:::     :::

ตอกหมุดจ่าฝูงจนถึงคริสต์มาส

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ อาร์เซน่อล จะครองจ่าฝูงในวันคริสต์มาส และเป็นจ่าฝูงที่ทิ้งห่างคู่แข่งมากถึง 5 คะแนนหลังปิดจ๊อบได้สวยงามในการลงสนามนัดล่าสุด

แมตช์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นนัดสุดท้ายก่อนเบรกให้กับ "ฟุตบอลโลก 2022" การทิ้งทวนให้ดีที่สุดเพื่ออันดับที่ดีที่สุดจะเป็นสิ่งที่อยู่ไปอีกหลายสัปดาห์จนกว่าจะกลับมาลงสนามอีกครั้งหลังจบบอลโลกในช่วงคริสต์มาส

เป้าหมายรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ให้ได้จึงสำคัญต่อ อาร์เซน่อล อย่างยิ่ง

สัญญาณที่ดีเป็นใจให้ตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อนลงสนามเมื่อ แมนฯ ซิตี้ ที่ลงเล่นก่อนและมีโอกาสแซงนำชั่วคราว พลาดท่าแพ้คาบ้านเหลือเชื่อต่อ เบรนท์ฟอร์ด 

เสียงเฮดังลั่นบนรถบัสของ อาร์เซน่อล ระหว่างเดินทางจากลอนดอนสู่โมลินิวซ์ สเตเดียม  

ความปราชัยของ แมนฯ ซิตี้ เท่ากับว่า อาร์เซน่อล จะไม่เสียตำแหน่งจ่าฝูงแน่นอนไม่ว่าผลการแข่งขันที่รังเหย้าของ วูล์ฟส์ จะออกมาเป็นอย่างไร 

แต่กระนั้นความตั้งใจของ มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมยังคงเหมือนเดิมคือบุกชนะให้ได้ เก็บสามคะแนนกลับลอนดอนให้ได้ 

อาร์เตต้า กลับมาใช้งานผู้เล่นชุดใหญ่ที่เป็นชุดดีสุดของทีมอีกครั้งหลังเปลี่ยน 10 ตำแหน่งในเกมคาราบาว คัพ ที่พ่ายคาบ้านต่อ ไบรท์ตัน 

ขณะที่เจ้าถิ่นหมาป่ามีตัวหลัก 5 รายลงตัวจริงในบอลถ้วยกลางสัปดาห์และเป็นตัวจริงต่อในลีกคือ เนธาน คอลลินส์, แม็กซ์ คิลแมน, รูเบน เนเวส, กอนซาโล่ เกเดส และ อดาม่า ตราโอเร่

อาร์เซน่อล พักตัวหลักมากกว่าในบอลถ้วย แถมก่อนแข่งมีข่าวดี แมนฯ ซิตี้ สะดุดแพ้ 

ตรงกันข้ามกับ วูล์ฟส์ ที่ก่อนลงสนามมีสถานะเป็นทีม "บ๊วย" เนื่องจาก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เปิดรังชนะ คริสตัล พาเลซ ทำให้หนีจากอันดับสุดท้ายและเป็น วูล์ฟส์ ที่หล่นมาอยู่ก้นตาราง 

การเป็นบ๊วยก่อนเบรกฟุตบอลโลกไม่ใช่สิ่งที่ วูล์ฟส์ อยากให้เกิดขึ้น สตีฟ เดวิส ที่ขัดตาทัพเป็นนัดสุดท้ายจึงเน้นเต็มที่ก่อนส่งมอบงานต่อให้ จูเลน โลเปเตกี กุนซือคนใหม่ที่จะเริ่มงานอย่างเป็นทางการหลังจบนัดนี้


วิเอร่า ลงสำรองไม่ทันตั้งตัวแต่แอสซิสต์ประตูแรกให้ทีม

เดวิส ปรับเล่นหลังห้าส่ง โตติ กองหลังโปรตุกีสลงเล่นร่วมกับ คอลลินส์ และ คิลแมน โดยมี อูโก้ บูเอโน่ และ เนลซอน เซเมโด้ เป็นแบ็กสองข้าง ขณะที่แดนกลางสามคนใช้ ชูเอา มูตินโญ่, รูเบน เนเวส และ บูบาการ์ ตราโอเร่ พร้อมขยับ อดาม่า ตราโอเร่ ปีกร่างถึกไปเล่นหน้าคู่กับ กอนซาโล่ เกเดส

วูล์ฟส์ แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนไม่ต้องการแพ้คาบ้าน พวกเขาจึงเน้นเกมรับให้แน่นเป็นพิเศษและใช้ความเร็วของ อดาม่า ในการโจมตีจากจังหวะโต้กลับ 

ตลอดครึ่งแรก ทัพหมาป่าทำได้ตามแผน พวกเขารับอยู่ในแดนตัวเองเป็นหลัก ครองบอลน้อยกว่า และเวลาตัดบอลได้ก็แทงขึ้นหน้าเพื่อโต้กลับให้เร็ว ทว่าเกมรับ อาร์เซน่อล ที่ดันสูงเกือบครึ่งสนามก็ดักล้ำหน้าได้เกือบทุกครั้ง

คำถามจึงอยู่ที่เกมรุก อาร์เซน่อล จะเจาะแนวรับ วูล์ฟส์ ได้เมื่อไหร่

ปืนใหญ่ส่งบอลตุงตาข่ายได้ตั้งแต่ต้นเกมจากการประสานงานกันของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กับ กาเบรียล เชซุส ที่ติดทีมชาติบราซิลชุดบอลโลกทั้งคู่ ทว่าจังหวะรับบอลก่อนยิงของ เชซุส ก็ล้ำหน้า ทำให้ยังไม่ขึ้นนำ 

เชซุส มีโอกาสอีก 2-3 ครั้งทั้งการโหม่งลูกเปิดของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ และกระโดดแปลูกครอสข้ามฝังของ เบน ไวท์ แต่ก็ยังไม่เข้ากรอบ

แถมท้ายครึ่งแรก แท็กติกของ วูล์ฟส์ เกือบได้ผลเมื่อ วิลเลี่ยม ซาลีบา คืนหลังไม่ระวัง กอนซาโล่ เกเดส ฉกได้ก่อนตั้งป้อมปั่นเน้นๆ ทว่า กาเบรียล มากัลเญส ตามมาบล็อกได้หวุดหวิดก่อนบอลแฉลบออกหลัง 

รูเบน เนเวส กล่าวถึงเกมครึ่งแรกของ วูล์ฟส์ ว่า "เราสร้างโอกาสได้มากกว่าพวกเขาในครึ่งแรก แต่ยิงไม่ได้ พวกเขาไม่ได้สร้างโอกาสมากนัก ผมจำได้ว่ามีลูกยิงของ กาเบรียล (เชซุส) แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไร"

ความพยายามของ อาร์เซน่อล มาสำเร็จในครึ่งหลังที่รีสตาร์ทได้ราวสิบนาทีจากจังหวะที่ประสานงานกันได้ดีมาก เชซุส ถ่างออกซ้ายไปรับบอลแล้วไหลเข้าเขตโทษให้ ฟาบิโอ วิเอร่า วิ่งสอดตามไปเล่นก่อนตวัดกลับไปหน้าประตูให้ มาร์ติน โอเดการ์ด แปจ่อๆ ไม่พลาด 

จังหวะนี้ต้องชม วิเอร่า เป็นพิเศษที่เลือกเปิดให้เพื่อนมากกว่าตะบี้ตะบันยิงมุมแคบ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของกองกลางโปรตุกีสซึ่งลงสำรองตั้งแต่ 15 นาทีแรกแทนตำแหน่ง กรานิต ชาก้า ที่มีปัญหาปวดท้องจากอาหารเป็นพิษก่อนเกม 

ประตูแรกทำให้เกมเปิดมากขึ้น วูล์ฟส์ จะเอาแต่รับแล้วรอโต้อย่างเดียวไม่ได้ พวกเขาพยายามต่อบอลเซตเกมรุกมากกว่าเพื่อตีเสมอให้ได้ สถิติพาบอลขึ้นหน้าทำเกมรุกระหว่างสองครึ่งเวลาต่างกันชัดเจนจาก 12 ครั้งเพิ่มเป็น 25 ครั้ง 


โอเดการ์ด เหมาทั้งสองประตู

โมเมนตัมเข้าทาง อาร์เซน่อล มากกว่าเดิม บูคาโย่ ซาก้า และ มาร์ติเนลลี่ มีพื้นที่ในการวิ่งมากขึ้น เช่นเดียวกับการเติมเกมของ ซินเชนโก้ 

การเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องของ อาร์เซน่อล คือจุดสำคัญในการทะลายเกมรับเจ้าถิ่น ทีมปืนใหญ่นวดแล้วนวดอีก ไล่เพรสซิ่งและบีบแดนบนอย่างไม่ลดละจนกระทั่งแนวรับวูล์ฟส์อ่อนยวบและพลาดเองจนเป็นที่มาของประตูที่สอง 

เด็กซ์เตอร์ เล็มบิกิซ่า แบ็กขวาตัวสำรองเคลียร์บอลตรงมุมธงไม่ดีไปติดเท้า มาร์ติเนลลี่ ที่ตามบี้ติดถึงตัว มาร์ติเนลลี่ จึงลากเข้าในแล้วตอกเส้นให้ ซินเชนโก้ สอดขึ้นมาเปิดยัดเข้ากลางติดบล็อกเด้งเข้าทาง มาร์ติเนลลี่ ยิงจังหวะแรกติดเซฟ บอลยังเด้งเป็นใจไปหา โอเดการ์ด ได้จับแล้วหวดด้วยซ้ายเน้นๆ เข้าประตูไปจนได้

การตามหลัง 2 ประตูเป็นโจทย์ยากสำหรับ วูล์ฟส์ ในทันทีเพราะเป็นทีมที่ยิงได้น้อยสุดในลีกเพียงแค่ 8 ประตู แถมกำลังเผชิญหน้ากับทีมที่เสียประตูนอกบ้านน้อยสุดแค่ 4 ประตู 

สองประตูของ โอเดการ์ด จึงเหมือนทำให้เกมจบกลายๆ วูล์ฟส์ พยายามฮึดสุดตัว และมีโอกาสช่วงท้าย แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะผ่านมือ แรมส์เดล 

"เราจำเป็นต้องอดทน เราต้องเพิ่มสปีดการเล่นขึ้นอีกนิดและกล้าเล่นเกมุรุกมากขึ้นในพื้นที่สำคัญ" นี่คือสิ่งที่ อาร์เตต้า บอกกับลูกทีมระหว่างพักครึ่ง

"ในขณะเดียวกัน เราต้องจัดการสองแนวรุก (อมาม่า และ เกเดส) ให้ได้เพราะพวกเขาพร้อมที่จะวิ่งตลอด และทำได้ดีในพื้นที่ว่าง" 

"เราน่าจะยิงได้อีกหนึ่งหรือสองประตู แต่ท้ายที่สุดผมก็แฮปปี้มากๆ กับการเก็บคลีนชีตได้อีกครั้งและเอาชนะในเกมนี้" อาร์เตต้า กล่าว 


อาร์เตต้า พาทีมทิ้งห่างคู่แข่ง 5 คะแนนก่อนพักเบรก

ขณะที่ เนเวส ก็มองเกมในครึ่งหลังว่า "เรารู้ว่าพวกเขาจะได้เล่นบอลเยอะ พวกเขาเป็นทีมที่สุดยอดและกำลังเล่นได้ยอดเยี่ยม หากคุณปล่อยให้มีโอกาสสองหรือสามครั้ง พวกเขาก็จะยิงประตูได้ ในตอนนี้เราต้องใช้โอกาสถึง 10 ครั้งเพื่อยิงสักประตู นี่เป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไข"

เป็นเกมที่อึดอัดในครึ่งแรก แต่การเล่นอย่างใจเย็นและอดทนก็ทำให้ อาร์เซน่อล เจาะประตูเอาชนะไปจนได้ เป็นชัยชนะที่ไม่ง่าย แต่ล้ำค่า และทำให้ทีมทิ้งห่างคู่แข่งมากถึง 5 คะแนนก่อนพักเบรกหลีกทางให้กับฟุตบอลโลก

"มันยอดเยี่ยมที่ได้อยู่ในจุดที่เราอยู่ เรากำลังสนุกกับช่วงเวลานี้ เรามีพักเบรกและเราจะทบทวนในสิ่งที่ทำกันอีกครั้ง และจะเตรียมตัวให้มากๆ สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังฟุตบอลโลก" อาร์เตต้า กล่าวปิดท้าย

อาร์เซน่อล ปิดท้ายก่อนเบรกด้วยการชนะ 12 จาก 14 นัดแรก เป็นผลงานดีสุดในประวัติศาสตร์ 135 ปีของสโมสร

หากหลังจบฟุตบอลโลกยังรักษามาตรฐานแบบนี้เอาไว้ได้ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งหลังรอคอยมาเนิ่นนานนับตั้งแต่ชุดแชมป์ไร้พ่ายในปี 2004 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด