ตื่นจากฝันร้าย
วันนั้นเป็นศึก อาเซียนคัพ รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 หลังเกมแรก ทีมชาติไทย บุกไปเสมอ มาเลเซีย ที่บูกิต จาลิล 0-0
อิรฟาน ซากาเรีย ทำเข้าประตูตัวเองให้ ทีมชาติไทย ออกนำก่อน 1-0 ตั้งแต่ช่วง 20 นาทีแรก ทว่าไม่ถึง 10 นาทีให้หลัง ซยามี ซาฟารี จะมาตีเสมอให้ มาเลเซีย
ครึ่งหลังทัพช้างศึก ออกนำอีกคั้งเป็น 2-1 จาก พรรษา เหมวิบูลย์ หากแต่ นอร์ชารูล ก็มาตามตีเสมอให้พลพรรคเสือเหลือง เป็น 2-2
ถึงตรงนี้ หากผลการแข่งขันจบที่สกอร์ดังกล่าว ทีมชาติไทย จะตกรอบด้วยกฎอเวโกล ต้องบังคับยิงอีก 1 ประตู
เวลาเดินทางมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 3 สรรวัชญ์ เดชมิตร ตักบอลเข้าเขตโทษ หมายจะให้ อดิศักดิ์ โหม่งทำประตู แต่บอลกลับไปถูกมือของ ซยามี ซาฟารี ผู้ตัดสินจากจอร์แดน อัดฮาม มัคฮัดเมห์ เป่าเป็นจุดโทษทันที
บรรยากาศในสนามราชมังคลากีฬาสถาน เต็มไปด้วยเสียงแหกปากสะใจจากแฟนบอล ขณะที่ผู้เล่นมาเลเซีย ล้มตัวทรุดลงกับพื้นหญ้าประหนึ่งถอดใจว่า “มันจบแล้ว”
อดิศักดิ์ ถือบอลมาตั้งด้วยความมั่นใจ เขาเชื่อว่าจะส่งมันเข้าสู่ตาข่าย พร้อมตีตั๋วให้ไทยเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในนาทีสุดท้าย
AK9 วิ่งมาเตรียมยิง ซึ่งจังหวะนั้น ฟาริซอล มาร์ลิอัส นายด่านมาเลเซีย ทิ้งน้ำหนักขาไปทางซ้ายมือตัวเองล่วงหน้า ตั้งแต่ที่ อดิศักดิ์ ยังไม่ลั่นไกแล้ว เขาแค่ยิงไปในทิศทางตรงข้ามก็เป็นอันจบ หากแต่เมื่อบอลออกจากเท้า อดิศักดิ์ กลับข้ามคานออกไปอย่างเหลือเชื่อ
เสียงเชียร์แฟนบอลไทยในสนามเงียบสนิท สวนทางกับกลุ่ม “อุลตร้ามาลายา” ที่ฟื้นมาแหกปากสะใจสุดขีด ทีมชาติไทย จบเส้นทางที่รอบตัดเชือก
จบเกมคืนนั้น อดิศักดิ์ กลายเป็นเป้าสำหรับแฟนบอลคีย์บอร์ดไลเซนส์ทันที
เขาถูกก่นด่าไม่หยุด แฟนบอลหลายคนตั้งคำถาม ในสนามไม่มีคนที่สามารถยิงได้ดีกว่าเขาแล้วหรือ ?
………………………….
4 ปีล่วงผ่าน แม้โลกฟุตบอลจะหมุนต่อไป แต่ภาพคืนนั้นยังหลอนอยู่ในหัวของ อดิศักดิ์ ไม่เคยจางหาย
บวกกับในวัย 31 อดิศักดิ์ ไม่ใช่แกนหลักของสโมสร และทีมชาติไทย อีกแล้วในช่วงหลัง ฉากชีวิตของเขา จึงเหมือนมีปมในใจคืนนั้นผูกติดไว้ตลอด
หากแต่ มาโน โพลกิง ยังมองเห็นความเป็นเพชฌาตในตัว “กอล์ฟ” และเรียกเขาเข้ามาติดทีมชุดลุย อาเซียนคัพหนนี้ จนโคจรมาเจอกับ มาเลเซีย อีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2
เขาถูกจับเป็นตัวสำรอง และได้โอกาสลงสนามในครึ่งหลังแทนที่ ธีรศิลป์ แดงดา
จนถึงนาทีที่ 70 บอลจาก วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ที่จ่ายให้ สารัช อยู่เย็น ทิ่มให้ เอกนิษฐ์ ปัญญา ปาดออกขวาที่ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ที่ตบเข้าเขตโทษแบบไม่จับ อดิศักดิ์ วิ่งสอดมาสไลด์ยิงตามน้ำบอลไปชนเสาจังหวะแรก แต่เขายังเร็วพอที่จะลุกขึ้นมายิงซ้ำ ตอกฝาโลงมาเลเซียเป็น 3-0
วินาทีนั้นเหมือน “กอล์ฟ” ตื่นจากฝันร้าย เพื่อนร่วมทีมตัวสำรองที่วอร์มอยู่หลังประตู ต่างวิ่งมาสะใจกับเขา เพราะรู้ดีว่านี่คือการปลดล็อกจากเรื่องเศร้าเมื่อ 4 ปีก่อน
อดิศักดิ์ ปล่อยลำแสง ท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา พร้อมวิ่งไปแหกปากดีใจอยู่มุมธง เสมือนการสลัดภาพไม่น่าจดจำ 4 ปีที่แล้วให้ออกไปจากสมองทั้งหมด
ครั้งหนึ่ง อดิศักดิ์ เคยเผยกับสื่อต่างประเทศว่า จุดโทษ 4 ปีที่แล้วตามหลอนเขาไปทั่ว แม้แต่นอกสนามฟุตบอล ที่เขาไปพักผ่อนริมทะเลภาคใต้ ยังเจอนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ตามมาเยาะเย้ยตัวเขา
วันนั้นเขาเป็นผู้ส่ง มาเลเซีย เข้าไปชิงชนะเลิศกับ เวียดนาม
วันนี้เขามีส่วนร่วมเขี่ย มาเลเซีย ตกรอบ และพาไทยผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ เวียดนาม
และมันจะสะใจมากกว่าเดิม หากเขามีส่วนช่วยให้ ทีมชาติไทย ไล่ตบ เวียดนาม คว้าแชมป์สมัยที่ 7 ในหนนี้