:::     :::

เส้นทางชีวิต เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,399
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็น 1 ในขุนพลทีมชาติฝรั่งเศส

ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ สำหรับ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงจากเรอัล มาดริด แน่นอนว่า กองกลางวัย 20 ปี ถือเป็นนักเตะอายุน้อย ที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก ท่ามกลางอนาคตที่สดใส ทั้งในนามสโมสร และทีมชาติ 


อย่างไรก็ตาม เส้นทางชีวิตของคามาวิงก้า ถือว่าไม่ได้โรบด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องฝ่าขวากหนามที่แหลมคม กว่าจะก้าวมายืนตรงจุดนี้ ช่วงนี้ เราลองไปสัมผัสชีวิตบางแง่มุมของเขากันหน่อยว่า เขาพัฒนาตัวเองจากเด็กผู้ลี้ภัย จนกลายมาเป็นนักฟุตบอลระดับโลกได้อย่างไร 

ย้อนเวลากลับไป ช่วงปี 1998 ถึง 2003 สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เกิดสงครามครั้งใหญ่ จนประชาชนจำนวนมากต้องพากันหนีตาย เช่นเดียวกับครอบครัวหนึ่ง ที่อพยพมายังค่ายผู้ลี้ภัย ที่อยู่ในพรมแดนที่ติดกันอย่างประเทศแองโกล่า นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด


ค่ายผู้ลี้ภัยในย่านมิคอนเก้ ครอบครัวชาวคองโก ให้กำเนิดลูกชายนามว่าคามาวิงก้า ช่วงวัยเด็ก เต็มด้วยสภาพแวดล้อมของคนที่หนีตายจากสงคราม กระทั่งคามาวิงก้า อายุได้ 2 ขวบ ครอบครัวจึงตัดสินใจครั้งสำคัญ ด้วยการอพยพต่อมายังประเทศฝรั่งเศส แน่นอนว่า มันเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนในครอบครัวไปตลอดกาล


ที่ชานเมืองแรนส์ คามาวิงก้า เริ่มฉายแววทางด้านกีฬาออกมา เขาค้นพบตัวเองแล้วว่า สิ่งที่หลงรักคือกีฬาที่เรียกว่าฟุตบอลกระทั่งอายุราว 10 ขวบ เขาได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของแรนส์ ซึ่งถือว่าเป็นสโมสรระดับอาชีพ ที่มีขั้นตอนการเพาะบ่มฝีเท้าดาวรุ่งอย่างมีระบบ และแบบแผน 


จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้น เมื่อบ้านของคามาวิงก้า ไฟไหม้ ทุกอย่างหายไปในพริบตา โดยครอบครัวต้องการความช่วยเหลือจากองค์กรการกุศล ทั้งเงิน และสิ่งของที่จำเป็น


คามาวิงก้า ย้อนความทรงจำว่าครอบครัวผมอยู่บ้านหลังนั้นไม่เท่าไหร่ เหตุการณ์ไฟไหม้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานนี้เอง ตอนนั้น ผมอยู่ที่โรงเรียน และเห็นไฟลามออกมาทางหน้าต่าง จนถึงเวลาเลิกเรียน คุณครูเดินมาหาผม และน้องสาวคนเล็ก พร้อมกับอธิบายว่า อะไรเกิดขึ้นกับบ้านผมบ้าง พ่อของผมมารับที่โรงเรียน และพาเรากลับไปที่บ้าน ทุกสิ่งถูกเผา และถูกทำลายไปหมดแล้ว


หลังจากบ้านไฟไหม้ วันต่อมา ผมต้องไปฝึกซ้อมฟุตบอล อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลช่วยให้ผมผ่อนคลายมากขึ้น คุณพ่อบอกว่า ผมจะต้องเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม เพราะมันจะช่วยให้ครอบครัวสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ พ่อบอกกับผมแบบนั้น


ผมกลายเป็นความหวังของครอบครัว ทันใดนั้นเอง ผมกลับมีแรงจูงใจ ครอบครัวของผมมีความสุขอยู่แล้ว แต่ผมมั่นใจว่า พวกเขาต้องมีความสุขมากขึ้นไปอีกเขาย้อนความทรงจำ ถึงเหตุการณ์ที่บ้านไฟไหม้ ที่เหมือนกับสิ่งที่มาสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้กับตัวเอง


คามาวิงก้า ใช้ความสูญเสียเหล่านั้นเป็นพลัง ก่อนจะผลักดันตัวเองขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของแรนส์ พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักเตะที่อายุน้อยสุดที่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของพลพรรคเดอะ เร้ด แอนด์ แบล็คด้วยวัยเพียง 16 ปี 6 เดือน 


เพียงไม่นาน เขาก็สร้างประวัติศาตร์ ด้วยการเป็นนักเตะที่อายุน้อยสุด (หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2) ที่ถูกเรียกตัวติดทีมชาติฝรั่งเศส ชุดใหญ่ ในวัย 17 ปี 9 เดือน

ลองเดร โชแว็ง อดีตผู้อำนวยการอะคาเดมี่ของแรนส์ ออกมากล่าวถึงคามาวิงก้า เอาไว้อย่างน่าสนใจว่าเขาย้ายมาจากทีมระดับท้องถิ่น และมาร่วมทีมเราตอนอายุประมาณ 10 ขวบ


คามาวิงก้า ถือว่านำหน้าเด็กในกลุ่มอายุเดียวกันอยู่เสมอ และเหนือกว่าเด็กที่อายุมากกว่า 1-2 ระดับด้วย ทั้งในแง่ของพรสวรรค์, ความฉลาด และวุฒิภาวะ เขาทุ่มเทกับฟุตบอลมาตลอด เขามีไอคิวฟุตบอลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย


อย่างไรก็ตาม คามาวิงก้า ก็ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ มีนักเตะอายุน้อยที่มีความสามารถมากมายในโลกใบนี้ แต่เขามีบางอย่างที่แสนพิเศษ นั่นเพราะพรสวรรค์ของเขามาพร้อมกับวุฒิภาวะโชแว็ง กล่าวทิ้งท้าย


เขาเคยไม่มีบ้านที่แท้จริง เพราะต้องมาอาศัยที่ค่ายผู้ลี้ภัย และเคยสูญเสียบ้านอีกครั้ง จากเหตุการณ์ไฟไหม้


ปัจจุบัน คามาวิงก้า กลายเป็นนักเตะเรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่ระดับโลก โดยที่ค่าเหนื่อยจากการเล่นฟุตบอล เขานำมันมาซื้อบ้านหลังใหญ่ให้กับครอบครัว พร้อมกับมอบชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกับพ่อแม่พี่น้องของตัวเอง .... ตามที่ฝันเอาไว้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})