มารีโอ เกิตเซ่ มิดฟิลด์วัย 30 ปีเคยคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 3 สมัยระหว่างค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงปี 2013-2016 ระหว่างนั้นเขายังจารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเยอรมนีด้วยการทำประตูชัยดับ อาร์เจนตินา ในช่วงต่อเวลาพิเศษของนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2014 ด้วย

ก่อน เกิตเซ่ จะกลับมาเยือนสังเวียน 'อัลลีอันซ์ อาเรน่า' ในฐานะนักเตะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต โดยนำทีมอินทรีแดง-ดำบุกมาแบ่งแต้มกับทัพเสือใต้ด้วยสกอร์ 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 

'ตอนที่ผมย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มา บาเยิร์น ผมอายุเพียง 21 ปี และแน่นอนว่ามันสร้างความตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อมองย้อนกลับไป ผมควรจะอยู่กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ (ที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) ให้นานกว่านี้ แต่แน่นอนว่าการไป บาเยิร์น ไม่ใช่เรื่องผิด' เกิตเซ่ กล่าวกับ อัลเกมีน ดักบลัด หนังสือพิมพ์ดัตช์เกี่ยวกับการตัดสินใจของเขาในช่วงเวลานั้น 

'ผมต้องการท้าทายตัวเองเพื่อเรียนรู้ปรัชญาของ เป๊ป, กวาร์ดิโอล่า ช่วยให้ผมมองเห็นฟุตบอลจากตำแหน่งต่างๆในสนาม'

เกิตเซ่ มีส่วนร่วมกับการนำ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์บุนเดสลีกาสองสมัยติดต่อกันในซีซั่น 2010–2011 และ 2011–2012 แต่ไม่มีอะไรสามารถโน้มน้าวใจเขาว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะไม่สามารถผลักดันอาชีพของเขาไปอีกระดับ ไม่เว้นแม้แต่แฟนๆของ เบเฟาเบ ที่โกรธเคืองเมื่อข่าวการย้ายสู่มิวนิคถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ หลัง เกิตเซ่ เข้ารับการตรวจร่างกายแบบลับสุดยอดในเมืองเอาก์สบวร์กช่วงเดือนเมษายนปี 2013

'ตอนที่เขาตรวจร่างกายกับเรา ระดับการเตือนภัยสูงสุดก็อยู่เหนือกว่าปกติ' ด็อกเตอร์ ปีเตอร์ โบนิช ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อเข่าเปิดเผย 'เราเปลี่ยนวิธีการและใช้ดุลยพินิจทั้งหมด เราปิดกั้นทุกอย่างที่นี่เป็นเวลา 2 ชั่วโมง'

ฤดูกาลแรกในมิวนิคของ เกิตเซ่ บ่งบอกว่าเขาตัดสินใจถูกต้องแล้ว หลังทำ 10 ประตูจากการลงเล่น 27 เกม เท่ากับผลงานดีสุดของเขากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในซีซั่นก่อนหน้านั้น เกิตเซ่ ยังทำอีก 9 แอสซิสต์ พร้อมนำทีมดังแคว้นบาวาเรียคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกของเขาจากการฟาดแชมป์ลีกเมืองเบียร์ 3 ปีติดต่อกันภายใต้เสื้อสีแดง

มันยังเป็นปีที่ฝังอยู่ในความทรงจำของ เกิตเซ่ หลัง โยอาคิม เลิฟ ส่งลงเล่นฐานะสำรองพร้อมคำพูดให้กำลังใจจากโค้ชว่า 'แสดงให้โลกเห็นว่าคุณเก่งกว่า เมสซี่' ดังก้องอยู่ในหัว ก่อน เกิตเซ่ จะสวมบทฮีโร่พังประตูชัยให้ เยอรมนี สยบ อาร์เจนตินา ในช่วงต่อเวลาพิเศษเถลิงบัลลังก์แชมป์โลกสมัยที่ 4  

นั่นเป็นการพิสูจน์จุดสูงสุดของการกลับมาสู่แคว้นบาวาเรียของ เกิตเซ่ ซึ่งเกิดในเมืองเมมมิงเง้น แต่เขาต้องดิ้นรนต่อสู้ใน 2 ฤดูกาลถัดมาเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของ บาเยิร์น มิวนิค และความคาดหวังที่เกินความจริงอย่างที่เขาสร้างไว้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

'เมื่อคุณกำหนดมาตรฐานแบบนั้นแล้ว จะไม่มีอะไรอยู่ข้างล่างมันเลย' เกิตเซ่ กล่าว 'ไม่มีอะไรอยู่ข้างใต้ แต่มันไม่ดี'

ฤดูกาล 2014-2015 ของ เกิตเซ่ เริ่มต้นอย่างมีความหวัง แต่ก็จบลงอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น เขาทำ 7 ประตูกับ 2 แอสซิสต์จากการลงเล่น 9 เกมก่อนเดือนธันวาคม แต่ทำเพิ่มเพียง 2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์หลังจากนั้น ซึ่งเป็นฟอร์มการเล่นที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ แม้ว่าจะได้รับความเชื่อมั่นจาก กวาร์ดิโอล่า ก็ตาม

'ปัญหาคืออะไร? มารีโอ เป็นมือโปรดีที่สุดที่ผมรู้จัก เขาเล่นให้ผมเยอะมากในฤดูกาลนี้ ไม่มีปัญหาอะไร' กวาร์ดิโอล่า กล่าวถึง เกิตเซ่ ที่ออกสตาร์ท 28 จากการลงเล่น 32 เกมบนเวทีบุนเดสลีกาซีซั่น 2014-2015

'ผมบ่นอะไรไม่ได้ ผมมีความสุขกับฟอร์มการเล่นของเขา เขาเป็นนักเตะหนุ่ม ศักยภาพของเขาสูงมาก'

อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนที่ตั้งข้อสงสัยในเรื่องนั้น แต่ด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดสำหรับการแย่งตำแหน่งตัวจริงกับ ฟร้องค์ ริเบรี่, อาร์เยน ร็อบเบน และ โธมัส มุลเลอร์ ก่อน เกิตเซ่ จะหลุดออกจากตำแหน่งตัวจริงของทีมเสือใต้ในซีซั่น 2015-2016 หลังเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บาเยิร์น ไม่สามารถพึ่งพาพรสวรรค์ของเขาอย่างที่คาดหวัง

การบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังทำให้ เกิตเซ่ พลาดการลงเล่น 13 เกมลีกในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงกุมภาพันธ์ แต่มันไม่มีผลอะไร หลัง กวาร์ดิโอล่า ปรับเปลี่ยนแท็คติกตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นฤดูกาล โดยเริ่มถอด เกิตเซ่ เป็นสำรองในเกม ซูเปอร์ คัพ กับ โวล์ฟสบวร์ก

'มีเพียงนักเตะ 11 คนที่ลงเล่นเท่านั้น ผมไม่สามารถอธิบายการตัดสินใจของผมในการแถลงข่าวทุกครั้ง ผมเสียใจ มารีโอ เป็นนักเตะคนโปรดของผม เป็นสุดยอด, ซุปเปอร์แมน และ ซุปเปอร์โปร นักเตะต้องโน้มน้าวใจผม ไม่ใช่ที่นี่ แต่ในสนาม' กวาร์ดิโอล่า กล่าว

เกิตเซ่ ดูเหมือนจะพยายามทำแบบนั้นด้วยการทำประตูและแอสซิสต์ในเกมถล่ม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 5-1 ในแมตช์เดย์ที่ 8 แต่ความหวังของเขาถูกทำลายลงด้วยการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง 

เขากลับมาทำ 3 ประตูกับ 4 แอสซิสต์จากการลงเล่น 14 เกมในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ก่อนวันเวลาของเขาในมิวนิคจะปิดฉากลงโดยปราศจากการประโคมข่าว

เกิตเซ่ ตัดสินใจกลับมาที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังจบฤดูกาล 2015-2016 ซึ่งเขายอมรับว่าเป็นทางเลือกที่เกิดขึ้นด้วยความเร่งรีบเกินไป

'ผมคิดว่าผมควรให้เวลาตัวเองมากกว่านี้' เกิตเซ่ เคยอธิบายในปี 2020 ตอนที่เขายังค้าแข้งอยู่กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 'คุณเห็นมันเล็กน้อยกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เขาอยู่ที่มิวนิคตั้งแต่ปี 2014 และ 2-3 ปีที่่ผ่านมา เขาดีกว่าปีแรกมาก ผมไม่ให้เวลาตัวเองและสโมสรก็ไม่ให้เวลาผม นั่นเป็นปัจจัยสำคัญ'

เกิตเซ่ ใช้เวลาที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 4 ฤดูกาล ก่อนจะอำลาทีมเสือเหลืองย้ายมาอยู่กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 และเวลา 2 ปีที่นั่นช่วยให้เขากอบกู้ชื่อเสียงกลับมาอีกครั้ง แต่เขาอาจทำแบบนั้นกับ บาเยิร์น มิวนิค หลังทีมเสือใต้ยุค ฮันซี่ ฟลิค เคยพิจารณาที่จะเซ็นสัญญากับ เกิตเซ่ เช่นกัน ก่อนนักเตะจะตัดสินใจย้ายไปเนเธอร์แลนด์ส 

'ช่วง 2-3 ปีที่แล้วกับ ฟลิค เราพิจารณาที่จะดึงเขากลับมา' อูลี่ เฮอเนส อดีตประธานสโมสร บาเยิร์น มิวนิค กล่าว 'แต่มันไม่เป็นผล เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และไม่พ่ายแพใดๆใน ไอนด์โฮเฟ่น' 

เกิตเซ่ ทำ 18 ประตูจากการลงเล่นรายการ 77 เกมในช่วงเวลา 2 ฤดูกาลกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และนำต้นสังกัดคว้าแชมป์ ดัตช์ คัพ กับ โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ 

จากผลงานดังกล่าวทำให้ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต เจ้าของแชมป์ยูโรปาลีกเชื่อมั่นว่า เกิตเซ่ จะเป็นส่วนเสริมชั้นเยี่ยมสำหรับพวกเขาในความท้าทายบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นนี้ 

ขณะเดียวกัน ฮันซี่ ฟลิค ในฐานะเทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมนียังไม่ลืม เกิตเซ่ เช่นเดียวกัน เขาเรียกมิดฟิลด์วัย 30 ปีติดโผทีมอินทรีเหล็กชุดทำศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ กาตาร์ ซึ่งเป็นการหวนคืนทีมชาติครั้งแรกในรอบ 5 ปี 

'มันผ่านมานานแล้ว, เป็นเวลา 5 ปีแล้ว' เกิตเซ่ กล่าว 'ผมรู้สึกว่าการถูกเรียกตัวว่าเป็นรางวัลจากการทำงานหนักที่ผมทุ่มเทลงไป'

'เกิตเซ่ อยู่กับเรามานาน เขามีความสุขจริงๆ ผมสามารถพูดได้แบบนั้น' ฟลิค กล่าวถึงมิดฟิลด์วัย 30 ปีที่ลงเล่นฐานะสำรอง 2 เกมในทัวร์นาเมนต์ 'มารีโอ เป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่มีแรงบันดาลใจ ทำทุกอย่างด้วยสัญชาตญาณ เขาสามารถสร้างความประหลาดใจให้เรา'