นพวกนี้อยู่ดีที่ถูกจับจ้องมากเกินกว่าเหตุ

เล่นไม่ดี ฝีเท้าไม่ถึง แล้วไง? ก็ไม่ใช้ลงสนามสิ ก็วิพากษ์ฟอร์มการเล่นไปสิ ก็ดรอปบนม้านั่งไป เลือกตัวที่ดีกว่าลงสนาม แค่นั้นก็จบแล้ว

และอย่าเข้าใจผิดว่า บทความนี้จะบอกว่า "ห้ามด่านักเตะเลย" มันไม่ใช่แบบนั้น หากอ่านดีๆจะเข้าใจ เรื่องตำหนิหรือวิจารณ์ แฟนบอลเรา "ควรทำ" และ "มีสิทธิ์ทำได้"

ตำหนิไปเถอะครับนักเตะน่ะ ถ้าทำไม่ดีผมก็ตำหนิ ถ้าไม่ตำหนิแล้วปกป้องเกินเหตุ นั่นคือ "พ่อแม่รังแกฉัน" บทความนี้ไม่ได้จะโลกสวยมาบอกว่า ห้ามตำหนินักเตะเลย

ถ้าอ่านดีๆ คนอ่านจะต้องเข้าใจแน่นอน เพราะถ้าเล่นแย่ เราว่ากันตามฟอร์มการเล่นได้อยู่แล้วครับ

แค่ว่ามันต้องไม่ล้ำเส้น และมันต้องไม่ใช่มาจากอคติแค่นั้นเอง

สุดท้ายนี้ผมก็แค่หวังว่า นักเตะเหล่านี้ที่แม้ว่าอาจจะไม่ดีพอจะยึดตำแหน่งกับทีมเราได้ อาจจะไม่มีฝีเท้าที่เหมาะกับระบบ และต้องปล่อยตัวออกขายออก อย่างเช่นดีลของวานบิสซาก้าเป็นต้น

การซื้อมา 50 ล้านแล้วสุดท้ายเป็นดีลที่ล้มเหลว มันคือ "เรื่องธรรมดา" ที่ทุกทีมต้องเจอ

มันไม่มีใครรู้อนาคตหรอกครับ สมมติเล่นๆ คุณไปได้ตัววลาโฮวิชมา ได้ตัวเบนจามิน เซสโก้มา ได้ตัวแฟรงกี้ เดอ ยองมา (สมมติ) นักเตะเก่งๆเหล่านี้ อาจจะมาแล้วไม่ปังก็ได้

ในฐานะเพื่อนมนุษย์ และในฐานะ "นักเตะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด" ที่เคยลงเล่น และทำให้เรายิ้มมาได้ในวันที่ชนะ พอถึงวันที่ "ไม่ชนะ" ก็ออกมาด่าไล่กันสาดเสียเทเสียหมด

เราแค่พูดถึงนักเตะคนที่เป็นเป้า และพูดถึงในกรณีที่โดนทำร้ายเกินกว่าเหตุเท่านั้นเอง

สำหรับดีลที่ล้มเหลวเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยถ้าสโมสรจะต้องขายเขาออกในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อ เพื่อจะระบาย เพื่อให้นักเตะได้ลงเล่น ไปเล่นกับทีมที่เหมาะ และต้องการตัว

เขาอาจจะเป็นดีลที่ล้มเหลว แต่เขาไม่สมควรได้รับ "ความเกลียดชัง" จากแฟนบอลครับ

#ทีมต้องการซัพพอร์ต

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด