"ไฟในอย่านำออก" แต่ส่งสัญญาณบอกหน่อยก็ดี

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าขอแสดงความยินดีกับลิเวอร์พูลจากใจจริงที่ปาดคว้าตัวโคดี้ กัคโป ไปด้วยราคาหยุมหยิมสุดๆ ในเรทราคา 37 ล้านปอนด์บวกออฟชั่นที่จะเป็น 50 ล้าน
จากการที่ติดตามฟอร์มมายาวๆ เราจะพูดคำเดิมเหมือนที่พูดเมื่อปีก่อนกับดีลของ "หลุยส์ ดิอาซ" ว่าลิเวอร์พูลได้ของดี(จริงๆ)ไปแล้ว อย่างที่แฟนบอลก็เห็นกันว่า ดิอาซสามารถแบกแนวรุกของพวกเขาได้ ตอนนี้เจ้าตัวเจ็บยาวไป การเสริมกัคโปเข้าไปรวมทีมก็ช่วยทำให้ Squad Depth ในแนวรุกของลิเวอร์พูลแทบจะอัดแน่นมากๆแล้ว ถ้าไม่พิจารณาว่าต้องหาตัวแทนระยะยาวของซาลาห์ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของแนวรุกแล้วที่พวกเขาต้องเดินหน้าต่อ การได้กัคโปไปจะทำให้พวกเขาไม่ขาดแคลนตัวหลักลงสนาม และการันตีประตูให้ทีมได้แน่นอน
กัคโปจะมีประโยชน์กับทีมมากกว่าที่ดาร์วิน นูนเญซกำลังเป็นอยู่แน่ๆ นี่คือข้อรับประกันของเรา
แต่นั่นคือเรื่องของลิเวอร์พูล
ต่อจากนี้กัคโปก็จะไม่เกี่ยวกับเรื่องของฝั่งแมนยูไนเต็ดแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเป้าหมายหลักในความเข้าใจของแฟนบอลผีแดงมาตลอดอย่างเขาหายไปอีกหนึ่งรายแล้ว ฝั่งแมนยูไนเต็ดล่ะ จะแก้ไขปัญหาจากการขาดหน้าเป้ายังไง ต่อการจากไปของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่จบปัญหากับสโมสรไปแล้วเหมือนกัน
แม้ว่าจะเป็นการจบกันที่ไม่ดีเท่าที่ควร แต่มองอีกด้าน มันคือการ "เคลียร์" ปัญหาของ CR7 ได้อย่างรวดเร็วมากๆโดยไม่ต้องมีข้อผูกพันอะไรกันต่อไป
เมื่อ "สล็อท" ของโรนัลโด้ว่าง ในยามที่ทีมมีนักเตะตัวหลักๆในแนวรุกเหลือเพียงแค่ แรชฟอร์ด มาร์กซิยาล แอนโทนี่ ซานโช่ ที่เป็นตัวหลักซึ่งรับประกันฝีเท้าจริงๆ ขณะที่ อเลฮันโดร การ์นาโช่ โชว์ฟอร์มได้ดี แต่ก็ยังต้องพิจารณาน้องในฐานะตัวแบ็คอัพที่คอยหมุนเวียนลงสนามเท่านั้น นี่คือ 5 คนที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้
เมื่อกัคโปหลุดออกจากเป้าหมายแล้ว ทบทวนคำถามอีกครั้งว่า หากมกราคมนี้ถ้ามีตัวเจ็บขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น? คำถามนี้คำถามเดียวก็ตอบได้แล้วว่า มกราคมเราจำเป็นต้องซื้อหรือไม่ซื้อ เชื่อว่าผู้จัดการเองก็รู้ แฟนบอลก็รู้
แต่สิ่งเดียวที่พวกเราไม่รู้กันก็คือ เบื้องหลังของสิ่งที่เกิดขึ้น (โดนปาดหน้ากัคโป) คืออะไรกันแน่ มันมาจาก "สาเหตุ" อะไร ที่เข้าเค้าจริงๆก็จะมีอยู่ประมาณสามเหตุผล (อย่างที่เขียนแย้บๆไปแล้วบนหน้าเพจก็คือ)
1.กัคโปไม่ใช่ Top Target ในการเสริมทัพจริงๆ
อย่างที่เอริคบอกว่า มันจะต้องเป็นกองหน้าที่เข้ามาทดแทนกัน และต้องเป็นนักเตะที่มีคุณภาพด้วย เพราะทีมเรามีการวางมาตรฐานที่สูงเอาไว้
เหตุที่ปล่อยให้ลิเวอร์พูลได้ไป เป็นเพราะว่ากัคโปไม่ใช่เป้าหมายตัวหลักๆที่ทีมเราจะเอาจริงๆ
หวังว่าจะเป็นเหตุผลข้อนี้ ซึ่งถ้าเป็นงั้น ก็จะแตกแขนงไปได้อีกสองเหตุการณ์ก็คือ
1.1 มกราคมนี้ยืมตัวคนเข้ามาช่วยทีมก่อน อาจจะเป็นดีลยืมเจา เฟลิกซ์ ด้วยเงินราว8ล้านปอนด์ หรือใครก็แล้วแต่
1.2 หวังว่าจะเป็นไปตามข้อบน และไปลุยตลาดซัมเมอร์แบบ "เบิ้มๆ" ด้วยกองหน้าระดับTop Tier เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น แฮรี่ เคน ในกรณีที่เราได้ไปUCLและสเปอร์สหลุดวงโคจร / ดูซาน วลาโฮวิช ที่หลายๆคนอยากได้ / รวมถึงตัวท็อปเป้งสุดๆของนาโปลีอย่าง วิคเตอร์ โอซิมเฮน ก็ตามที ซึ่งราคาหลักร้อยล้านแน่ๆ แต่ถ้าได้มามีซี๊ดดดส์
นี่คือเหตุผลข้อแรกคือ กัคโปอาจไม่ใช่priorityของสโมสรนั่นเอง และเรารอตัวอื่นอยู่
2.เกลเซอร์ไม่ลงทุนแล้วเพราะจะขายทีม
อันนี้คือโคตรแย่ สโมสรอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่าน และรอคอยผู้เข้ามาดำเนินการเทคโอเวอร์อยู่ในลักษณะของการขายส่วนแบ่งหุ้นสโมสรแบบ Full Sale ไปเลย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ตระกูลเกลเซอร์ที่จะขายแล้ว จึงไม่ต้องการลงทุนใดๆอีกให้กับผู้จัดการทีม
ซึ่งถ้าดีลกัคโปเป็นเพราะเรื่องนี้คือโคตรเซ็งมากๆ ก็หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะถ้ามกราคมนี้ไม่ได้เสริมทีม เราแย่แน่ๆในการแย่งท็อปโฟร์กับทีมอื่นๆที่กำลังมาแรงอย่างลิเวอร์พูล กับ นิวคาสเซิล รวมถึงสเปอร์ส ด้วย
3.ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น เพราะเจอปาดจริงๆ
คือไม่ใช่เพราะว่าจะไม่เอา(ข้อ1.) หรือไม่ใช่เพราะว่าทีมไม่มีตังลงทุน(ข้อ2.) แต่เจอปาดจริงๆแบบยังไม่มีแพลนบี อันนี้ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นเหมือนกัน
แต่คิดว่าเราคงรู้ข่าวบ้างแน่ๆ เนื่องจากถ้าอย่างน้อยถ้าลิเวอร์พูลจะซื้อ ยังไงเอเย่นต์ หรือวงใน รวมถึงตัวนักเตะเองก็น่าจะมีการแจ้งข่าวอะไรกันบ้าง คงไม่ใช่ดีลที่แมนยูไนเต็ดไม่ทันตั้งตัวขนาดนั้น
แต่อาจจะเป็นเรื่องที่ว่าเหตุการณ์ที่ลิเวอร์พูลเข้ามา แล้วนักเตะก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วทันที และยูไนเต็ดตั้งรับไม่ทันก็เป็นได้ จึงต้องเลือก Option อื่นๆที่มีอยู่ในการเสริมทีมมาแทนกัคโป
เราไม่แน่ใจว่าสาเหตุของเรื่องกัคโปเป็นยังไง ข่าวเพิ่งจะมาวันนี้ และต้องติดตามกันต่อไปหลังจากนี้ เช่นว่าถ้าต้นมกราคมแมนยูไนเต็ดมีดีลดีๆเข้ามา แปลว่าการโดนปาดครั้งนี้ เพราะกัคโปไม่ใช่ Top Target จริงๆ อันนี้จะดีใจมากเพราะว่าเราไม่ได้โดนปาด เราไม่เอาเองต่างหาก
สังเกตดูดีลของแมนยูได้เลยคงจะเป็นคำตอบในเรื่องกัคโปได้ดี เพราะถ้าเกิดดีลขึ้นมาในช่วงมกราคม แต่เป็นการลงทุนแบบเล็กจิ๋วเช่นจ่ายค่ายืมตัว 8 ล้านให้ดีลเฟลิกซ์ (ที่จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ตัวเล่นฟร้อนท์ทรีที่เป็น First Striker ซึ่งทีมขาดอยู่ด้วย) ถ้าเป็นดีลยืมตัว ก็แอบคิดได้สองอย่างคือ "เก็บงบไว้ใช้แบบตู้มเดียวใหญ่ๆช่วงซัมเมอร์" '
หรือไม่ก็ "ทีมไม่ลงทุนจริงๆ" (เวรกรรม)
เรื่องของนโยบายบริหารทีมของตระกูลเกลเซอร์ รวมถึงบอร์ดบริหารของเรา นี่คือสิ่งที่แฟนแมนยูเองก็อยากรู้ว่า สาเหตุจริงๆมันเพราะอะไร เป็นเพราะความเน่าภายในของภาคการบริหาร และการวางแผนทิศทางเสริมทีมอีกแล้วหรือเปล่า พวกเราไม่รู้เลย รวมถึงจากปัจจัยที่เอริคควบคุมไม่ได้ อย่างการอัดงบจากเบื้องบนด้วย
เราไม่รู้อะไรเลยในฐานะแฟนบอล เพราะเป็นเรื่องหลังบ้าน แต่สิ่งที่เราต้องการในบทความนี้คือ อยากให้เอริค "ส่งสัญญาณ" อะไรบางอย่างให้แฟนบอลรู้หน่อย ผ่านคำให้สัมภาษณ์ ผ่านแอ็คชั่นอะไรต่างๆก็ได้
เชื่อว่ายังไงแฟนบอลก็รักเอริคและอยู่ข้างเขาอยู่แล้วแน่นอน เพียงแค่ว่าอยากให้ส่งซิกอะไรบางอย่างให้แฟนบอลรู้บ้างว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันมาจากเรื่องปัญหาเพราะบอร์ดบริหารและพวกเกลเซอร์หรือไม่ก็เท่านั้นเอง แฟนบอลจะได้รู้และด่าได้ถูกตัวหน่อย
การส่งสัญญาณของเทน ฮาก น่าจะทำได้หลายๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ต้องมีเพรสคอนฯอยู่ตลอดเรื่อยๆในทุกๆนัด ซึ่งมันก็จะมีคำถามมาเรื่อยๆอยู่แล้ว น่าจะมีช่องมากมายที่เอริคจะสื่อหรือบอกแฟนบอลได้ ผู้เขียนก็อยากให้เขาแง้มๆให้เรารู้หน่อยว่ามันมีปัญหาอะไรบ้าง จะได้ทราบกันว่าปัญหาจริงๆมันเพราะอะไร
เราเชื่อในเอริคแน่นอนว่าเขามีมุมมองด้านฟุตบอลและการบริหารทีมที่ดีแน่ แต่สิ่งที่เรากลัวคือ ถ้าบอร์ดบริหารมันไม่ซัพพอร์ตเอริคเต็มที่ เหมือนปัญหาเดิมๆที่เคยมีมาจากตระกูลเกลเซอร์ อันนั้นแหละน่ากลัวจริง
เราลองมาดูคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของเอริค ในกรณีการเสริมทีม หลังจากที่ข่าวออกมาชัดเจนแล้วว่ากัคโปย้ายไปลิเวอร์พูล
เอริคบอกว่า
"ถ้ามีดีลที่อยู่ในงบประมาณที่จ่ายได้ รวมถึงตรงกับความต้องการในด้านฟุตบอล เราก็จะลุย"
"ตำแหน่งส่วนใหญ่ในทีมเรามีตัวเล่นประจำการอยู่สองตัวอยู่แล้ว แต่แนวรุกในแดนหน้ามันยังไม่พอ พวกเรามองหาผู้เล่นที่เป็นตัวรุกเข้ามาเสริมทีม ซึ่งผมคงบอกถึงโพรไฟล์ไม่ได้ว่าเป็นยังไง เรามีตัวเลือกต่างๆอยู่ และเราก็ดำเนินการบนตัวเลือกเหล่านั้น [@ViaplayFotboll, @TheEuropeanLad]
จะเห็นชัดว่า เอริคก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรมาก นอกจากคำให้สัมภาษณ์กลางๆที่เน้นย้ำว่า เรื่องธุรกิจกับฟุตบอลจะต้องไปด้วยกัน นักเตะที่จะเข้ามาจริงๆคือจะต้องมีความเป็นเหตุผลเป็นผลกันทั้งในเรื่องของ "ราคา" และความเหมาะสมในเชิง "ฟุตบอล" เอริคจะให้สัมภาษณ์แบบนี้อยู่บ่อยๆ
เป็นความจริงที่สโมสรหนึ่งจะซื้อนักเตะเข้ามา มันมีอะไรต้องพิจารณาเยอะ
ทั้งงบประมาณมหาศาล(budget ประจำหน้าต่างซื้อขายนั้นสำคัญมากๆ เพราะตัวนึงไม่ใช่ถูกๆ)
ทั้งเรื่องความจำเป็นก่อนหลังที่ต้องซื้อมาเสริมทีม(priority)
ทั้งเรื่องปรัชญาการเล่น และฝีเท้าที่ต้องแมตช์กับสิ่งที่ต้องการ รวมถึงเป็นนักฟุตบอลที่มีคุณภาพจริงๆ
เอริคแสดงความชัดเจนว่าเขาจะไม่ซื้อแบบหว่านแห มันจะต้องใช่จริงๆ ซึ่งทุกดีลที่ได้มาตอนซัมเมอร์นี้ก็ถือว่าเป็นแบบนั้น ทุกตัวใช่มากๆ ข้อนี้เป็นเรื่องดีที่แฟนบอลควรต้องสบายใจกับบอสเราได้
ถ้าไม่ใช่ เอริคจะไม่ลุย
แต่ถ้าใช่ แพงแค่ไหนเขาก็สู้ เหมือนกรณีของ Antony ที่เจอ Ajax โก่งราคาแบบสุดๆ โก่งหนักกว่ามาร์ติเนซซะอีก แต่สโมสรเราสู้ตายจริงๆแม้ว่าจะโดนอัพราคาสองสามรอบ
มีข่าวลือจากจากMENว่าเอริคนั้นชื่นชอบและสนใจ Gonçalo Ramos กับ Mohammed Kudus แต่ทั้งสองคนนี้คงไม่สามารถยืมตัวมาได้ในช่วงเดือนมกราคม เจอข่าวมาแบบนี้ก็โหวงนิดนึงเหมือนกันเพราะว่าข่าวชี้ว่าสโมสรอยากจะได้ดีลยืมตัวมากกว่า แค่นี้ก็รู้สึกไม่ดีแล้ว เพราะว่ามันสะท้อนได้พอควรว่า เราไม่มีงบประมาณเสริมทีมให้เอริคแล้วมกรานี้ (ทั้งๆที่จำเป็นมาก แนวรุกเราตอนนี้โล่งโจ้งสุดๆ ขนาดยังไม่มีตัวเจ็บก็รู้สึกว่ามันยังไม่พอเลย)
แหล่งข่าวต่างๆก็ระบุว่าแมนยูไนเต็ดเหมือนจะอยากได้ดีล "ยืมตัว" เท่านั้นในมกราคมนี้ เห็นชัดเจนว่ามันเป็นคนละเรื่องกับที่ลิเวอร์พูลเดินเกมไว ชิงตัวกัคโปมาแบบไม่พูดเยอะเจ็บคออย่างเห็นได้ชัด
นี่คือสิ่งที่แฟนบอลอยากรู้มากๆว่า หลังบ้าน เกิดปัญหาอะไรไหม บอร์ดไม่มีเงินใช่หรือไม่ และไม่ยอมซัพพอร์ตการเสริมทีม ทั้งๆที่ทีมจำเป็นต้องซื้อเข้ามาอีก ยังไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งอืนๆที่ต้องเสริมอีกเยอะ ทั้งกองกลางตัวตั้งเกมที่สดในตำแหน่งอีริคเซ่น / แบ็คอัพแบ็คขวาที่ยังไม่รู้ว่าเอริคจะพิจารณายังไงกับวานบิสซาก้า / เซ็นเตอร์แบ็คตัวใหม่ที่เข้ามาถ่ายเลือดแมกไกวร์กับลินเดอเลิฟ เผื่อเวลาวารานเจ็บขึ้นมา ก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง (ด้วยความเคารพแมกไกวร์ & ลินเดอเลิฟ นะครับ)
ปัญหาหลังบ้าน คือเรื่องที่แฟนบอล และสื่อต่างๆก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นปัญหามันอยู่จุดไหน ถ้ามันมีเหตุการณ์ที่ไม่ชอบมาพากล หรือการที่บอร์ดบริหารเริ่มทำตัวงี่เง่าเหมือนที่เคยมา โดยเฉพาะประเด็นที่ทำท่าว่าจะไม่ลงทุนอะไรอีกแล้ว เพราะอยากขายสโมสรนั้น
ถึงจะเป็นเรื่องยาก เพราะเรารู้ดีว่าเอริค เทน ฮาก เป็นคนที่ให้สัมภาษณ์ได้ดี และจะไม่เอาความในออกมาให้เป็นปัญหาแน่ๆ เหมือนคำสุภาษิตว่า ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า
จริงๆเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วที่เอริคเป็นคนที่แสดงออกและบริหารในลักษณะแบบนี้ แต่บางครั้งก็แอบอยากให้เขาส่งสัญญาณออกมาผ่านทางคำพูดหรือการกระทำอะไรหน่อยก็ได้ ว่าปัญหามันมีอะไรบ้างในกระบวนการต่างๆของเรา เพราะแฟนบอลเองก็อยากรู้ว่าเรื่องราวที่แท้จริงมันเกิดขึ้นจากเหตุผลอะไร
แง้มๆมาเถอะ เพราะยังไงเราก็อยู่ข้างคุณแน่นอนบอส
ไฟในบางครั้งนำออกมาบ้างก็ดี เราจะได้รู้สักทีว่าไอ้คนก่อไฟมันคือใครกันแน่
-ศาลาผี-