สู่เช้าวันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม วันสุดท้ายแห่งปี2022 มีข่าวหลักเรื่องความพร้อมของทีมก่อนลงทำศึกส่งท้ายปีกับวูล์ฟแฮมพ์ตันพรุ่งนี้ช่วงหัวค่ำคู่แรก (19.30)

โดย "ดาโลต์ กับ ลินเดอเลิฟ" กลับมาลงซ้อมแล้วเรียบร้อย เรื่องนี้เป็นข่าวที่ดีมากๆ แต่เชื่อว่าน่าจะยังไม่ได้ลงสนามทั้งคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดิโอโก้ ดาโลต์ คงต้องค่อยๆเรียกฟิตไปทีละน้อย

และที่สำคัญคือ "AWB" Aaron Wan-Bissaka ฟอร์มกำลังมาในช่วงนี้ หลังจากที่หลายๆคนคิดว่าเขาหมดอนาคตไปแล้ว แต่จริงๆที่ผ่านมาแกบาดเจ็บ + มีอาการป่วย มาอยู่เรื่อยๆในช่วงครึ่งซีซั่นแรก

พอเวลาผ่านไป เขาอยู่ภายใต้การฝึกซ้อมของเทน ฮาก ตัววานบิสซาก้านั้นแสดงให้เห็นว่าถ้าตัวแกพยายาม โฟกัส และซึมซับวิธีการเล่นมากขึ้น แกก็มีประโยชน์มากๆกับทีม

ขนาดเอริคยังต้องชื่นชมที่อารอนสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงก่อนหน้านี้มาได้ และการมีตัวผู้เล่นที่เพิ่มการแย่งตำแหน่งกันในทีม มันจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากๆ และทีมเราก็ต้องการเช่นนั้น

เชื่อว่ากองหลังเกมเจอวูล์ฟคงจะเป็น วานบิสซาก้า + วาราน + มาร์ติเนซ + ชอว์ งานนี้ใครดีใครได้(ลง)

การให้สัมภาษณ์ในประเด็นการเสริมทัพนั้น เอริคย้ำให้เราได้ฟังกันหลายครั้งว่า ถ้าเป็นไปได้แกก็คงจะอยากได้นักเตะคุณภาพดีเข้ามาเสริมทีม แต่แกก็ยอมเปิดเผยแบบแย็บมาเล็กๆให้ได้รู้ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องปัจจัยด้านการเงินด้วยเป็นสำคัญเหมือนกัน

อ่านแล้วก็ถอนหายใจ และภาวนาว่าการเทคโอเวอร์มันจะเกิดขึ้นจริงๆสักที ไม่งั้นก็จะเจอกับปัญหาแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งแฟนผีก็น่าจะรู้ว่าใครเป็นศัตรูที่แท้จริงของเรา ไม่ใช่นักเตะที่ด่าๆกันอยู่ ไม่ใช่ทีมคู่อริสีแดงที่ชิงตัวนักเตะเป้าหมายของเราไป (ความผิดเค้าซะที่ไหนล่ะ ด่าเค้าไม่ได้)

ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากๆจากแฟนบอลอย่างเรา สำหรับการเชียร์แมนยูไนเต็ดเพื่อให้เอาชนะเป้าหมายและอุปสรรคไปได้ มีอยู่สองอย่าง คือเรื่องของ "พลังใจ" และ "พลังงานด้านบวก"

พลังใจ มีประโยชน์ในเวลาที่เรากำลังโดนเล่นงาน, รู้สึกว่ากำลังโดนมรสุมกับคลื่นลมโหมกระหน่ำ ที่กำลังเล่นงานอย่างไม่ปรานี พลังใจจะทำให้เราอดทนกับสิ่งเหล่านี้ และ "อยู่กับมัน" ได้สำเร็จ

เช่นเดียวกันกับตอนนี้ที่แฟนผีเริ่มจะรู้กันแล้วว่า มกราคมนี้เรา "ไม่มีเงิน" จะไปซื้อนักเตะสู้กับเขาจนกระทั่งเจอลิเวอร์พูลปาดกัคโปไป จากข่าวต่างๆที่ออกมาจากนักข่าวระดับtier1 อย่าง David Ornstein ที่เผยชื่อของเฟลิกซ์ออกมา แต่ก็ยังแนบด้วยเนื้อหาว่ายูไนเต็ดน่าจะพร้อมแค่สำหรับดีล "ยืมตัว" เท่านั้น

ถ้ารู้สึกว่าสถานการณ์ของทีมเราที่ต้องเจอเรื่องพวกนี้มันคือความ "แย่" ละก็..

ณ จุดนี้พลังใจจะมีประโยชน์ต่อการทำให้เราอดทน, พร้อมรับมือกับความผิดหวัง และเดินหน้าต่อได้แม้จะต้องเจออุปสรรคมากมายเช่นนี้

พลังใจคือจิตใจของนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ เรื่องนี้สำคัญมากๆ ไม่งั้นมันก็จะเป็นการถอดใจ ปล่อยจอยไปเลย

พลังงานด้านบวก มีประโยชน์ในเรื่องของการ "สร้างพลัง" ที่ทำให้เราสามารถนำพลังดังกล่าวไปเชียร์ ไปซัพพอร์ตทีมที่เรารักได้ดีมาก

ถ้า "พลังใจ" เป็นเหมือน "โล่ที่แข็งแกร่ง" ของเรา "พลังงานด้านบวก" ก็เป็นเหมือน "เสบียง" และทรัพยากรของพลังรบ

มันคือ "ขั้วตรงข้ามเดียวกัน" ที่เป็นฝ่ายซึ่งทำให้เรามีพลังงาน มีความฮึกเหิม และไม่ตกหลุมของความคิดติดลบที่มีแต่จะพาเราตกหลุมลึกตรงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

พูดกันตรงๆ จากสถานการณ์ที่เราพลาดกัคโปไป ทำให้เป้าหมายการเสริมตัวรุกก็ยังคง "ไม่ชัดเจน" จนถึงตอนนี้ แถมยังได้ข้อสังเกตมากขึ้นเรื่อยๆว่า "ปัจจัยเรื่องเงิน" สำคัญมากๆในเรื่องนี้ ที่เราดูเหมือนว่าจะไม่มีงบช็อปแล้ว

เอริคกล่าวไว้ดังนี้ : "We are looking for the right player for our squad and that has to match the sporting criteria but also the financial criteria."

"เราต้องหานักเตะที่ใช่จริงๆเข้ามาในทีม ซึ่งนั่นจะต้องตรงกันกับปัจจัยในเชิงฟุตบอลที่เราต้องการ รวมถึงปัจจัยด้านการเงินที่ต้องคำนึงด้วยเช่นกัน"

มันเป็นการแย้บที่พอจะอ่านออกว่า เรื่องงบเป็นสิ่งที่มีจำกัดจริงๆ และนั่นแปลให้ชัดกว่าเดิมได้อีกว่า นักเตะที่ใช่เราก็อยากได้ แต่เรื่องงบที่มีจำกัดอยู่ก็สำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องเชิงฟุตบอลจริงๆ

นี่คือปัญหาที่เอริค เทน ฮาก จะต้องเจอ แม้ว่าเขาจะอยากได้ตัวรุกเสริมเข้าทีมขนาดไหน ถ้างบไม่พอก็ต้องทำใจ เพราะนักเตะที่จะซื้อเข้ามา

นอกจากฝีเท้าดี ค่าตัวจะต้องสมเหตุสมผลด้วย

งานของเทน ฮาก ต่อจากนี้ จะต้องบริหารงบประมาณจำกัดจำเขี่ยสุดๆให้เกิดประโยชน์ให้ได้ เอริคเน้นย้ำเรื่องการมีตัวสำรอง และตัวเลือกบนม้านั่งที่ช่วยเหลือทีมได้ กับโปรแกรมการแข่งขันที่อัดแน่นและสำคัญทุกๆรายการ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี

"อุปสรรคหลังฉาก" ที่ไม่เปิดเผยออกมาตรงๆนั้น ก็คงจะเป็นปัญหาหลังบ้านของเราเรื่องเดิมๆอย่างปลิงตระกูลเกลเซอร์ที่ยังไม่วายส่งผลกระทบต่อเรายันใกล้หยดสุดท้าย ที่เด็กผีทั้งโลกน่าจะภาวนาขอให้ทีมมีเจ้าของรายใหม่ที่ดีกว่าเดิมบ้างก็พอ ถึงแม้จะเป็นการหนีเสือปะจระเข้ แต่ก็ขอให้เป็นอะไรที่ดีกว่าเดิมบ้างก็พอแล้ว

แน่นอนว่าคนเป็นผู้จัดการทีมที่ทำงานอยู่ภายใต้การตัดสินใจของบอร์ดบริหารระดับสูง เขาคงจะออกมาพูดอะไรไม่ได้เยอะเหมือนกับรอบของราล์ฟ รังนิค และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ทั้งคู่มีบารมีและความเก๋ามากพอที่เขาจะสามารถพูดถึงขยะใต้พรมสีแดงฉานแบบ "ตรงๆ" ได้

ไม่ใช่ความผิดของเอริค คำนึงถึงความเป็นจริงของโลกนี้กันนิดนึงว่า จะคาดหวังให้ผู้จัดการทีมออกมาสัมภาษณ์ถึงคนที่ควบคุมดูแล และจ้างงานเขาในทางที่ไม่ดีได้อย่างไร

ถ้าไม่มีเงิน ไม่มีงบ ไม่มีแรงซัพพอร์ตตามที่ต้องการ นั่นคืองานที่วัดกึ๋นของผู้จัดการทีมเช่นกัน

เอริค เทน ฮาก จึงอยู่ในสภาวะที่นำเอามรสุมต่างๆเหล่านี้มาเปิดเผยบอกกล่าวกันแบบตรงๆเลยก็ไม่ได้

ทั้งหมดทั้งมวลมันจึงจำเป็นมากๆที่แฟนบอลควรรู้ว่า เรากำลังเผชิญอยู่กับอะไรอยู่ ด้วยสองสิ่งที่เราต้องมอบให้ EtH และสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดของเราเยอะๆ ด้วยพลังงานที่สำคัญของเราอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า "พลังใจ" คือขุมกำลังอมตะของแมนยูไนเต็ดที่มันทำให้เรา "ตายยาก" มานานแล้ว ไม่ว่าจะเจออุปสรรคโหดร้ายขนาดไหนก็ตาม

การไม่ยอมแพ้จนกว่ากรรมการจะเป่านกหวีด และเราคัมแบ็คมาได้เสมอๆ นั่นก็คือพลังใจที่ยังอดทนสู้แม้จะรู้ว่าอาจแพ้ก็ตาม

พลังงานด้านบวก เป็นเหมือนน้ำใสๆที่ทำให้เรามีเรี่ยวแรง มีพละกำลังในการนำไปฟาดฟัน และเกิดพลังเพื่อจะดำเนินการสิ่งต่างๆต่อไปได้ ไม่ใช่ว่าจะคิดหรือมองกันแต่ในด้านร้ายอย่างเดียว เรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะในสโมสรที่หลายๆคนต้องการกำลังใจจากแฟนบอล

เวลาทีม "พลาด" ขึ้นมา ชื่อเดิมๆก็คงจะหนีไม่พ้นแม็คโทมิเนย์ เฟร็ด วานบิสซาก้า เอแลงก้า ฟานเดอเบค ฯลฯ ที่ยังคงเป็นเป้าซึ่งถูกกาหัวตราหน้าว่าต้องขายทิ้งๆๆๆ เท่านั้นเพราะไม่เก่งเท่าตัวหลักของทีม

บางครั้งทีมฟุตบอลมันไม่จำเป็นต้องมีนักเตะรายบุคคลที่ "เก่งกว่าคู่แข่ง" ครบไปซะทุกตำแหน่งแต่อย่างใด

บางตำแหน่งเราอาจจะมีค่าพลัง 9 คู่แข่งมีแค่ 7 นั่นแปลว่าเราเหนือกว่าในตำแหน่งนั้นๆ แต่บางตำแหน่งในสนาม นักเตะเราอาจจะมีตัวเล่นที่ค่าพลัง 6.5 บ้าง 7 บ้าง ที่เป็นนักเตะที่อาจจะไม่ได้เก่งขนาดพวกคาเซมิโร่ วาราน อีริคเซ่น ขนาดนั้น

แต่การทำร้ายและขับไล่ไสส่งนักเตะพลัง 7 ของเราในทีมกันอย่างเดียว นั่นแหละคือหนทางการสร้างพลังงานลบอย่างแท้จริง ทั้งที่ ถ้าวัดองค์รวมของ "ทีม" คะแนนรวมเราอาจจะอยู่ที่ 97 คู่แข่งอาจจะมีสัก 93 เป็นต้น

แค่นี้ก็ชนะแล้ว

นักเตะบางคนของเราอาจจะไม่เก่งถูกใจแฟนบอลทั้งหมด มันไม่เป็นปัญหาเลย ถ้านักเตะที่ว่านั้นยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทีม ยังคงช่วยเหลือและมีประโยชน์กับทีม และสุดท้าย ทีมยังคงมีคะแนนรวม 97 และเอาชนะคู่แข่งได้เรื่อยๆ

แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่งั้นฟุตบอลก็คงจะมีการแข่งแบบ "บอลชายเดี่ยว" ไปแล้วล่ะ

มันคือกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีม ถ้าจะรักและเอาใจช่วย แฟนบอลจำเป็นต้องส่งพลังงานดีๆให้ทั่วถึง และมอบมันให้กับนักเตะที่คุณอาจจะไม่ยอมรับ นักเตะที่คุณไม่เชื่อในฝีเท้า

ส่งพลังงานบวกให้พวกเขาเหล่านั้นบ้าง ไม่ใช่เจอหน้าก็ไล่ให้ขายทิ้ง หรือตามด่ากันอย่างเดียวว่ากระจอก ไร้ค่า ไม่มีประโยชน์

สิ่งที่เราเชียร์อยู่คือสโมสร เพราะฉะนั้นถ้ามันทำให้ภาพรวมเดินหน้าต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง เราก็ต้องส่งกำลังใจเชียร์ทุกภาคส่วนของทีมอย่างเต็มที่ แล้วเดี๋ยวภาพรวมมันดีเอง

นักเตะบางคนแสดงให้เห็นแล้วว่า ถึงเขาจะไม่ได้เก่งที่สุด แต่เขาก็สนับสนุนทีมได้เป็นอย่างดี ในวันที่ขวัญใจตัวเก่งของคุณบาดเจ็บ หรือไม่อยู่ในทีมวันนั้น พวกเขาจะเล่นอย่างเต็มที่แน่นอน

กำลังใจ และพลังงานดีๆเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเชียร์ฟุตบอล

ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมา พร้อมกับความท้าทายและงานที่หนักหนาของเอริค เทน ฮาก และสโมสรเราจะต้องเผชิญหน้า

เชียร์กันด้วยพลังบวกและพลังใจที่สู้ของแฟนบอลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ ไม่ว่าทีมจะแพ้หรือจะชนะครับ ปีแห่งการวางรากฐานซีซั่นแรกเช่นนี้ ทุกอย่างมันก็คงจะไม่เป็นไปอย่างใจเราหวังทุกอย่าง

แต่มันจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับอย่างมีทิศทางแน่นอน ตราบใดที่เรายังมีกันและกันอยู่ตรงนี้

แฟนบอล สตาฟฟ์โค้ช นักเตะ และคนทำงานทุกฝ่ายที่ช่วยกันทำให้ Manchester United ก้าวไปข้างหน้าได้

ปีหน้าเชียร์ทีมเราด้วยพลังใจและพลังงานบวกด้วยกัน ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นแน่นอนครับ :)

#BELIEVE

-ศาลาผี-