สำหรับ “จาร์ร็อด โบเว่น” ที่มีส่วนสำคัญในแนวรุกของทีม ทั้งการสร้างสรรค์เกม และการปิดสกอร์ด้วยตัวเอง โดยเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของเขา เมื่อสามารถยิงประตูให้กับพลพรรค “ขุนค้อน” มากกว่า 18 ประตู ในการแข่งขันรวมทุกรายการ
ขณะที่ซีซั่นนี้ เขาก็ยังเป็นคนสำคัญ ที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เส้นทางลูกหนังของดาวเตะวัย 25 ปี ถือว่าโชกโชนพอสมควร อาจจะเรียกว่า เขาผ่านความยากลำบากมามากมายเหมือนกัน กว่าจะก้าวมาเป็นนักเตะอาชีพ และลงเล่นในเวทีระดับพรีเมียร์ลีก เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราลองไปย้อนชมชีวิตของเขากัน
ย้อนเวลากลับไปวัยเด็ก จาร์ร็อด โบเว่น เคยถูกบอกว่า ไม่เก่งพอที่จะเล่นฟุตบอลอาชีพได้ เขาเดินทางไปทดสอบฝีเท้าตามสโมสรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอสตัน วิลล่า และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ แต่ไม่มีทีมไหนรับตัวเข้าร่วมทีมเยาวชนเลย เพราะมองว่ายังดีไม่เพียงพอ กระนั้น เขายังไม่ย่อท้อกับการพิสูจน์ตัวเอง
โบเว่น เริ่มเล่าว่า “ด้วยความสัตย์จริง ผมคิดว่าผมได้ผ่านประสบการณ์ในการทดสอบฝีเท้า อย่างไรก็ตาม ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว เส้นทางของผมจะไปจบตรงไหน มันเป็นเพียงความสนุกในการเล่นฟุตบอล พร้อมกับเฝ้ารอดูว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
ผลสุดท้าย โบเว่น ก้าวเข้ามาร่วมอะคาเดมี่ของ “เฮเรฟอร์ด” สโมสรขนาดเล็ก ที่โลดแล่นในลีกระดับล่าง กระทั่งขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของทีม โดยมีเวทีระดับนอกลีกเป็นที่เพาะบ่มฝีเท้า เขาไม่สนใจว่าตัวเองเป็นแค่นักเตะในลีกรากหญ้า สิ่งที่เขาทำคือตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองต่อไป
“ผมแค่รักฟุตบอล และรักที่จะเล่นให้ทีมในวัยเด็กของตัวเอง ผมไม่มีรายจ่าย และไม่มีความรับผิดชอบอะไร กระนั้น คุณก็รู้ดีว่า นักเตะนอกลีกบางคน มีหนี้สิน และลูกๆที่ต้องดูแล มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา” โบเว่น กล่าวให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และทุ่มเท
กระทั่งในวัย 17 ปี โบเว่น ต้องเจอกับแบบทดสอบ และจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อได้ย้ายไปเล่นกับฮัลล์ ซิตี้ ทีมที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก และสลับไปมากับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ แน่นอนว่า การย้ายทีมครั้งนั้น ทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็วมากขึ้น พร้อมกับยกระดับฝีเท้าของเขาให้ดีมากกว่าเดิม
“ครอบครัวไม่ต้องการให้ผมย้ายไปอยู่ไกลๆ โดยเฉพาะผมมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น” เขากล่าวต่อ “ในวัยที่น้อยขนาดนั้น ทำให้ผมเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตมากมาย และเติบโตจากนอกสนาม ผมคิดว่า เรื่องของวุฒิภาวะเหล่านั้น ถูกนำมาใช้ในสนามเช่นเดียวกัน ไม่มีอุปสรรคใดที่อยู่สูงเกินไป”
จากฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นกับฮัลล์ ซิตี้ ทำให้เขาถูกเวสต์แฮม ยูไนเต็ด คว้าตัวมาร่วมทีมในช่วงซีซั่น 2018-19 ก่อนจะก้าวมาเป็นนักเตะตัวหลักของพลพรรค “ขุนค้อน” เป็นผลสำเร็จ นั่นคือจุดเริ่มต้น ทำให้เขาก้าวมาติดทีมชาตอังกฤษ เป็นผลสำเร็จอีกด้วย
โบเว่น กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมมองว่า การทำงานหนัก สามารถเอาชนะพรสวรรค์ได้ ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของการใช้โอกาสของคุณ มันแสดงให้เห็นถึง ความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ผมมี ไม่ว่าจะล้มเหลวสักกี่ครั้ง ก็ยังจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสมอ”
“เมื่อผมมองย้อนกลับไป ผมขอบคุณพระเจ้า ที่ผมยังตัดสินใจเล่นฟุตบอลต่อไป และใส่ใจกับมัน ครอบครัวคอยสนับสนุนผมเสมอมา และพาผมมาอยู่ตรงจุดนี้”
