:::     :::

เจาะแท็กติกสิงโตคำราม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ เป็นทีมที่ถูกจับตามองในทุกทัวร์นาเมนต์ใหญ่ แต่ก็มักไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่เคยได้แชมป์ใดอีกเลยนับตั้งแต่ขึ้นถึงตำแหน่งแชมป์โลกสมัยแรกและสมัยเดียวในปี 1966

ในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ก็จะเป็นอีกครั้งที่ทัพสิงโตคำรามถูกพูดถึงว่าจะทำผลงานได้ดีเพียงใด จะกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งเสียที หรือจะท่าดีทีเหลวเหมือนเดิม 

ทีมชุดนี้ยังมี แกเร็ธ เซาธ์เกต คุมทีมลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นรายการที่สามต่อจากฟุตบอลโลก 2018 ที่เข้าถึงรอบตัดเชือก และยูโร 2020 ที่พลาดแชมป์น่าเสียดายหลังพ่ายจุดโทษคาบ้านต่ออิตาลีในซัมเมอร์ที่แล้ว

เทียบกับทีมชุดบอลโลกเมื่อ 4 ปีก่อน ยังมีผู้เล่น 12 รายติดทีมชุดตะลุยกาตาร์ครั้งนี้นำโดย แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, มาร์คัส แรชฟอร์ด, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, จอห์น สโตนส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, คีแรน ทริปเปียร์, จอร์แดน พิคฟอร์ด ฯลฯ

แต่หากเทียบกับชุดยูโรในซัมเมอร์ที่แล้ว ก็แทบยกเซตกันมาเพราะมีถึง 20 รายที่ติดทีมชุดบอลโลกครั้งนี้ และหาก รีซ เจมส์ กับ เบน ชิลเวลล์ ไม่บาดเจ็บเสียก่อนก็จะติดทีมมาด้วยแน่นอน

ด้วยชุดผู้เล่นที่แทบไม่ต่างจากยูโรปีที่แล้ว แกเร็ธ เซาธ์เกต จะจัดทัพเหมือนเดิม หรือว่ามีแท็กติกต่างออกไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ ไม่ซ้ำร้อยเหมือนที่ผ่านๆ มา 

วันนี้เราจะมาวิเคราะห์และคาดการณ์แผนการจัดทัพของ เซาธ์เกต ก่อนลงสนามนัดแรกพบ อิหร่าน ในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 

ในสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ผ่านมา เซาธ์เกต ใช้ทั้งแท็กติกสามเซนเตอร์ในระบบ 3-4-3 และ 3-5-2 รวมถึงแท็กติกแบ็กโฟร์ในระบบ 4-2-3-1  

บอลโลกที่รัสเซีย เซาธ์เกต ยึด "หลังสาม" เป็นหลัก แท็กติกเน้นเกมรับทำให้ไปถึงรอบรองฯ ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 ยุคของกุนซือ บ๊อบบี้ ร็อบสัน


อังกฤษ ใช้แท็กติกหลังสามเข้าถึงรตัดเชือกบอลโลก 4 ปีก่อน

ส่วนยูโรที่เป็นเจ้าภาพ เซาธ์เกต เริ่มต้นรอบแรกที่อยู่ร่วมกลุ่มกับ โครเอเชีย, สาธารณรัฐเช็ก และสกอตแลนด์ด้วยการเล่น "แบ็กโฟร์" ก่อนปรับเป็น "หลังสาม" ในระบบ 3-4-3 ที่เอาชนะทีมแกร่ง เยอรมัน 2-0 แต่รอบต่อมาที่เจอ ยูเครน ก็ปรับมาเล่นแบ็กโฟร์ 4-2-3-1 เช่นเดียวกับรอบรองฯ ที่พบ เดนมาร์ก สุดท้ายปิดด้วย 3-4-3 อีกครั้งในนัดชิงดำกับอิตาลี

จะเห็นได้ว่าในเกมที่ต้องเน้นผลและเจอทีมที่ศักยภาพใกล้เคียงกัน เซาธ์เกต จะเน้นความรัดกุมด้วยสามเซนเตอร์ ส่วนการเจอทีมที่มั่นใจว่าผ่านได้ก็จะเล่นแบ็กโฟร์

เซาธ์เกต พร้อมใช้ทั้งสองแท็กติกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และแต่ละแท็กติกก็มีรายละเอียดแยกย่อยลงไปอีกในการแดนกลางและแดนหน้า 

อังกฤษ อยู่ร่วมกลุ่มกับ อิหร่าน, สหรัฐฯ และ เวลส์ ซึ่งถือว่าไม่หนักมาก เซาธ์เกต น่าจะเริ่มต้นด้วยการเล่นแบ็กโฟร์ 

จอร์แดน พิคฟอร์ด เฝ้าเสาในตำแหน่งมือหนึ่ง แบ็กขวาชั่วโมงนี้ต้องเป็น คีแรน ทริปเปียร์ ที่กำลังฟอร์มดีจากการเล่นให้ นิวคาสเซิ่ล ฝั่งซ้ายมีตัวเลือกเดียวคือ ลุค ชอว์ ส่วนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟเป็นคู่ที่เล่นด้วยกันมาตลอด จอห์น สโตนส์ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แม้รายหลังจะถูกวิจารณ์พอสมควรว่าไม่ควรติดทีม

ตรงกลางมี ดีแคลน ไรซ์ จากตัวหลัก อีกตำแหน่งน่าจะเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม ที่แม้อายุ 19 ปี แต่มีประสบการณ์เกินตัว ผ่านเวทียูโรมาแล้ว และเป็นตัวหลักของ ดอร์ทมุนด์ ที่ในหลายนัดได้ทำหน้าที่กัปตันทีมด้วย

คัลวิน ฟิลลิปส์ ที่เคยเป็นตัวจริงคู่กับ ไรซ์ ในยูโรซัมเมอร์ก่อน จะเริ่มบทบาทฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยการเป็นสำรองเพราะสภาพร่างกายไม่ฟิตเต็มที่นัก ฤดูกาลนี้แทบไม่ได้ลงสนามให้ แมนฯ ซิตี้ ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รองกัปตันทีม ก็อาจต้องหลีกทางให้ เบลลิงแฮม ที่สดกว่าและลงสนามสม่ำเสมอมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา


ระบบหลังสามที่ใช้บางนัดในยูโร 2020

ในแนวรุกจะมีตัวหลักอย่าง แฮร์รี่ เคน กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยูโร 2016 

หากเล่นระบบ 4-2-3-1 เคน จะปักหลักหน้าเป้า สเตอร์ลิ่ง ถ่างออกไปเล่นตัวรุกฝั่งซ้ายซึ่งตำแหน่งนี้ แจ็ค กรีลิช และ ฟิล โฟเด้น เป็นอีกสองทางเลือก รวมถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด

ส่วนตัวปั้นเกมตรงกลาง เมสัน เมาน์ท มีโอกาสเป็นตัวจริงมากสุดแม้ฟอร์มในฤดูกาลนี้จะดร็อปลงจากฤดูกาลที่แล้วพอสมควร ขณะที่ โฟเด้น ก็เล่นได้เช่นกัน 

ขณะที่ตัวรุกฝั่งขวา บูคาโย่ ซาก้า น่าจะยึดตัวจริงเพราะผลงานกับทีมชาติค่อนข้างโดดเด่นไม่แพ้การเล่นให้ อาร์เซน่อล และคนที่น่าจับตามองอีกรายในตำแหน่งนี้คือ เจมส์ แม็ดดิสัน ที่ฟอร์มช่วงหลังกับ เลสเตอร์ ซิตี้ มาแรงสุดๆ จนติดทีมรอบสุดท้าย แต่กระนั้นก็ยังไม่น่าจะเบียดตำแหน่งของ ซาก้า ได้ 

ส่วนแท็กติกที่สองเมื่อต้องเน้นเกมรับกับการอัดหลังสามลงสนาม แม็กไกวร์ กับ สโตนส์ จะเป็นสองตัวเลือกแรก ส่วนอีกตำแหน่งที่ต้องมายืนเป็นสต็อปเปอร์ฝั่งขวาต้องลุ้นกันระหว่าง ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ เบน ไวท์

วอล์คเกอร์ ประสบการณ์มากกว่าและเล่นแท็กติกนี้ของ เซาธ์เกต มาตลอด แต่กองหลัง แมนฯ ซิตี้ ไปลุยบอลโลกหนนี้ด้วยสภาพร่างกายไม่เต็มร้อยเพราะอยู่ระหว่างเรียกความฟิตหลังบาดเจ็บและไม่ได้ลงสนามเลยใน 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา 

ต่างจาก เบน ไวท์ ที่ได้รับเสียงเชียร์จากหลายฝ่ายว่าควรติดทีมและมีลุ้นถึงตำแหน่งตัวจริงเพราะทำผลงานยอดเยี่ยมมากกับ อาร์เซน่อล แม้ถูกโยกมาเล่นแบ็กขวา โดยฤดูกาลนี้ แข้งวัย 25 ปี ลงตัวจริงตลอด 14 นัดแรกในลีกที่ช่วยให้ปืนใหญ่มีสถิติเสียประตูน้อยสุดในลีกและนำจ่าฝูงของตาราง

ในช่วงแรกๆ ที่ วอล์คเกอร์ ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ ไวท์ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหากต้องเล่นระบบหลังสาม ขณะที่ เอริก ดายเออร์ กับ คอนเนอร์ โคดี้ จะเป็นอะไหล่ให้กับ แม็กไกวร์ กับ สโตนส์ 

แท็กติกหลังสามสามารถจัดตรงกลางและแนวรุกได้หลากหลายทั้ง 3-4-3, 3-5-2 และ 3-4-2-1  


สิงโตเตรียมพร้อมก่อนลุยฟุตบอลโลก 2022

ระบบแรก 3-4-3 จะใช้ ดีแคลน ไรซ์ กับ จู๊ด เบลลิงแฮม จับคู่กัน ส่วนวิงแบ็กขวาเป็น คีแรน ทริปเปียร์ ฝั่งซ้ายเป็น ลุค ชอว์ ขณะที่สามตัวรุกเป็น ซาก้า, เคน และ สเตอร์ลิ่ง

แต่หากอัดกลางเพิ่มอีกรายเพื่อเล่น 3-5-2 ก็ต้องดูด้วยว่าคู่แข่งเป็นใคร หากเน้นรับสุดๆ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรือ คัลวิน ฟิลลิปส์ ที่ในเวลาฟิตพร้อม มีลุ้นลงสนาม 

แต่เพื่อความสมดุลต้องเป็นผุ้เล่นเชิงรุกอย่าง เมสัน เมาน์ท หรือ ฟิล โฟเด้น ขณะที่ เจมส์ แมดดิสัน ก็ขยับมาเล่นข้างใน คนที่อาจจะหลุดไปคือ ซาก้า 

แท็กติกนี้จะดัน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ขึ้นไปเล่นข้างหน้าคู่กับ แฮร์รี่ เคน ซึ่งในการเล่นจริง สเตอร์ลิ่ง มักถ่างออกด้านข้างเพื่อสร้างโอกาสให้ เคน ขณะที่กัปตันทีมจากสเปอร์สก็สามารถถอยลงต่ำลงมาเปิดบอลเพื่อให้ สเตอร์ลิ่ง คอยวิ่งสอดเข้าไปในเขตโทษแทน

อีกระบบคือ 3-4-2-1 เคน ปักหลักหน้าเป้า และข้างหลังมี สเตอร์ลิ่ง ปั้นเกมร่วมกับ โฟเด้น หรือ ซาก้า โดยตัวปั้นเกมรุกสองคนจะไม่ได้ขยับออกด้านข้างมากนักเพราะมี ทริปเปียร์ กับ ชอว์ คอยเติมให้อยู่แล้วในเวลาเล่นเกมรุก

นี่คือแท็กติกและแผ่นการเล่นที่ เซาธ์เกต น่าจะใช้ในฟุตบอลโลกครั้งซึ่งถือว่าเป็นทีมที่มีความยืดหยุ่นสูงและไม่ลังเลที่จะปรับแผนไปตามคูแข่งที่เจอ

ความยืดหยุ่นและหลากหลายคืออีกคุณสมบัติที่ดีของอังกฤษชุดนี้ ขณะที่ประสบการณ์ของผู้เล่น การผ่านเวทีใหญ่และเกมสุดกดดันถือว่ามีไม่น้อยทีเดียวในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

แต่การจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รายการสำคัญได้เสียทีหลังรอมานาน 56 ปี จะต้องมีมากกว่านี้ ต้องงัดออกมาให้เห็นมากกว่าที่ผ่านมาโดยเฉพาะในเวทีระดับ "ฟุตบอลโลก" ที่ทุกอย่างต้องลงตัวพร้อมกันหมด 

มีทีมที่ดีพอเป็นแชมป์โลกได้ 6-7 ทีม แต่จะมีเพียงหนึ่งเดียวที่เก่ง "ถูกที่ถูกเวลา"  


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด