:::     :::

ย้อนอดีต "เอตาเม่" แบ็กขวาไร้พ่าย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จากเด็กที่เกิดในประเทศที่ไม่ใช่บ้านของตัวเองจริงๆ และตามครอบครัวข้ามทวีปมาใช้ชีวิตและเติบโตในอีกประเทศ ก่อนไต่เต้าขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จทั้งในระดับทีมชาติและสโมสรโดยเฉพาะเป็นหนึ่งในตำนานชุดไร้พ่ายของอาร์เซน่อล

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นที่อิเควทอเรียลกินี ชาติเล็กกระจิดริดในแอฟริกาตะวันตก 

11 ปีหลังได้รับเอกราชจากสเปน ประเทศอิเควทอเรียลกินีเกิดรัฐประหารทำให้ครอบครัวของ วาล็องแต็ง บิซอง-เอตาเม่ นักการเมืองในรัฐบาล มาเซียส เอ็นกูเอม่า ที่ถูกโค่นล้มต้องอพยพลี้ภัยการเมืองมาที่แคเมอรูนซึ่งมีพรมแดนติดกัน

มกราคม ปี 1977 วาล็องแต็ง บิซอง-เอตาเม่ ได้ทายาทคนที่ 21 จากทั้งหมด 22 คนระหว่างลี้ภัยที่ครีบี, แคเมอรูน และตั้งชื่อว่า "โลเรียโน่ บิซอง เอตาเม่-เมเยอร์" หรือที่ในเวลาต่อมาแฟนบอลรู้จักในชื่อ "โลร็อง" 

"ผมอยู่ที่นั่น 3 ปี แต่จำอะไรไม่ได้เลย ความทรงจำแรกของผมคือ พลาซ่า เดอ เอสปันญ่า ในเซบีย่า" โลร็อง เอตาเม่ ย้อนถึงวัยเด็กที่ครอบครัวต้องอพยพอีกครั้งจากแคเมอรูนมายังสเปน

บิซอง-เอตาเม่ ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้งานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐท้องถิ่นที่มอนเตควินโต้ มีรายได้แค่พอเลี้ยงดูครอบครัว

"ในจำนวนพี่น้อง 22 คน ผมเป็นคนรองสุดท้าย คุณพ่อของผมท่านมีภรรยาหลายคน การมีลูกจำนวนมากมีความหมายเช่นเดียวกับความมั่งคั่ง เป็นเรื่องในทางที่ดี และท่านสามารถดูแลพวกเราทุกคนได้"


ร่วมทัพหมอผียุคที่ดีที่สุดอีกยุค

"ที่เซบีย่า เราอาศัยอยู่ที่แฟลต แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้อยู่กันครบ 22 หรอกนะ น่าจะ 15 คนได้ มีเตียงสองชั้นเต็มไปหมด 555" 

โลร็อง เอตาเม่ เริ่มฉายแววฟุตบอลตั้งแต่เด็ก เขายิงได้ 56 ประตูต่อฤดูกาลให้ทีมท้องถิ่นทำให้ได้เซ็นสัญญากับเซบีย่าในวัยเพียง 11 ปี และหลังจากนั้นไม่นาน สโมสรก็ดึงตัว ดีเอโก้ มาราโดน่า เข้าสู่ทีมชุดใหญ่ 

"ผมน่าจะอายุราว 13 ปีได้ มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของทีมนักแต่การมีเขา (มาราโดน่า) อยู่ที่นั่นคือเรื่องสุดเหลือเชื่อ เรามักอยู่ดูเขายิงฟรีคิก ลูกแรก ลูกสอง ลูกสาม ลูกสี่ - ลูกแล้วลูกเล่า"

"ผมยังจำแมตช์ที่เซบีย่าเล่นกันได้ห่วยแตก จากนั้นเราได้เตะมุมและมีผู้เล่นเปิดบอลลอยมาที่เขา มาราโดน่า คอนโทรลบอลและเดาะอีกทีก่อนเอี้ยวตัวหวดตูมเข้าไป อารมณ์ของแฟนบอลเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากด่าทอกลายเป็นโห่ร้องดีใจในเพียงเสี้ยววินาที" 

โลร็องพัฒนาขึ้นมาในตำแหน่งจอมทัพ "หมายเลข 10" ที่ยิงประตูโดดเด่น แต่ไม่เคยได้โอกาสในทีมชุดใหญ่ เขาเลือกย้ายไปเลบันเต้และเรอัล มายอร์ก้า จากนั้น โธมัส เอ็นโคโน่ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติแคเมอรูน ซึ่งประทับใจในฝีเท้าของดาวรุ่งรายนี้อยู่แล้ว รู้ว่า โลร็อง เกิดที่ใดจึงได้ชักชวนมาเล่นให้ทัพหมอผี

โลร็อง ถือพาสสปอร์ตสเปนและมองตัวเองว่าเป็นเซบียาโน่จนกระทั่งปัจจุบัน แต่ในตอนนั้นเขายังเล่นในระดับลีกรองและคงเป็นเรื่องยากหากคิดฝันติดธงกระทิงดุ ท้ายที่สุดเขาตอบรับคำชวนของเอ็นโคโน่

"ผมเป็นคนผิวสี มีสายเลือดแอฟริกัน แต่ไม่รู้เรื่องแอฟริกาเลย ในตอนแรกผมรู้สึกช็อก ผมไปที่นั่นโดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแคเมอรูน และก็ไม่รู้ภาษา"

โลร็อง ได้เพื่อนร่วมห้องเป็นหัวหอกรุ่นน้องวัย 17 ปีที่เขาอธิบายว่า "เป็นคนยอดเยี่ยม ใจกว้าง และพูดในสิ่งที่คิดเสมอ" นอกจากนี้ยังพูดสเปนได้ด้วย


จากมิดฟิลด์เปลี่ยนมาเป็นแบ็กขวาผู้แข็งแกร่ง

เพื่อนใหม่ของ โลร็อง คือ ซามูแอล เอโต้ ที่ในเวลาต่อมาได้เล่นด้วยกันในทีมเรอัล มายอร์ก้า 

"เมื่อคุณต้องเดินทางจากยุโรปไปแอฟริกา หลายสิ่งไม่ได้เรียบง่าย แต่ทว่าลงเอยด้วยดี และเรามีทีมที่ยอดเยี่ยม"

แคเมอรูนชุดนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ได้แชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2 สมัยติดในปี 2000 และ 2002 รวมไปถึงเหรียญทองโอลิมปิก เกมส์ที่ซิดนี่ย์ปี 2000 

ในรอบชิงฯ เหรียญทองกับสเปนซึ่งเต็มไปด้วยผู้เล่นฝีเท้าดีมากมายทั้ง การ์เลส ปูโยล, ชาบี เอร์นานเดซ, การ์ลอส มาร์เชน่า, ดาบิด อัลเบลด้า และ โฆเซ่ มารี ฯลฯ โลร็อง ยอมรับว่ารู้สึก "แปลก" และ "ไม่ชอบ" ลงเจอกับ "เพื่อนร่วมชาติ" (โลร็อง ใช้คำว่า “my people” แต่ขอแปลว่า เพื่อนร่วมชาติ น่าจะสื่อความหมายได้เหมาะสุดเพราะเจ้าตัวโตที่สเปนจนรู้สึกว่าเป็นคนสเปน) เขาได้เหรียญทองคล้องคอแต่สวมเสื้อทีมชาติสเปนของ มาร์เชน่า ที่แลกเก็บไว้หลังจบเกม

ในตอนนั้น โลร็อง ประเดิมสนามให้อาร์เซน่อลแล้วหลังย้ายมาในช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ และทำประตูแรกในนัดเจอลิเวอร์พูลอีก 2 วันถัดมา 

แข้งเชื้อสายแอฟริกันได้เล่นในตำแหน่งกองกลางอย่างเคย แต่ในช่วงแรกมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้งและหลุดเป็นสำรองส่วนใหญ่ จากนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ จึงปรับให้เล่นตำแหน่งขวาแทนที่ ลี ดิ๊กซั่น ที่เริ่มโรยรา รวมถึง โอเล็กซ์ ลุซนี่ ที่ขาดความสม่ำเสมอ

การเปลี่ยนมาเล่นตำแหน่งฟูลแบ็กทำให้ยิงเพิ่มได้อีกเพียง 10 ประตู แต่ก็ได้ลงเล่นให้สโมสรมากกว่า 240 นัด 

"ผมสามารถตอบได้ว่า 'ไม่ครับ เจ้านาย ผมต้องการเล่นในตำแหน่งของตัวเอง' ซึ่งเขาก็คงตอบว่า 'ได้เลย นายเล่นตำแหน่งของนาย - เหมือนกับอีก 4-5 คน' หากว่าคุณเปิดปากไม่พอใจ คุณก็ต้องนั่งสำรองหรือไม่ก็แกร่วอยู่บ้านไป คุณต้องฉลาดในเรื่องนี้ และผมก็ต้องการลงเล่น

"แพท ไรซ์ สอนผม เขาคือคนที่คอยตะโกนสั่ง มันไม่ง่ายเลย มีการเปลี่ยนผ่านจากยุค จอร์จ เกรแฮม ซึ่งเล่นในสไตล์รับสุดตัว อาร์แซน เวนเกอร์ รักษาความเหนียวแน่นตรงนี้ไว้และเพิ่มสปีดความเร็ว การครองบอล และวิธีการเล่นโต้กลับ"

"เรายืนตำแหน่งสูงขึ้น เป็นแบ็กโฟร์ที่อยู่เกือบแดนกลางซึ่งจุดอ่อนคือโดนโจมตีได้ง่าย คุณเล่นให้เวนเกอร์ไม่ได้หรอกหากไม่มีความเร็ว เขาอยากให้มีกองกลางในตำแหน่งกองหลังเพื่อคอยจ่ายบอล"


ไล่ล่าความสำเร็จมากมายกับอาร์เซน่อล

เวนเกอร์หนุนหลังผมและต้องการให้ผมได้เล่น สำหรับเขา สิ่งสำคัญสุดคือการเลือกจ่ายบอลให้ถูกต้อง ฟูลแบ็กจำเป็นต้องมี1, 2, 3 หรือ 4 ทางเลือกเพื่อตัดสินใจเลือกทางเดียวที่ดีที่สุด ถ้าคุณต้องการฟุตบอลเกมรุกรวดเร็ว คุณก็ต้องมีนักเตะที่เหมาะสม"

โชคดีที่อาร์เซน่อลมีนักเตะเหล่านี้ และยังมีอย่างอื่นขับเคลื่อนให้ทีมไม่แพ้ใครในฤดูกาล 2003/04 โลร็อง บอกว่าบางสิ่งก็จับต้องไม่ได้ "พาสชั่นที่เราแสดงออกมานั้นสุดๆ เธียร์รี่ อองรี คือนักเตะที่ดีที่สุด พรสวรรค์เต็มเปี่ยมและต้องการชนะในทุกอย่าง ไม่เว้นกระทั่งเล่นไพ่บนรถบัส!!!"

"ผมเลือก ปาทริค วิเอร่า ด้วย ถ้าคุณเห็นเขาซ้อมคงคิดว่าไม่ใช่ในระดับดีที่สุดที่เคยเป็น แต่ในการแข่งขันจริง เขาสุดยอดเลย สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ปาทริค สุดยอดมาก กัปตันทีมต้องแบบนี้ เขาเผชิญหน้ากับทุกสิ่งแต่ด้วยท่าทียอดเยี่ยม แข็งกร้าวแต่มีแบบฉบับตัวเอง หากว่าคุณต้องเลือกสักคนเข้าสู่ทีมอาร์เซน่อลตอนนี้ ก็ควรต้องเป็นเขา"  

"จริงๆ แล้วก็ทุกคน" โลร็อง เล่าต่อพร้อมยกมือกำหมัดแบบ มาร์ติน คีโอว์น "มาร์ติน เกลียดความพ่ายแพ้ ผมเองไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องพูด คนอื่นก็คอยฟัง (โซล) แคมป์เบล ก็แบบเดียวกันเช่นเดียวกับ (เยนส์) เลห์มัน - คืออย่าให้ได้จุดชนวนเชียว อย่างเลห์มันเนี่ย สามารถทะเลาะกับตัวเองในกระจกได้เลย เหลือเชื่อมาก แคแรกเตอร์โดดเด่นจริงๆ"

"แอชลี่ย์ โคล ก็ไม่ใช่คนพูดมากแต่มีแคแรกเตอร์แบบนั้น ลุงเบิร์กก็ด้วย เดนนิส (เบิร์กแคมป์) เป็นคนเงียบๆ เขาดูเยือกเย็นเพราะไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมา แต่สิ่งเหล่านี้มีอยู่ข้างใน เช่นเดียวกับ คานู พวกเขาต้องการเป็นผู้ชนะ มีความมุ่งมั่นสูง"

"ตอนที่เราแพ้จนได้ (ฤดูกาลต่อมาหลังทำสถิติ 49 นัด) ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดซึ่งพวกเขาทำฟาวล์เราอย่างหนัก ผู้ตัดสินห่วยแตกมาก ทุกอย่างเป็นใจให้ยูไนเต็ดทั้งหมด รวมถึงจุดโทษที่ แคมป์เบลล์ ทำฟาวล์ รูนี่ย์ ซึ่งไม่ใช่เลย เราเจ็บปวดแต่สถิติที่เราทำก็สุดยอด และหลายสิ่งเป็นเพราะความจริงที่ว่าเราไม่เคยกังวลว่าต้องทำให้ได้ มันจึงไม่เคยรบกวนจิตใจแต่อย่างใด คนเดียวที่ใสใจคือ เวนเกอร์ เรามีผู้เล่นที่ดี แคแรกเตอร์ทุกคนก็ยอดเยี่ยม"

ก่อนถูกปล่อยตัวออกไปในปี 2006 อดีตแบ็กจอมแกร่งเชื่อว่าตัวเองสามารถเล่นให้กับทีมได้อีกสามหรือสี่ปี แต่ก็ยืนยันว่าอย่างน้อยเวนเกอร์ก็บอกถึงแผนการสร้างทีมกับเขาตรงๆ 

โลร็อง ย้ายไปร่วมทีมพอร์ทสมัธ และได้แชมป์เอฟเอ คัพในปี 2008 แต่อดีตแข้งเรอัล มายอร์ก้าไม่ได้เล่นในรอบชิงชนะเลิศ ก่อนยอมรับว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว 

"ผมไม่ได้ไปที่นั่นด้วยสภาพจิตใจที่ดีที่สุด ผมรู้ว่าต้องรักษาระดับการเล่นเอาไว้ แต่ว่า...." 

"ความมุ่งมั่นมีเต็มที่เสมอ ผมต้องการเล่นในทุกนัด เพื่อนร่วมทีมบอกกับผมเช่นกันว่า 'โลร็อง นายควรพักนะ' แต่ผมปฏิเสธในตอนนั้น การต้องหันหลังให้แชมเปี้ยนส์ ลีกกับอาร์เซน่อลแล้วลงเอยกับพอร์ทสมัธเป็นเรื่องทำใจได้ยาก เมื่อคุณอายุมากขึ้นและแรงจูงใจขาดหายไป คุณก็ไม่ใช่นักเตะคนเดิมอีกแล้ว"


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด