อาร์เจนติน่า ประกาศศักดาคว้าแชมป์โลกมาครอง นับเป็นสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของชาติ ดาวดวงที่ 3 ซึ่งใช้เวลาตามหายาวนาน นับแต่ ดีเอโก้ มาราโดน่า ชูเจ้าถ้วยทองคำ 18 กระรัตที่ฐานประดับด้วยหินมาลาไคต์ เหนือฟากฟ้าที่ เอสตาดิโอ อัซเตก้า, กรุงเม็กซิโก ซิตี้ เมื่อปี 1986
จาก เม็กซิโก ซิตี้ สู่ ลูซาอิล เส้นทางนี้ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 36 ปี โดยมี ลิโอเนล เมสซี่ เป็นผู้สืบทอดรับส่งต่อความยิ่งใหญ่
เมื่อเริ่มต้นชีวิตบนถนนลูกหนังใหม่ๆ เมสซี่ ไม่ต่างอะไรกับดาวรุ่งที่ดูมีแววคนอื่นๆที่มักถูกคนในชาติคาดหวังว่า "จะเป็น ดีเอโก้ มาราโดน่า คนต่อไป"
หากว่ากันด้วยฝีเท้า และพรสวรรค์ พูดได้เต็มปากว่า เมสซี่ อยู่เหนือกว่า "มาราโดน่าคนต่อไป" ทุกคนที่อาร์เจนติน่า เคยมีมา
ในทางวาจา หลายๆโอกาสโลกลูกหนังยกย่องให้เขาอยู่ในระดับเดียวกับ มาราโดน่า
หากแต่ในแง่ของเกียรติยศ ดูเหมือน เมสซี่ จะยังก้าวข้ามกำแพงของคำว่า "แชมป์โลก" ไปไม่ได้เสียที
ใกล้เคียงที่สุดก็ในปี 2014 ที่ บราซิล แต่ก็อกหักพ่าย เยอรมัน ที่ มาราคาน่า 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
แม้กระทั่งปี 2021 ที่เขาคว้าแชมป์โกปา อเมริกา อันเป็นแชมป์แรกในนามทีมชาติมาครอง ความรู้สึกลึกๆก็ยังไม่ใช่อยู่ดี
จนกระทั่งวัยล่วงเลยมาถึง 35 อันเป็นช่วงปลายอาชีพ กับการเข้าร่วมทัวร์นาเมนท์ 'กาตาร์ 2022' ฟุตบอลโลกฉบับหน้าหนาวครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทุกคนต่างมองแบบเดียวกันว่า นี่คงจะเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว...หากพลาด ก็คงจบลงแค่นี้
แต่ก็อีกนั่นแหละ ด้วยคิดว่าจะเป็น ‘ครั้งสุดท้าย’ มันจะมีอะไรที่นักเตะอย่าง เมสซี่ สามารถเติมแต่ง-ก่อนปิดฉากชีวิตค้าแข้งอันแสนมหัศจรรย์ให้ยิ่งน่าจดจำได้มากไปกว่า “คว้าแชมป์โลกปีนี้”
ใช่ครับ ไม่มีอีกแล้ว....หากเป็นหนังที่ดีๆ มันควรจบลงแบบนี้ แต่ฟุตบอลมันคือชีวิตจริง
อาร์เจนติน่า เข้าสู่ทัวร์นาเมนท์ด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรง ไร้พ่าย 36 นัดจนถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งเทียบเคียงกับ บราซิล หรือไม่บางสำนักก็ให้เป็นเต็ง 2 เท่าๆกับ ฝรั่งเศส แชมป์เก่า
หากทว่าเปิดฉากมา อาร์เจนติน่า ก็พุ่งชนหายนะเข้าเต็มเปา ความพ่ายแพ้ต่อ ซาอุดิอาระเบีย สร้างลดทอนโอกาสเข้ารอบ บั่นทอนความมั่นใจที่เคยมีเ ทีมชุดแรกที่คิดว่าแกร่งที่สุด ไม่ใช่อย่างที่คิดเสียแล้ว
เกิดความลังเลขึ้น เกิดเป็นคำถามว่า “หรือฟุตบอลโลกหนนี้จะไม่ใช่ของ เมสซี่ อีกแล้ว ?”
ต้องให้เครดิตกับอีกหนึ่ง ลิโอเนล ที่มาในฐานะเทรนเนอร์ เพราะบทบาท การวางแผนที่ข้างสนามของเขา มีส่วนช่วยให้ อาร์เจนติน่า ฟื้นคืนกลับมาได้ทันเวลา
ในนัดที่ 2 กับ เม็กซิโก ทัพ ‘ฟ้าขาว’ เปลี่ยนผู้เล่นถึง 5 คน เท่ากับเกมนัดที่ 2 ของ อาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลกปี 1990 หลังออกสตาร์ทแพ้ แคเมอรูน 0-1
ทุกครั้ง ฟุตบอลโลก เรามักได้สตาร์ที่ไม่คาดฝันมาประดับวงการเสมอ สำหรับ อาร์เจนติน่า เมื่อ 32 ปีที่แล้ว ทีมได้ เซร์คิโอ กอยโกเชีย นายทวารมือสองผู้ก้าวขึ้นมาแทน เนรี่ ปุมปิโด้ ที่ขาหักในเกมนัด 2 กับสหภาพโซเวียต โชว์ความเหนียวหนึบเหนือความคาดหวัง พาทีมขึ้นมาจากหุบเหว
หนนี้ได้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ 2 ดาวรุ่งขึ้นมาช่วยงาน เมสซี่
โกปา อเมริกา 2011 หลัง อาร์เจนติน่า ที่นำโดย เมสซี่ พลาดท่าตกรอบ 8 ทีมโกปา อเมริกา ด้วยการแพ้ จุดโทษ อุรุกวัย ทั้งๆที่เป็นเจ้าภาพ ดาเนี่ยล อัลเวส ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลน่าของ ‘คิงเลโอ’ ในเวลานั้น ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างน่าคิดว่า “ในฟุตบอลสมัยใหม่ คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จด้วยนักเตะที่ดีที่สุดในโลกเพียงคนเดียว”
ฟุตบอล มีส่วนประกอบมากมาย และพัฒนาขึ้นในทุกปี แต่มันยากขึ้นเสมอในการเอาชนะคู่แข่งด้วยทักษะความสามารถของนักเตะเพียงคนเดียว
มาครั้งนี้ในทัวร์นาเมนต์ที่ กาตาร์ ก็เช่นกัน เมสซี่ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการยิงประตูทั้งในเกมกับ ซาอุดิอาระเบีย,เม็กซิโก ในรอบแรก
ยิง ออสเตรเลีย ในรอบ 16 ทีม , ยิง เนเธอร์แลนด์ ในรอบควอเตอร์ไฟนั่ล , ยิง โครเอเชีย ในรอบรองชนะเลิศ รวมทั้งยิง ฝรั่งเศส ในนัดชิงชนะเลิศ
หากทว่าปราศจากซึ่งทีมที่พร้อมซัพดอร์ตเขาในทุกมิติ ทุกช่วงเวลา หากปราศจาก สกาโลนี่ ที่เพิ่งพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเป็นนักแก้ปัญหาชั้นเลิศ มีความคิดอ่านวางแผนอย่างแยบยล มีนายทวารที่มีลีลายียวน แต่เซนส์เซฟจุดโทษดีเป็นบ้าอย่าง เอมี่ มาร์ติเนซ
มีขุนพลรุ่นน้องที่พร้อมเก็บงานด้านหลังให้ลูกพี่อย่าง เลอันโดร ปาเรเดส,โรดรีโก้ เด ปอล หรือเพื่อนสนิทที่กลับมาได้ทันการอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย แล้วล่ะก็ ฉากจบเส้นทางลูกหนังของ เมสซี่ ก็คงไม่สวยงามและมหัศจรรย์ได้เท่านี้
คงไม่ผิด ถ้าจากนี้ผู้คนจะพากันกล่าวขวัญถึงฟุตบอลโลกฉบับแหวกม่านประเพณีที่ กาตาร์ ว่าเป็น ฟุตบอลโลกของ เลโอ เมสซี่ เหมือนที่เคยพูดถึงปี 86 ว่าเป็นของ มาราโดน่า
แต่คงไม่ครบถ้วน หากพลาดไม่กล่าวถึงขุนพลข้างกายทุกคนของเขาที่ยอมสละทุกหยาดเหงื่อร่วมฝ่าฟัน รวมไปถึงคู่ต่อสู้อย่าง ฝรั่งเศส ที่ทำให้นัดชิงชนะเลิศ world cup หรือ copa mundial 2022 หนนี้ กลายเป็นนัดชิงฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดตลอดกาล อันขับเน้นให้ทุกอย่างยิ่งน่าจดจำ
ลิโอเนล เมสซี่ ปิดฉากฟุตบอลนัดสุดท้ายของเขาดังที่เคยกล่าวไว้ได้สมบูรณ์อย่างไม่มีที่ติ ต้องขอบคุณในทุกมิติจริงๆ ไม่ว่าจะมิตร หรือ ศัตรู ที่สร้างรอยทางจนนำไปสู่ตอนจบที่สวยงามเสียยิ่งกว่าความฝัน
เจมส์ ลา ลีกา
