ใครจะไปคิดกันล่ะว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคปัจจุบันหลังสิ้นยุค เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะมีอะไรแบบนี้ให้เห็นกัน

แน่นอน ในยุคที่ 'ป๋า' ยังคงเป็นนายใหญ่ ปีศาจแดง เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนเคยชินและถือเป็นเครื่องหมายการค้าของ 'เฟอร์กี้'

แต่พอมายุคหลังๆ นี่ต้องกุมขมับ เกมไหนก็ตามที่ถูกนำก่อนทำเอาแฟนบอลผีแดงต้องหัวใจตุ้มๆต่อมๆ ยิ่งโดนไปก่อน 2 ประตูในฐานะทีมเยือนแล้วไม่ต้องพูดถึง บอกเลยว่า 'ยากส์'

เมื่อย้อนไปดูสถิติต้องพบว่าหนสุดท้ายที่ ปิศาจแดง สามารถแซงชนะคู่แข่งหลังจากโดนไปก่อน 2 ดอก ซึ่งเกิดขึ้นหลังยุค 'เฟอร์กี้' คือในฤดูกาล 2013/14 หรือ ในยุคของ เดวิด มอยส์

โดยเกมนั้น ยูไนเต็ด โดน ฮัลล์ ซิตี้ กดไปก่อน 2 เม็ด แต่ก็สามารถกลับมาแซงได้ 3-2 ในท้ายที่สุด

เวลาผ่านเลยไปกว่า 4 ปีนิดๆ ปิศาจแดง ทำได้อีกครั้งจากนัดล่าสุดที่บุกสยบ คริสตัล พาเลซ ด้วยสกอร์เดียวกัน

ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีทั้งร้ายและดีผสมปนเปกันไป

45 นาทีแรก ไม่สิ ... นับตั้งแต่วินาทีที่ทีมเสียประตูแรกลากยาวไปจนถึงประตูที่สอง ทัพนักเตะของ ยูไนเต็ด เล่นกันได้ไม่ดีเท่าไหร่ ปัญหาเดิมๆโผล่ขึ้นมาให้เห็นนั่นคือการสอดประสานในแนวรุกและจังหวะเข้าทำที่กดดัน ดิ อีเกิ้ลส์ ไม่ค่อยได้เท่าไหร่

ทว่า หลังจากโดนกระทุ้งดอกสองจาก พาทริค ฟาน อานโฮลท์ ดูเหมือน พลพรรคผีแดงจะเริ่มตื่นและบุกกดดันได้ดีขึ้นก่อนจะนำมาซึ่งประตูความหวังจากลูกโหม่งของ คริส สมอลลิ่ง

โชเซ่ มูรินโญ่ ตัดสินใจเสี่ยง ชนิดที่คงถูกใจแฟน ปิศาจแดง ไม่น้อย เขาจัดการถอดสองฟูลแบ็กซ้าย-ขวาออกไปพร้อมกับ ลุค ชอว์ และ ฆวน มาต้า ลงสนาม พร้อมกับถ่าง เจสซี่ ลินการ์ด ไปยืนเป็นวิงแบ็กทางขวาแทน

มันเป็นแผนที่เสี่ยง แต่ช่วง ณ เวลานั้น มันต้องเสี่ยงและผลที่ตามมาถือว่าได้ผล

ไม่เพียงนักเตะตัวสำรองสองรายที่ว่า จะลงสนามแล้วทำให้เกมของทีมลื่นไหลและกดดันเจ้าถิ่นได้ดีขึ้น

มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ลงสนามแทน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ตังแต่ต้นครึ่งหลังก็สามารถกดดันแนวรับได้หลายจังหวะ

นี่คือการแก้ปัญหาที่ชัดเจน เพราะครึ่งแรก ทั้งแบ็กและปีกของ พาเลซ สามารถเติมเกมกดดัน ปิศาจแดง ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง อารอน วาน-บิสซาก้า และ ฟาน อานโฮลท์ ที่ผลโดดเด่นยังสามารถจัดการเกมริมเส้นและเติมเกมรุกไปช่วย แอนดรอส ทาวน์เซนด์ กับ เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ ได้ตลอดเวลา

ทางแก้ของ มูรินโญ่ คือทำอย่างไรก็ได้ให้ แบ็กทั้งสองฝั่งของ พาเลซ ไม่มีโอกาสเติมแต่ต้องมาง่วนกับการจัดการแนวรับ

ทุกอย่างเริ่มเข้าทางจนในที่สุดจากความพยายามที่ไม่ลดละ แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ กลายเป็นฝ่ายได้เฮในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากจังหวะตะบันไกลอย่างสุดสวยของ เนมานย่า มาติช 

ถือเป็นสามคะแนนที่ล้ำค่าในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะ และถือเป็นความมั่นใจก่อนที่จะกลับไปเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือ ทีมอันดับ 3 อย่าง ลิเวอร์พูล วันเสาร์นี้

แต่ ... 

ถึงจะชนะมาได้แบบสุดสะใจ

กระนั้นปัญหาที่ มูรินโญ่ ต้องแก้ไขยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง

หนึ่ง ถึงเวลาแล้วหรือยังในการต้องปรับวิงแบ็กสองฝั่งเพื่อเพิ่มความเร็วของเกม

สอง แนวรุกนั่นไงจะทำอย่างไรให้ต่อเกมกันสวยๆเหมือนช่วงที่เราเป็นฝ่ายกดดัน พาเลซ จนโงหัวไม่ขึ้นในช่วงท้ายเกม

และ สาม กับตำแหน่งที่ลงตัวของ อเล็กซิส ซานเชซ

ข้อท้ายสุดถือเป็นเรื่องที่แฟนบอลและนักวิจารณ์จากอังกฤษยังคงนั่งคิดและถกกันอย่างต่อเนื่อง

ใช่ แนวรุกชาวชิลีรายนี้มีฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมและแสดงให้เห็นมาโดยตลอดกับการขึ้นเกมทางซ้ายในสมัยที่ยังสวมยูนิฟอร์มของ อาร์เซน่อล

กระนั้นมันก็ไม่ได้ตายตัวเพราะบางครั้ง อเล็กซิส ก็สามารถขยับไปมาหรือสลับทดแทนตำแหน่งกันได้ไม่มีปัญหา

แต่สิ่งที่แฟนบอลดูจะเป็นกังวลคงเป็นเรื่องที่ว่า มูรินโญ่ จะรีดศักยภาพของ อเล็กซิส ให้ออกมาได้อย่างไรและจะทำเช่นไรให้พิษสงของนักเตะคนนี้มีอิทธิพลกับเกมมากขึ้น

เราจะเห็นได้ว่า อเล็กซิส มีความมุ่งมั่น เขาพยายามที่จะสร้างโอกาสให้ทีมเสมอยามได้บอลหน้าเขตโทษ ไม่ว่าจะเป็นการชิ่งหนึ่ง-สองกับเพื่อนร่วมทีม, การแหวกกินตัว หรือผ่านบอลแบบ 'คิลเลอร์พาส' 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นัดที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งเกมที่เขาเล่นได้ต่ำกว่าที่หวังและยังที่เป็นคนทำให้ทีมเสียบอลมากที่สุดในเกมที่ผ่านมา

อย่างเกมล่าสุด อเล็กซิส เริ่มต้นจากการลงสนามเป็นแนวรุกทางซ้าย แต่พอ แรชฟอร์ด ถูกส่งลงสนาม เขาถูกขยับให้ไปเล่นตรงกลางมากขึ้น

นั่นคือตำแหน่งที่ มูรินโญ่ พยายามจะขยับ 'ชายเล็ก' ให้เข้าไปกล้กับ โรเมลู ลูกากู อยู่ตลอดในช่วงที่ผ่านมา หลายครั้งที่ 'จ่ามู' พยายามอธิบายว่าอยากให้ 'จารย์กู้' กับ ซานเชซ อยู่ใกล้กันมากขึ้นเพื่อจะได้มีโอกาสประสานกัน แต่มันก็ยังออกมาไม่ดีเท่าไหร่

แล้วตำแหน่งไหนกันล่ะที่เหมาะสมกับ อเล็กซิส มากที่สุดในทัพผีแดง?

อย่างที่เรียนไปนั่นแหละ อเล็กซิส ชื่นชอบในตำแหน่งแนวรุกทางซ้ายซึ่งมันได้รับการยืนยันตั้งแต่การให้สัมภาษณ์ในวันแรกที่ย้ายมาสวมเสื้อ ปิศาจแดง

แต่ตำแหน่งตรงนั้นก็มีนักเตะอย่าง แรชฟอร์ด และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ทำหน้าที่อยู่ก่อนแล้ว 

หรือจะโยกไปทางขวา เพราะเอาเข้าจริงๆก็มีเพียง ฆวน มาต้า เท่านั้นที่ถือว่าพอจะบึดตำแหน่งตรงนั้น (บางครั้งเป็น ลินการ์ด แต่ช่วงหลังโดนขยับมาตรงกลางมากกว่า) ถ้าคิดง่ายๆ ก็ลองจับ อเล็กซิส ไปยืนดูเผื่อจะมีอะไรดีขึ้นมา

หรือจะเอาแบบที่ มูรินโญ่ ต้องการให้ขยับมาตรงกลางเพื่อเล่นร่วมกับ ลูกากู เหมือนที่เขาทำมาโดยตลอด

หรือจะใช้งานสลับในตำแหน่งหน้าเป้ากับ ลูกากู ไปเลย (อันนี้ดูจะเสียของ)

ถือเป็นปัญหาและปริศนาที่ มูรินโญ่ ต้องแก้ไข และพยายามหาทางออกให้ดีที่สุด เพราะหากเขาสามารถหาตำแหน่งที่ลงตัวและชัดเจนให้กับ อเล็กซิส ได้แล้วล่ะก็ ฝ่ายที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

และแน่นนอนว่า ความฝันที่แฟนบอลปิศาจแดงจะได้เห็นแนวรุกที่ดุดันกลับคืนมาคงไม่ไกลเกินฝัน