จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นก่อนกลับมาลงฟาดแข้งในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2022-2023 หลังฉายแววเด่นบนเวทีฟุตบอลโลก 2022 

เบลลิงแฮม เปล่งประกายกับทัพ 'ทรีไลออนส์' ที่ผ่านมาเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ เขาออกสตาร์ททุกเกมและทำประตูแรกของตนเองกับทีมชาติอังกฤษ ก่อนจะโบกมือลาทัวร์นาเมนต์หลังการปราชัยต่อรองแชมป์ ฝรั่งเศส 

แข้งหนุ่มวัย 19 ปี ยังลงสนามทุกนาทีตลอด 15 เกมบนเวทีบุนเดสลีกากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก่อนจะเดินทางไปเล่นกับทัพสิงโตคำราม และหลังจากได้พักชาร์จแบตประมาณ 3 สัปดาห์ที่บ้านเกิดของเขาในเมืองเบอร์มิงแฮม ตอนนี้หนุ่มจูดพร้อมกลับมาลุยต่อแล้ว 

'ผมแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะกลับมาเล่นในบุนเดสลีกา' เบลลิงแฮม กล่าว ก่อน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะเปิดบ้านรับมือ เอาก์สบวร์ก ในวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคมนี้สำหรับแมตช์เดย์ที่ 16 ของ เบเฟาเบ 

'มันยากจริงๆ เมื่อลีกอื่นๆกำลังเล่นอยู่ตอนนี้ และคุุณดูมันทางทีวีและคิดว่า ผมรอไม่ไหวแล้ว หลังจากฟุตบอลโลก ผมคิดว่าผมเหนื่อยทั้งกายและใจ ผมพูดกับตัวเองว่าผมต้องการความสงบและความเงียบสักพัก ประมาณ 2 สัปดาห์ถัดมา ผมได้แต่คิดว่า 'ไม่, ไม่, ผมต้องกลับไปและทำงานอีกครั้ง''

ปัจจุบัน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่อันดับ 6 ของบุนเดสลีกาโดยอยู่ห่างจากท็อปโฟร์ 2 คะแนน และผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์รายการแชมเปี้ยนส์ลีกฐานะรองแชมป์กลุ่มต่อจาก แมนฯซิตี้ ของอังกฤษ แต่ทีมเสือเหลืองมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงลีกเมืองเบียร์ บาเยิร์น มิวนิค ถึง 9 แต้ม ก่อนลงเล่น 18 เกมสุดท้ายของซีซั่น

ทีมของ เอดิน แทร์ซิช พ่ายสองเกมติดต่อ โวล์ฟสบวร์ก และ มึนเช่นกลัดบัค ก่อนพักช่วงฟุตบอลโลกทำให้ทีมเสือเหลืองรูดมาอยู่อันดับ 6 ซึ่ง เบลลิงแฮม ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังกับผลงานดังกล่าว เนื่องจากต้นสังกัดยังแสดงให้เห็นถึงการขาดความสม่ำเสมอ 

'ในบุนเดสลีกา มันค่อนข้างน่าผิดหวัง เพราะผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่เราขาดไปก็คือความสม่ำเสมอ เราแสดงให้เห็นว่าเราสามารถเอาชนะใครก็ได้ แต่ในขณะเดียวกันเราสามารถแพ้ใครก็ได้เช่นกัน ซึ่งน่าผิดหวังจริงๆ'

'ด้วยคุณภาพที่เรามีก็ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เราควรจะมั่นใจในเกมที่เราสามารถคว้าชัยชนะได้ และนั่นไม่ใช่กรณีนี้ในช่วงแรกของฤดูกาล' เบลลิงแฮม ซึ่งทำไปแล้ว 3 ประตูกับ 2 แอสซิสต์บนเวทีบุนเดสลีกากล่าว

'เราต้องค้นหาความสม่ำเสมอและความสมดุลนั้น แต่มันก็ยากเช่นกัน เพราะเรามีการบาดเจ็บมากมาย ทีมเปลี่ยนแปลงไปมาก นักเตะหลายคนอยู่ที่นั่น และจากนั้นพวกเขาก็บาดเจ็บ ดังนั้นคุณจึงไม่รู้สึกถึงทีมและไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ในสนามได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ'

'มีหลายสิ่งที่คุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการปรับปรุงได้เสมอ คุณสามารถใช้เวลาหลายชั่วโมงหลังจบเกม ผมคิดว่าคุณควรตระหนักถึงสิ่งนั้นในระหว่างเกมเพื่อพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆจากนั้นและที่นั่น'

แม้อายุยังน้อย แต่อิทธิพลของ เบลลิงแฮม ใน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำให้เขาได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมลงสนาม 2 ครั้งในฤดูกาลนี้ เมื่อสองผู้เล่นประสบการณ์ทั้ง มาร์โค รอยส์ กับ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ต่างมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน

'ผมคงจะพูดว่า 'ไม่มีโอกาส! สองปีครึ่งยังเร็วเกินไป บางทีให้เวลาผม 8 ปีหรือมากกว่านั้น'' เบลลิงแฮม ตอบเมื่อถูกถามว่าเขาจะพูดอะไรตอนที่เขาย้ายมาจาก เบอร์มิงแฮม ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทีมเสือเหลืองในเร็วๆนี้ 

'แต่เพื่อนร่วมทีม, โค้ช และสตาฟฟ์ ช่วยให้ผมพัฒนาขึ้นมา ผมมาที่นี่ในฐานะเด็กที่มีพรสวรรค์ แต่ผมได้เพิ่มองค์ประกอบในเกมของผม ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น และผมคิดว่านั่นขึ้นอยู่กับพวกเขาเป็นส่วนใหญ่ ผมใส่งานลงไป แต่พวกเขาสร้างเงื่อนไขเพื่อให้มันเกิดขึ้น พวกเขายังเพิ่มความเป็นผู้นำให้กับเกมของผม โดยเฉพาะในฤดูกาลภายใต้การคุมทีมของ มาร์โก โรเซ่อ'

'ผมแค่เรียนรู้ในแต่ละปี และพยายามใช้ประสบการณ์ที่ผมมีและประสบการณ์ของคนอื่นที่ผมพูดคุยด้วยเพื่อปรับปรุงเกมของผม ผมเหมือนฟองน้ำและดูดซับให้ได้มากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้' 

เบลลิงแฮม ทำไปแล้ว 9 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 22 เกมในฤดูกาลนี้ รวมถึงการกระทุ้ง 4 ประตูใน 5 นัดบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นซีซั่นที่หนุ่มจูดทำผลงานได้ดีสุดในอาชีพของเขา ขณะที่เจ้าตัวสร้างแรงจูงใจให้ตนเองได้รับรู้ถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่เขาได้ทำที่ ซิกนาล อีดูน่า ปาร์ค

'ตอนนี้ผมมีความเด็ดขาดมากขึ้นเมื่อเข้าสู่พื้นที่สามส่วนสุดท้าย ผมคิดเสมอว่าเมื่อผมอยู่ในสนามไม่ว่าจะเป็นประตูหรือแอสซิสต์ ผมสามารถมีอิทธิพลต่อเกมได้ วิธีการเล่นของผม, ประตูของผมคือการมีประสิทธิภาพโดยปราศจากสิ่งเหล่านั้น แต่เมื่อคุณเพิ่มสิ่งนั้นเข้าไป มันจะมีค่ามากขึ้นสำหรับทีมและส่งผลต่อทีม นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก'

'ผมไม่สนใจมากนักเกี่ยวกับการเป็นนักเตะที่ถูกตัดสินจากตัวเลขเหล่านั้น แต่มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าผมได้เข้าไปในกรอบเขตโทษมากขึ้นเรื่อยๆ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และผมจะบอกว่ามันปรับปรุงทุกอย่างเล็กน้อย'

'อย่างไรก็ตาม ผมยังมีเส้นทางอีกยาวไกล มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากมาย ในการเล่นเกมป้องกัน ผมยังคิดว่าผมสามารถวางตำแหน่งตัวเองได้ดีขึ้นในบางครั้ง ผมสามารถแย่งบอลกลับมาได้มากขึ้น และแม้ว่าตอนนี้ผมจะเริ่มทำประตูได้บ่อยขึ้น แต่ผมยังคิดว่าผมสามารถทำได้ดีกว่านี้อีก' เบลลิงแฮม กล่าว

เบลลิงแฮม ยังเป็นนักเตะที่วิ่งมากสุดอันดับ 4 ของบุนเดสลีกา หลังทำระยะรวมกัน 346.8 กิโลเมตรจากการลงเล่น 15 เกมแรกของซีซั่น มากกว่า คริสเตียน กึนเทอร์ ของ ไฟร์บวร์ก ที่วิ่งรวมกัน 339.1 กิโลเมตร

ส่วน 3 นักเตะที่วิ่งมากกว่า เบลลิงแฮม คือ อันโธนี่ โลซิลล่า ของ โบคุ่ม 349.3 กิโลเมตร, มักซิมิเลียน อาร์โนลด์ ของ โวล์ฟสบวร์ก 355.4 กิโลเมตร และ โยชัว คิมมิค ของ บาเยิร์น มิวนิค 380.5 กิโลเมตร

ด้าน ฟิล โฟเด้น แนวรุกทีมชาติอังกฤษของ แมนฯซิตี้ ยังกล่าวยกย่องเพื่อนร่วมชาติอย่าง เบลลิงแฮม ว่า 'ผมไม่อยากยกย่องเขามากเกินไป เพราะเขาอายุยังน้อย แต่เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีพรสวรรค์มากสุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา'

'เขาไม่มีจุดอ่อนในเกมของเขา ผมคิดว่าเขาจะเป็นมิดฟิลด์ดีที่สุดในโลก'

จากพัฒนาการตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงทัศนคติของมิดฟิลด์วัย 19 ปี มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หวังจะทำเงินสูงถึง 150 ล้านยูโรสำหรับการปล่อย เบลลิงแฮม ออกจากสังกัดในช่วงซัมเมอร์นี้ 

เพียงแต่ เรอัล มาดริด, ลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี้, เชลซี, แมนฯยูไนเต็ด หรือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมใดทีมหนึ่งจะตอบสนองความต้องการของ เบเฟาเบ เท่านั้น