:::     :::

ตื่นจากฝันร้าย

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2566 คอลัมน์ ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า โดย ดากานดา
833
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
5 ธันวาคม 2018 คือคืนที่ อดิศักดิ์ ไกรษร อยู่กับภาพหลอกหลอน จนนอนไม่หลับ

วันนั้นเป็นศึก อาเซียนคัพ รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 หลังเกมแรก ทีมชาติไทย บุกไปเสมอ มาเลเซีย ที่บูกิต จาลิล 0-0

อิรฟาน ซากาเรีย ทำเข้าประตูตัวเองให้ ทีมชาติไทย ออกนำก่อน 1-0 ตั้งแต่ช่วง 20 นาทีแรก ทว่าไม่ถึง 10 นาทีให้หลัง ซยามี ซาฟารี จะมาตีเสมอให้ มาเลเซีย

ครึ่งหลังทัพช้างศึก ออกนำอีกคั้งเป็น 2-1 จาก พรรษา เหมวิบูลย์ หากแต่ นอร์ชารูล ก็มาตามตีเสมอให้พลพรรคเสือเหลือง เป็น 2-2

ถึงตรงนี้ หากผลการแข่งขันจบที่สกอร์ดังกล่าว ทีมชาติไทย จะตกรอบด้วยกฎอเวโกล ต้องบังคับยิงอีก 1 ประตู  

เวลาเดินทางมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 3 สรรวัชญ์ เดชมิตร ตักบอลเข้าเขตโทษ หมายจะให้ อดิศักดิ์ โหม่งทำประตู แต่บอลกลับไปถูกมือของ ซยามี ซาฟารี ผู้ตัดสินจากจอร์แดน อัดฮาม มัคฮัดเมห์ เป่าเป็นจุดโทษทันที

บรรยากาศในสนามราชมังคลากีฬาสถาน เต็มไปด้วยเสียงแหกปากสะใจจากแฟนบอล ขณะที่ผู้เล่นมาเลเซีย ล้มตัวทรุดลงกับพื้นหญ้าประหนึ่งถอดใจว่า “มันจบแล้ว”




อดิศักดิ์ ถือบอลมาตั้งด้วยความมั่นใจ เขาเชื่อว่าจะส่งมันเข้าสู่ตาข่าย พร้อมตีตั๋วให้ไทยเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในนาทีสุดท้าย

AK9 วิ่งมาเตรียมยิง ซึ่งจังหวะนั้น ฟาริซอล มาร์ลิอัส นายด่านมาเลเซีย ทิ้งน้ำหนักขาไปทางซ้ายมือตัวเองล่วงหน้า ตั้งแต่ที่ อดิศักดิ์ ยังไม่ลั่นไกแล้ว เขาแค่ยิงไปในทิศทางตรงข้ามก็เป็นอันจบ หากแต่เมื่อบอลออกจากเท้า อดิศักดิ์ กลับข้ามคานออกไปอย่างเหลือเชื่อ

เสียงเชียร์แฟนบอลไทยในสนามเงียบสนิท สวนทางกับกลุ่ม “อุลตร้ามาลายา” ที่ฟื้นมาแหกปากสะใจสุดขีด ทีมชาติไทย จบเส้นทางที่รอบตัดเชือก

จบเกมคืนนั้น อดิศักดิ์ กลายเป็นเป้าสำหรับแฟนบอลคีย์บอร์ดไลเซนส์ทันที

เขาถูกก่นด่าไม่หยุด แฟนบอลหลายคนตั้งคำถาม ในสนามไม่มีคนที่สามารถยิงได้ดีกว่าเขาแล้วหรือ ?


………………………….

 

4 ปีล่วงผ่าน แม้โลกฟุตบอลจะหมุนต่อไป แต่ภาพคืนนั้นยังหลอนอยู่ในหัวของ อดิศักดิ์ ไม่เคยจางหาย

บวกกับในวัย 31 อดิศักดิ์ ไม่ใช่แกนหลักของสโมสร และทีมชาติไทย อีกแล้วในช่วงหลัง ฉากชีวิตของเขา จึงเหมือนมีปมในใจคืนนั้นผูกติดไว้ตลอด

หากแต่ มาโน โพลกิง ยังมองเห็นความเป็นเพชฌาตในตัว “กอล์ฟ” และเรียกเขาเข้ามาติดทีมชุดลุย อาเซียนคัพหนนี้ จนโคจรมาเจอกับ มาเลเซีย อีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2

เขาถูกจับเป็นตัวสำรอง และได้โอกาสลงสนามในครึ่งหลังแทนที่ ธีรศิลป์ แดงดา




จนถึงนาทีที่ 70 บอลจาก วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ที่จ่ายให้ สารัช อยู่เย็น ทิ่มให้ เอกนิษฐ์ ปัญญา ปาดออกขวาที่ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ที่ตบเข้าเขตโทษแบบไม่จับ อดิศักดิ์ วิ่งสอดมาสไลด์ยิงตามน้ำบอลไปชนเสาจังหวะแรก แต่เขายังเร็วพอที่จะลุกขึ้นมายิงซ้ำ ตอกฝาโลงมาเลเซียเป็น 3-0

วินาทีนั้นเหมือน “กอล์ฟ” ตื่นจากฝันร้าย เพื่อนร่วมทีมตัวสำรองที่วอร์มอยู่หลังประตู ต่างวิ่งมาสะใจกับเขา เพราะรู้ดีว่านี่คือการปลดล็อกจากเรื่องเศร้าเมื่อ 4 ปีก่อน

อดิศักดิ์ ปล่อยลำแสง ท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา พร้อมวิ่งไปแหกปากดีใจอยู่มุมธง เสมือนการสลัดภาพไม่น่าจดจำ 4 ปีที่แล้วให้ออกไปจากสมองทั้งหมด

ครั้งหนึ่ง อดิศักดิ์ เคยเผยกับสื่อต่างประเทศว่า จุดโทษ 4 ปีที่แล้วตามหลอนเขาไปทั่ว แม้แต่นอกสนามฟุตบอล ที่เขาไปพักผ่อนริมทะเลภาคใต้ ยังเจอนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ตามมาเยาะเย้ยตัวเขา

วันนั้นเขาเป็นผู้ส่ง มาเลเซีย เข้าไปชิงชนะเลิศกับ เวียดนาม

วันนี้เขามีส่วนร่วมเขี่ย มาเลเซีย ตกรอบ และพาไทยผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ เวียดนาม

และมันจะสะใจมากกว่าเดิม หากเขามีส่วนช่วยให้ ทีมชาติไทย ไล่ตบ เวียดนาม คว้าแชมป์สมัยที่ 7 ในหนนี้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด