:::     :::

โลดแล่นบนผืนหญ้ากับ "อัชราฟ ฮาคิมี่"

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,452
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถือเป็นนักเตะอีกหนึ่งคน

ที่สามารถโชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่น ในนามทีมชาติโมร็อคโก เมื่อพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ จบอันดับ 4 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ถือเป็นทีมจากแอฟริกา ทีมแรกที่สามารถทำได้ 


แน่นอนว่า กว่าที่ฮาคิมี่ จะก้าวมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับสโมสรระดับโลก และรับใช้ทีมชาติโมร็อคโก เขาต้องผ่านแบบทดสอบมาอย่างมากมาย ชนิดที่ต้องถวายหยาดเหงื่อ และแรงกายด้วย เราลองไปติดตามชีวิตบางส่วนของเขากัน 

ย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 1998 อัชราฟ ฮาคิมี่ ลืมตาดูโลกที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ก่อนหน้านี้ พ่อ และแม่ของเขา อพยพมาจากโมร็อคโก แบบถูกกฎหมาย


พรสวรรค์ฟุตบอลของเขายอดเยี่ยมมากโดยรับคัดเลือกเข้าระบบเยาวชนของเรอัล มาดริด ด้วยวัยเพียง 7 ขวบ 


แม้จะมีตั๋วฟรีของเรอัล มาดริด แต่เขากลับเป็นแฟนบอลตัวยงของเกตาเฟ่ ซึ่งเป็นทีมท้องถิ่นของตัวเอง แรงบันดาลใจวัยเด็ก ผ่านไอดอลที่มีชื่อว่าอับเดลลาซิซ บาร์ราด้าปีกทีมชาติโมร็อคโก ที่เคยเล่นกับทีมชุดใหญ่ของเกตาเฟ่


เส้นทางลูกหนังของฮาคิมี่ เต็มไปด้วยความแตกต่างเรื่องเชื้อชาติ โดยช่วงปี 2015 เขาเคยประสบปัญหา ถูกห้ามไม่ให้เล่นกับทีมเยาวชนของเรอัล มาดริด กาสติย่า เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (หรือฟีฟ่า) เข้าใจผิดว่า เขาเป็นหนึ่งในนักเตะเยาวชนต่างชาติ ที่ละเมิดเรื่องการถ่ายโอนข้ามพรมแดน

ผลสุดท้าย ฮาคิมี่ ยังคงทำผลงานกับเรอัล มาดริด รุ่นยู-18 ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ เขายังเคยถูกสมาคมฟุตบอลสเปน เรียกตัวไปฝึกซ้อมกับทัพกระทิงดุรุ่นยู-19 ช่วงเวลาเดียวกับที่พ่อของเขา ทำงานอยู่ที่แผงลอยในตลาดข้างถนน


ผมซ้อมกับทีมชาติสเปน รุ่นเยาวชน ประมาณ 2-3 วัน สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่ามันไม่ใช่ที่ของผมเขาเริ่มเล่าไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน โดยเป็นสิ่งที่ผมแค่รู้สึก ผมเติบโตมากับวัฒนธรรมอาหรับ ในแบบฉบับของชาวโมร็อคโก ผมอยากอยู่ที่นี่มากกว่า


กระทั่งอายุ 17 ปี สมาคมฟุตบอลโมร็อคโก ติดต่อมาหา แน่นอนว่า ฮาคิมี่ ไม่ลังเลที่จะตอบตกลง เพื่อเล่นให้กับบ้านเกิดของบรรพบุรุษ แม้ต้องแลกมาด้วยความสำเร็จมากมายที่รออยู่กับทีมชาติสเปน โดยปี 2016 เขาก็ก้าวมาเล่นทีมชาติชุดใหญ่


ปี 2017 เขามีโอกาสก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่ของเรอัล มาดริด อย่างไรก็ตาม เขายังประสบปัญหาเรื่องเชื้อชาติ เพราะชื่อ, นามสกุล และตัวตนของเขา มีความเป็นโมร็อคโก ผสมอยู่อย่างเห็นได้ชัด


แม้ผมจะมีบัตรประชาชนของสเปน รวมถึงหนังสือเดินทางของที่นี่ กระนั้น มันยังไม่สำคัญสำหรับคนอื่น พวกเขาเห็นชื่อผมเป็นภาษาอาหรับ และเห็นโครงใบหน้าแบบชาวโมร็อคโก พวกเขากำลังเหยียดเชื้อชาติโดยไม่รู้ตัว ผมสังเกตเห็นสิ่งเหล่านั้น ซึ่งทุกวันนี้ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่


ผมสามารถออกจากสนามซานติอาโก้ เบอนาเบว ด้วยรถยนต์สวยๆ สวมหมวก และออกไปกินข้าวกับผองเพื่อน ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถหยุดคุณได้ พวกเขาคิดว่าพวกเราปล้นรถยนต์คันนั้นมา ผมเข้าใจมันได้นะ มันมักเกิดขึ้นกับคนแบบผม หรือคนต่างถิ่น พวกตำรวจไม่ค่อยหยุดคนสเปน ที่มีผิวขาว

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ศึกฟุตบอลโลก 2022 ฮาคิมี่ สามารถขีดเขียนหน้าประวัติศาสตร์ ด้วยการพาทีมชาติโมร็อคโก ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรก เขาภาคภูมิใจ ในการเล่นให้กับทัพสิงโตแห่งแอตลาสโดยบอกว่าเหมือนกับว่า คุณกำลังเล่นเพื่อบรรพบุรุษ คุณกำลังเล่นให้กับชาวโมร็อคโก หลายล้านคน


ปัจจุบัน เขาเป็นนักเตะค่าตัวแพง และได้รับค่าเหนื่อยอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม เขายังระลึกถึงภูมิหลังของตัวเองอยู่เสมอ การเล่นให้กับทีมชาติโมร็อคโก ทำให้เขามีโอกาสออกไปแข่งขันที่ประเทศที่เต็มไปด้วยปัญหาทางสังคม และการเมือง ไม่ว่าจะเป็นมาลี, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง, มอริเตเนีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก


ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผมมาจากอีกหนึ่งทวีป นั่นคือแอฟริกา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือโลกที่ 3 การรับใช้ทีมชาติโมร็อคโก ทำให้ผมได้ออกเดินทางไปหลายประเทศ"


"คุณรู้ดีว่าชีวิตที่นั่นเป็นอย่างไร คุณเห็นพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน พวกเขาพยายามออกจากที่ตรงนั้น เพื่อหนีไปหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นแรงผลักดันให้ผมลุกขึ้นสู้ต่อไปฮาคิมี่ ทิ้งท้าย 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด