ย่อยที่มาของสโมสรฟุตบอล เบรนท์ฟอร์ด พอสังเขปนะครับ สโมสรที่มีฉายาว่า The Bees หรือผึ้งพิฆาต แห่งนี้อยู่ในลอนดอน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1889 สนามเหย้าเก่าของเขามีชื่อว่า กริฟฟิน ปาร์ค ก่อนจะมีการสร้างสนามใหม่ในชื่อว่า จีเทค คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม ตอนปี 2020 และใช้มาจนปัจจุบัน เบรนท์ฟอร์ด ไม่ใช่ทีมใหญ่ พวกเขาไม่เคยได้โทรฟี่ใหญ่ และเคยตกต่ำขนาดลงไปเล่นในดิวิชั่น 4 มาแล้วตอนปี 1998 อีกทั้งยังล้มลุกคลุกคลานในลีกล่าง ๆ นานหลายปี เคยมีปัญหาด้านการเงินหนัก ๆ จนต้องกู้ยืมจากธนาคารและนักลงทุนหลายครั้ง โดยที่หนึ่งในคนที่เข้ามาช่วยทีมไว้ก็คือ แมทธิว เบนแน่ม นักธุรกิจหนุ่มผู้ร่ำรวยจากการทำงานในแวดวงการเงิน อีกทั้งยังเป็นแฟนบอลทีมนี้ตั้งแต่เด็ก ก่อนจะตัดสินใจเข้าซื้อกิจการและขึ้นนั่งเป็นประธานสโมสรในปี 2012 แมทธิว เบนแน่ม ทำงานเกี่ยวกับการเงินนานถึง 12 ปี อีกทั้งยังเคยมีตำแหน่งระดับบอร์ดบริหารของ Bank of America อีกด้วย และหันมาเอาดีในด้านธุรกิจเสี่ยงโชคแบบถูกกฎหมายในอังกฤษช่วงปี 2001 หลังจากประสบความสำเร็จจนหาเงินได้มากมาย เขาก็มาเปิดบริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะในชื่อ สมาร์ อ็อดส์ โดยมีจุดเด่นคือการวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อมูล สถิติตัวเลข และดาต้าที่รวบรวมเอาไว้มากมาย เมื่อ เบนแน่ม มาซื้อกิจการ เขาใช้สิ่งที่เขาถนัดที่สุดคือเรื่องตัวเลขและสถิติมาปรับใช้ในการบริหารทีม และด้วยความรักทีมนี้มาก เขาผุดไอเดียเก๋ ๆ อย่างการไปซื้อหุ้นของทีม มิดเทิลลันด์ สโมสรจากเดนมาร์กตอนปี 2014 โดยเลือกที่จะนำไอเดียใหม่ ๆ ไปทดลองใช้กับ มิดเทิลลันด์ ก่อน หากว่าเวิร์ค ค่อยนำกลับมาใช้ที่ เบรนท์ฟอร์ด อาจฟังดูไม่เข้าท่า แต่ปรากฏว่านี่คือไอเดียที่ทำออกมาแล้วประสบความสำเร็จเฉยเลยครับ เบนแน่ม พา มิดเทิลลันด์ คว้าแชมป์ลีกได้ถึง 3 ครั้งนับตั้งแต่เข้ามาซื้อทีม และที่ มิดเทิลลันด์ นี่เองที่ทำให้เขารู้จักกับ รามุส อันเคอร์เซ่น อันเคอร์เซ่น เป็นอดีตนักฟุตบอลของ มิดเทิลลันด์ ที่แขวนสตั๊ดเร็วกว่ากำหนดจากอาการบาดเจ็บ จึงต้องหันไปเอาดีด้านงานบริหาร โดยเขาเรียนจบหลักสูตรโค้ช โปร ไลเซ่นส์ และเก่งในด้านตัวเลขกับสถิติเหมือนกับ เบนแน่ม ทั้งคู่ทำงานร่วมกันได้ดีเป็นอย่างมาก สุดท้าย เบนแน่ม จึงนำตัว อันเคอร์เซ่น ให้มารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาร่วมของ เบรนท์ฟอร์ด เพื่อช่วยยกระดับทีมให้ไปจนถึงจุดสูงสุดแบบที่เคยทำได้ในเดนมาร์กมาแล้ว อันเคอร์เซ่น มีหลักการสำคัญคือการใช้เงินให้ฉลาดที่สุด เขามีทีมงานวิเคราะห์สถิติและแมวมองมากมายในมือ อีกทั้งการมีสายสัมพันธ์กับ มิดเทิลลันด์ และเคยอยู่ในเดนมาร์กมานานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราจึงได้เห็นว่า เบรนท์ฟอร์ด มีนักเตะจากดินแดนโคนมมาค้าแข้งที่นี่มากมาย อันเคอร์เซ่น ทำหน้าที่นี้นานกว่า 6 ปี ก่อนจะไปรับงานใหม่ที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ตอนต้นปี 2022 โดยดีลเด็ด ๆ ที่ อันเคอร์เซ่น ปั้นให้ เบรนท์ฟอร์ด ในตลาดซื้อขายก็มี ไอแวน โทนี่ย์ ที่ดึงมาจาก ปีเตอร์โบโร่ หรือในรายของ ไบรอัน เอ็มบูเอโม่ จากลีกฝรั่งเศสในราคา 5.8 ล้านปอนด์ เป็นต้น นอกจากนั้น เขายังเป็นหนึ่งในคนที่สนับสนุนในการผลักดัน โทมัส แฟรงค์ ให้ขึ้นมาเป็นกุนซือของทีมหลังจากที่ ดีน สมิธ ไปคุม แอสตัน วิลล่า ในปี 2018 โทมัส แฟรงค์ ถือว่าเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ เบรนท์ฟอร์ด ตามหามานาน วิสัยทัศน์ในการทำทีมของกุนซือชาวเยอรมันรายนี้ยอดเยี่ยม เขานิยมฟุตบอลเกมรุก ปรับเปลี่ยนระบบและทดลองมาหลากหลายจาก 3-4-3 มาเป็น 4-3-3 เพื่อให้เหมาะกับทีมมาก ก่อนที่จะค้นพบว่าระบบที่ลงตัวที่สุดคือ 3-5-2 พาทีมเลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก และจบอันดับ 13 ในปีแรก ก่อนที่ปีนี้จะรั้งอันดับ 8 ในตารางคะแนน เป็นทีมที่แพ้ยาก ครองบอลดี เพรสซิ่งดุดัน เกมรุกเกมรับสมดุล ต่อกรกับทีมใหญ่ได้สูสี ล้มทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้ว แถมยังชนะได้ทั้ง เวสต์แฮม กับ ลิเวอร์พูล อีกต่างหาก นอกจากนี้ยังยันเสมอกับ สเปอร์ และ เชลซี ได้อย่างยอดเยี่ยม เบรนท์ฟอร์ด มีนักเตะเดนมาร์กในทีม 5 คน มีกุนซือและมือขวาเป็นเดนมาร์ก เรียกได้ว่าใช้ทรัพยากรจากแดนโคนมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้ ซึ่งการที่ คริสเตียน อีริกเซ่น ย้ายมาร่วมทัพในปีก่อน นี่คือเหตุผลนึงที่ทำให้เขายอมมาร่วมทัพ และเป็นสตาร์ระดับโลกรายเดียวที่เคยเล่นให้ทีม อย่าง เบรนท์ฟอร์ด เบรนท์ฟอร์ด กำลังไปได้สวยในแนวทางการทำทีมแบบนี้ สายสัมพันธ์เดนมาร์กกับทีมนี้คือสิ่งที่กลมเกลียวและช่วยผลักดันทีมให้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ชนิดที่เป็นอีกแนวทางการทำทีมที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
