:::     :::

ส่องภาพรวมหงส์ถึงช่วงเข้าเบรก!

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2565 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
681
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูล ต้องอดทนกับการออกสตาร์ทฤดูกาลที่น่าผิดหวัง แต่วันสดใสอาจกำลังรอพวกเขาอยู่เบื้องหน้า...

ซีซั่นที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างมาก จนถึงตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหลากหลายแล้วเท่าที่ หงส์แดง จะกังวลได้

ในขณะที่พรีเมียร์ลีกเข้าสู่ช่วงพักเบรกฟุตบอลโลก ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ รั้งอันดับ 6 ของตาราง โดยมีแต้มห่างจากจ่าฝูง 15 แต้ม และก็ต่อสู้เพื่อที่จะจบท็อปโฟร์

ด้วยความคงเส้นคงวา และความน่าเชื่อถืออย่างยาวนาน ทีมของ คล็อปป์ สามารถเป็นอะไรก็ได้ แต่จนถึงตอนนี้แม้พวกเขาจะสามารถผ่านเข้ารอบ 16 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างสบายใจ แต่ผลงานในประเทศกลับน่าผิดหวัง โดยความคาดหวังเหล่านั้นถูกบดบังด้วยฟอร์มที่ย่ำแย่ และความพ่ายแพ้ที่บั่นทอนหัวใจมาโดยตลอด

ตอนนี้พวกเขาแพ้เป็นสองเท่าในลีก (4) จากฤดูกาลที่แล้ว แต่ด้วยชัยชนะนอกบ้านเกมแรกของฤดูกาลเหนือ สเปอร์ส ตามด้วยเกมชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1 ก็ทำให้สถานการณ์ดูดีขึ้นพอสมควร

ความคาดหวังก็คือพวกเขาน่าจะพัฒนาขึ้นหลังจบฟุตบอลโลก เมื่อผู้เล่นคนสำคัญจะกลับมาจากอาการบาดเจ็บ และพวกเขาก็จะแข็งแกร่งเหมือนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความจริงที่ว่าการลุ้นแชมป์ในถิ่นแอนฟิลด์นั้นน่าจะจบสิ้นลงแล้ว ตารางคะแนนจะบอกคุณเองว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไร

เราจะไปย้อนดูช่วง 3 เดือนแรกของฤดูกาล 2022-23 กันว่าพวกเขามีภาพรวมอย่างไรบ้าง

ผู้เล่นที่ดีที่สุด

หลุยส์ ดิอาซ คือคนที่มีไฟเต็มเปี่ยมในช่วงออกสตาร์ทซีซั่น ดาวเตะโคลอมเบียได้แสดงให้เห็นถึงพลัง ทักษะ และความมุ่งมั่นที่เพื่อนร่วมทีมหลายคนยังขาดหายไป เขาโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในเกมกับ อาร์เซน่อล เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ก็น่าจะกลับมาทันเมื่อเกมลีกรีเทิร์นกลับมาในวันบ็อกซิ่งเดย์

การไม่อยู่ของ ดิอาซ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำได้ทันเวลา ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ทำไป 14 ประตูในฤดูกาลนี้ รวมถึง 7 ลูกในแชมเปี้ยนส์ลีก, 2 ประตูในเกมกับ สเปอร์ส และประตูชัยที่สำคัญที่สุดในเกมชนะ แมนฯ ซิตี้ ลองคิดดูสิ ถ้า หงส์แดง ไม่มีสตาร์อียิปต์ พวกเขาจะไปอยู่ตรงไหน?

ฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุด

เมื่อพิจารณาว่าพวกเขามีเกมที่ถล่ม 9-0 และ 7-1 มันบอกได้หลายอย่างว่าชัยชนะเหนือ แมนฯ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ ในเดือนตุลาคม นั้นก็เป็นอีกเพียงเกมหนึ่งที่น่าจดจำ

แต่ ลิเวอร์พูล มีเกมที่ตกต่ำด้วยการแพ้ อาร์เซน่อล ในสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ด้วยทีมที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, เออร์ลิง ฮาแลนด์, เควิน เดอ บรอยน์ และอีกหลายคน ดูเหมือนจะกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวของลูกทีม คล็อปป์

พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นที่ยิ่งใหญ่ ความแข็งแกร่งในเกมรับ การทำงานเป็นทีม และคุณภาพในเกมโต้กลับ เพื่อทำให้ทีมแชมป์เก่าแพ้เป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้

ประตูยอดเยี่ยมที่สุด

นี่ก็น่าจะไม่พ้นมือ ซาลาห์ ในเกมที่ชนะ แมนฯ ซิตี้ มันคือผลงานชิ้นเอกที่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ทั้งหมดของเขา

การอ่านจังหวะเปิดบอลยาวจาก อาลีสซง เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขาก็ทำให้ ชูเอา กานเซโล่ เข้าบอลพลาดด้วยทักษะ จากนั้นก็ใช้ความเร็ว และความนิ่งเพื่อทำประตูต่อหน้าเดอะ ค็อป นี่คือนักเตะที่พิเศษมาก

การเซ็นสัญญาใหม่ที่ดีที่สุด

แม้มันจะยังพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ แต่ก็ยุติธรรมที่จะบอกว่า ดาร์วิน นูนเญซ ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ หงส์แดง ได้แล้ว โดยมันมีทั้งดี และแย่

ข้อดีก็คือหัวหอกอุรุกวัยสามารถทำประตูได้มากมาย เขามีบุคลิก และการทำงานหนัก แถมยังจริงจังอีกด้วย

ที่แย่ก็คือเขาประเดิมเกมแรกที่แอนฟิลด์ด้วยการเอาหัวไปโขกใส่ โยอาคิม อันเดอร์เซ่น ซึ่งทำให้เขาต้องถูกแบน 3 นัด และเสียโอกาสในการสร้างโมเมนตัมในช่วงต้นฤดูกาล

ถึงกระนั้น การกลับมาทำได้ถึง 9 ประตูจากการออกสตาร์ทตัวจริง 9 นัด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเกินคาด ความคาดหวังก็คือเขาจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

น่าผิดหวังครั้งใหญ่

หลังจากฟาดฟันกับ เรนเจอร์ส และต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะเหนือ แมนฯ ซิตี้ และ เวสต์แฮม ในเดือนตุลาคม ความรู้สึกหลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

พวกเขาแพ้แบบหมดสภาพต่อ ฟอเรสต์ ทีมบ๊วยของตาราง ซึ่งนั่นลบล้างการมองโลกในแง่ดีทั้งหมด และเน้นย้ำถึงความจริงที่ว่าทีมนี้ขาดมาตรฐานที่พวกเขาตั้งเอาไว้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล ไม่สมควรที่จะแพ้ในเกมเหล่านั้น และพวกเขาก็ไม่สามารถแพ้ได้หากต้องการประสบความสำเร็จ

แง่บวกครั้งใหญ่

ยังมีบางอย่างที่ทำให้อุ่นใจเกี่ยวกับการที่ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม แชมเปี้ยนส์ลีก โดยคว้าชัยได้ 5 เกมติดต่อกัน หลังแพ้ นาโปลี แบบหมดรูปที่ออิตาลีในนัดเปิดสนามกลุ่ม เอ

ฟุตบอลยุโรปมักให้ผ้าห่มผืนอุ่นแก่ หงส์แดง อยู่เสมอท่ามกลางปัญหาภายในประเทศ และเป็นเรื่องยากที่จะไม่ตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้ล้างตากับ เรอัล มาดริด ในช่วงปีใหม่

เซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่

มันยุติธรรมที่จะบอกว่า ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ได้ก้าวมาเป็นความหวังของทีมอย่างเป็นทางการได้แล้ว โดยดาวเตะวัย 19 ปี เป็นผู้เล่นคนเดียวที่ได้ลงเล่นทั้ง 22 เกมให้ ลิเวอร์พูล ในทุกรายการของซีซั่นนี้ และยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีกว่าใครในทีม หงส์แดง ด้วย

ไม่ว่าจะเล่นแบบกองกลางสามคน หรือประจำการทางกราบขวาในระบบ 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 เกมของวัยรุ่นรายนี้ก็ดูเหมือนจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่ เป๊ป ไลน์เดอร์ส มือขวาของ คล็อปป์ จะเรียกเขาว่า 'เพรชเม็ดงาม'

ควรดีกว่านี้

มีผู้เล่นหลายคนที่น่าจะตกอยู่ในหมวดนี้

ฟอร์มของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ โจ โกเมซ มีดีบ้าง แย่บ้างสลับกันไป ในขณะที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า พบว่ามันยากที่จะใส่เกียร์ห้า

แต่คำตอบที่ชัดเจนก็คือ ฟาบินโญ่ ซึ่งพบกับความยากลำบากในแดนกลางของ ลิเวอร์พูล และบีบให้ คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนระบบ ในขณะที่เขามองหาช่องว่างในโครงสร้างทีมของเขา

สิ่งที่น่ากังวล

ประเด็นก็คือ กว่า 1 ใน 3 ของฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อตำแหน่งท็อปโฟร์

ความคิดเรื่องการลุ้นแชมป์นั้นกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน หงส์แดง ตามหลังจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล ถึง 15 แต้ม แต่ก่อนอื่นทีมของ คล็อปป์ ต้องกลับมาอยู่ในภาพของท็อปโฟร์เสียก่อน

และด้วยการที่ สเปอร์ส, เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด รวมถึง นิวคาสเซิ่ล ของ เอ็ดดี้ ฮาว ยังคงวนเวียนอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้การแข่งขันดูดุเดือด พวกเขาตามหลังทีมอันดับ 4 อยู่ 7 แต้มในช่วงพักเบรก โดยมี 1 เกมอยู่ในมือ

งานของ คล็อปป์

ดีทมาร์ ฮามันน์ อาจไม่เห็นด้วย แต่ความจริงก็คือ คล็อปป์ ไม่ได้อยู่ในสถานะที่กดดันอะไรจากเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล เลย

มีการยอมรับแล้วว่าฤดูกาลนี้พวกเขามีปัญหา เนื่องจากตารางที่อัดแน่น และวิธี หงส์แดง มีลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลก่อน

แน่นอนว่า ผู้จัดการทีมทำสิ่งที่ผิดพลาดไปบ้าง การเลือกทีมของเขาที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และการนำ เจมส์ มิลเนอร์ เล่นแบ็กขวาที่กูดิสัน พาร์ค ไม่น่าประทับใจเลย แถมวิธีที่ ลิเวอร์พูล เล่นก็ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับสมาธิ และการเตรียมตัว

แต่พวกเขาก็มีเกมที่ชนะ 9-0 และ 7-1 จากนั้นพวกเขาก็ชนะ ซิตี้ และ สเปอร์ส และพวกเขาก็เข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยเกมที่เหลือ โดยเอาชนะ นาโปลี ทีมจ่าฝูงของเซเรีย อา

พวกเขารู้ว่าจำเป็นจะต้องปรับปรุงครั้งใหญ่ และเมื่อผู้เล่นกลับมาหลังจากเบรกฟุตบอลโลก คล็อปป์ ก็จะได้รับการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด