:::     :::

"ผมรู้ผมไม่ใช่ดาวเด่น ผมเป็นแค่เด็กยกเปียโน" : FRED

วันเสาร์ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,474
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บทสัมภาษณ์ของ "เฟร็ด" ที่พูดคุยกับ Paul Hirst นักข่าวแห่ง The Times ถึงช่วงเวลาของเขากับยูไนเต็ด ไลฟ์สไตล์ทั่วไป นักเตะที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเขา รวมถึงเพื่อนร่วมทีมที่เล่นด้วยกันมานานอย่างคาเซมิโร่ บทความนี้จะทำให้คุณรู้จักและชื่นชมทัศนคติการเสียสละเพื่อทีมของเขามากขึ้น

Frederico Rodrigues de Paula Santos หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม "Fred" โตขึ้นในเมืองสวยงามอย่าง Belo Horizonte เมืองใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศบราซิล แต่เจ้าตัวรู้สึกแฮปปี้ที่จะได้เดินริมทะเลของชายหาด Llandudno ที่เวลส์กับภรรยาของเขา Monique และลูกชาย Benjamin

"Llandudno สวยมาก ผมชอบเที่ยวชายหาด มันเป็นที่ที่สวยมาก และออกมาแค่ชั่วโมงเดียวจากบ้านของผม ครอบครัวผมชอบไปชมวิวกันที่นั่น"

เฟร็ดในวัย 29 ปีกล่าว เขาอาจจะมาจากอีกซีกโลกหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาเดินเล่น พูดคุยและยิ้มแย้มยามที่กำลังโฆษณาการท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักรอยู่

เวลาที่เขามีตารางช่วงหยุดพักยาวๆ เฟร็ดจะชอบเดินทางไปเที่ยวไกลๆ ดูไบบ้าง สวิตเซอร์แลนด์บ้าง แต่ในช่วงวันธรรมดาเขาชอบไปที่ต่างๆใน UK อยู่เรื่อยๆ

"ทุกวันนี้คุณหาข้อมูลได้มากมายเต็มไปหมดเท่าที่ต้องการ"

เฟร็ดชี้ไปที่โทรศัพท์ไอโฟนของตนเองซึ่งสว่างวาบขึ้นมาและมีลายธงชาติบราซิลประดับอยู่

"ผมก็แค่เสิร์ชหาที่เที่ยวที่น่าไป แล้วก็ขับรถ ลุยไปกับครอบครัว ผมชอบไปอุทยานแห่งชาติ Lake District ผมรักที่นั่นมาก แล้วเราก็ไปสกอตแลนด์ ไปเอดินบะระ และก็ไปลอนดอนด้วย"

จุดประสงค์ของการเดินทางนี้มีสองอย่าง  อย่างแรกคือเขาและครอบครัวอยากสัมผัสประสบการณ์และวิถีชีวิตแบบบริติชดูในระหว่างที่อยู่เมืองแมนเชสเตอร์ เมืองที่พวกเขาภูมิใจที่จะเรียกว่าบ้าน และอย่างที่สองคือมันเป็นการหลีกหนีอีกแบบหนึ่ง

"มันดีมากนะที่ได้ปิดสวิตช์พักบ้าง คุณจะได้ไม่ต้องทำแต่งาน มันดีที่ได้เปลี่ยนอารมณ์บ้างเล็กน้อย"

"เพราะเราเล่นให้กับสโมสรแมนยูไนเต็ด เพราะงั้นบางเวลาต้องปิดสวิตช์พักจากมันบ้าง"

เฟร็ดรับมือได้ดีมากจากกระแสกดดันที่ต้องถูกจับจ้องและตัดสินฟอร์มการเล่นของเขา ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีสำหรับเทนฮากที่ต้องใช้งานเฟร็ดหลังจากที่คริสเตียน อีริคเซ่นมีปัญหาอาการเจ็บข้อเท้าและต้องพักไปอย่างน้อยๆสามเดือน"

ถึงจะมีภารกิจที่เพิ่งจะลงแข่งขันและยิงประตูให้ยูไนเต็ดได้ในคาราบาวคัพรอบรองชนะเลิศเลกสองต่อทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ในคืนวันก่อนหมาดๆ แต่เฟร็ดก็ยังมีพลังเต็มที่ในกิจกรรมเพื่อสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีกับเด็กๆอีก 15 คนจากสถาบันอะคาเดมี่ร่วม Swinton ที่ถูกเชิญมายังสนามซ้อมแคริงตันโดยมูลนิธิแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

และหลังจากจบกิจกรรม พวกเด็กๆก็รู้สึกยิ่งกว่าคุ้นเคยกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มพร้อมฟันขาวๆของชายคนนี้ เฟร็ด ที่เหมือนว่าแกจะหุบยิ้มและหัวเราะไม่ได้เลยอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับตอนที่เคยมีสัมภาษณ์ครึ่งชั่วโมงตอนที่เขาพูดประเด็นต่างๆมากมาย รวมถึงความรักที่เฟร็ดมีต่อไอดอลของเขาอย่างโรนัลดินโญ่ด้วยการพูดคำว่า "เขาคือเวทมนตร์" ต่อหน้าเหล่านักเตะบราซิลเลียนที่มาค้าแข้งในถิ่นฐานตะวันตกเฉียงเหนือ และพูดถึงความรู้สึกที่อยากจะคว้าแชมป์แรกกับแมนยูไนเต็ด

เท่าที่เห็นมีเพียงครั้งเดียวที่รอยยิ้มของเฟร็ดหายไปก็ตอนที่พูดคุยหัวข้อกันถึงเรื่องยูเครนเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นเรื่องราวในช่วงก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับยูไนเต็ดด้วยราคา 52 ล้านปอนด์ช่วงซัมเมอร์ปี 2018 เพราะเฟร็ดเล่นให้กับ ชัคตาร์ โดเน็ทสก์อยู่ห้าปี และเขายังมีเพื่อนมากมายอยู่ในประเทศนั้น

ปัญหาความขัดแย้งที่ยูเครนส่งผลต่อความรู้สึกของเขา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์เมื่อย้อนไปถึงเรื่องที่เขาได้ต่อสายพูดคุยกับนักเตะของชัคตาร์อย่าง Júnior Moraes และ Dodô เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วตอนที่รัสเซียกำลังบุก

"ผมเสียใจมากตอนเห็นข่าวในทีวี ตอนที่มันเกิดขึ้นผมก็พยายามพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาเล่าให้ผมฟังเรื่องที่ระเบิดลงในเคียฟใกล้ๆกับบ้านของพวกเขา พวกเขากลัวมากๆ ผมไม่อาจนึกภาพได้เลยว่ามันเป็นยังไง พวกเขาหนีออกมาได้และขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาปลอดภัย แต่ผมก็พยายามภาวนาให้กับทุกๆคนที่ยูเครน"

สุดท้ายแล้วนักเตะทั้งสองก็หาสโมสรใหม่ในต่างแดนได้ แต่เฟร็ดก็ยังเหลือเพื่อนบางคนที่ยังอยู่ในยูเครน เช่นอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง Darijo Srna ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลของชัคตาร์ เฟร็ดเล่าให้ฟังว่าย้ายไปโดเน็ตสก์เมื่อปี 2013 หลังออกจาก Internacional จากนั้นก็ค้าแข้งอยู่เป็นเวลาห้าปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับยูไนเต็ดในปี 2018

"ในทีมพอจะมีนักเตะบราซิลเลียนคนอื่นๆอยู่มันก็ช่วยได้เยอะ ตอนช่วงแรกๆผมไปซูเปอร์มาร์เก็ตไม่รู้จะพูดอะไรยังไงกับใครเลย" เฟร็ดเล่าและก็ยิ้มอีกครั้ง "ผมไปอยู่ที่นั่นพร้อมกับแม่ เราอาศัยที่โดเน็ตสก์ในปีแรก และทีมก็ย้ายไปอยู่ที่เคียฟ" (ปี 2014 หลัจากที่รัสเซียรุกรานครั้งแรก)

"การใช้ชีวิตทุกอย่างก็ลำบากนิดหน่อยช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นเราก็ปรับตัวได้และผมชอบทั้งสองเมืองนะ มันเลยเศร้าที่ต้องเห็นเหตุการณ์มันเป็นไปอย่างทุกวันนี้"

เฟร็ดได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายซึ่งบางอย่างก็ไม่แฟร์เท่าไหร่ในช่วงที่เขาอยู่ประเทศอังกฤษ แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ยังติดทีมชาติบราซิลชุดที่ดีที่สุดในช่วงทศวรรษนี้ซึ่งถือว่าไม่เลวทีเดียว

เฟร็ดยังเอ่ยถึงมิดฟิลด์บราซิลอีกรายหนึ่งอย่าง Gilberto Silva คือผู้เล่นอีกคนหนึ่งที่มีอิทธิพลกับอาชีพของเขามาก จิลแบร์โต้ ซิลวาคือผู้เล่นของอาร์เซนอลในชุดไร้พ่ายช่วงปี 2003-04 และก็เป็นเอเย่นต์ของตัวเฟร็ดด้วย ซึ่งซิลวาในวัย 46 ปีตอนนี้มีส่วนช่วยเฟร็ดในช่วงฤดูกาลแรกกับยูไนเต็ดซึ่งวุ่นวายมาก ห้าเดือนหลังจากเฟร็ดย้ายมา คนที่เซ็นเขามาอย่างโจเซ่ มูรินโญ่ก็โดนไล่ออก และกลายเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชาเข้ามาคุมทีมแทน

"ตอนที่ผมย้ายมาอังกฤษครั้งแรก ปรับตัวยากมาก เพราะงั้นเขา(จิลแบร์โต้)จึงต้องมาช่วยผม เราคุยกันเยอะมากและเขาช่วยให้ผมใจเย็นลงได้ และทำสิ่งต่างๆได้ถูกต้องขึ้น"

ทั้งคู่ยังคงกันอยู่บ่อยๆ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพวกเขาสองคนเข้ากันได้ดี เนื่องจากว่าทั้งคู่ก็เป็นนักเตะที่เล่นตำแหน่งเดียวกัน บุคลิกลักษณะนิสัยก็คล้ายๆกัน คือเป็นคนที่ไม่ได้มีความนึกถึงผู้อื่นก่อนตัวเอง ไม่เห็นแก่ตัว และไม่อยากเป็นจุดสนใจมากนัก

"จิลแบร์โต้คว้าแชมป์โลกมาด้วยการมีสตาร์อยู่รอบตัวมากมาย แต่เขาก็ยังทำงานหนักอยู่ตลอด เช่นเดียวกันกับที่อาร์เซนอล ผมดูการเล่นของเขาในสนามและก็พยายามทำแบบนั้นเช่นกัน ผมเป็นเด็กยกเปียโนให้กับเพื่อนคนอื่นๆในทีมได้ ไม่มีปัญหาเลย เพราะผมไม่ใช่สตาร์อยู่แล้ว"
 
เฟร็ดก็อาจจะเชื่ออย่างนั้น แต่เมื่อเดือนก่อนเขาก็เพิ่งได้รับเกียรติที่จารึกชื่อตนเองว่าเป็นบราซิลเลียนที่ค้าแข้งให้ยูไนเต็ดยาวนานที่สุด แซง Anderson ที่สถิติ 181 เกม

นอกจากนี้เขายังทำสถิติส่วนตัวที่ยิงไปแล้วสี่ประตูในฤดูกาลนี้ และเล่นได้เด็ดขาดแบบสุดๆในพื้นที่ Final Third ซึ่งเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับการเข้ามาของ "คาเซมิโร่" ชายผู้ที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ปกป้องแผงแบ็คโฟร์ให้ทีม และพวกเขาทั้งสองคนก็เล่นเคียงข้างกันมาในทีมชาติบราซิลเป็นเวลา 7 ปีเข้าไปแล้ว

"คาเซมิโร่ส่งข้อความมาหาผมเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วว่า เขาอาจจะย้ายมายูไนเต็ดนะ" เฟร็ดเล่าให้ฟัง

"ผมรู้คุณภาพฝีเท้าเขาดีอยู่แล้ว ผมเลยข้อความกลับไปว่า นายรีบมาที่นี่ให้ไว เดี๋ยวนี้เลย ผมชื่นชมเขามากๆ เขาคือนักเตะระดับเวิร์ลด์คลาส มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากถ้าได้เขาเข้ามาในทีม"

เฟร็ดยังเชื่อว่าเอริค เทน ฮากนั้นสมควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่งที่เรียกเอาความมั่นใจและความเป็นระเบียบกลับคืนมาในห้องแต่งตัวของยูไนเต็ดได้สำเร็จ

"เขาเป็นโค้ชที่ดีและช่วยพวกเราอย่างมาก ตอนนี้เราสามารถแสดงฝีเท้าให้ทีมอื่นๆได้เห็นอย่างเต็มที่แล้ว"

"เขาวางกฎขึ้นมาในห้องแต่งตัวว่า อย่ามาสาย อย่าทำสิ่งที่ผิด และช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมอยู่เสมอซึ่งนั่นสำคัญมากๆ พวกเราเติบโตขึ้นทุกๆวัน"

เฟร็ดเหลือสัญญากับแมนยูไนเต็ดอยู่อีก 18 เดือน และเขาอาจจะเป็นผู้ที่ทำลายสถิติอยู่ยาวดังกล่าว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือการคว้าแชมป์มาครอบครองให้ได้ ซึ่งเขาเก็บสะสมรางวัลต่างๆเอาไว้อย่างดีในที่ปลอดภัย ณ บ้านที่ Cheshire สถานที่ที่เฟร็ดมีเพื่อนบ้านที่เป็นแชมป์อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเอแดร์ซอน โกลของแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่อยู่ใกล้ๆกัน, อลิซง ผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูลก็ด้วย

ขณะที่แฟร์นันดินโญ่ และ กาเบรียล เชซุส ก็เคยเป็นเพื่อนบ้านเหมือนกัน พวกเขาอยู่รวมๆกันกับนักเตะที่พูดโปรตุกีสเหมือนกันในแอเรียดังกล่าวจนกลายเป็นคอมมูนิตี้เล็กๆขึ้นมาที่พวกเขาจะนัดกันพบปะสังสรรค์ ทำบาร์บีคิวและพูดคุยกันเป็นครั้งคราว


"มีบราซิลเลียนอีกหลายคนเลยแถวนี้ ถ้ามีโอกาสเราก็จะมาเจอกัน อย่างเดือนมกราคมที่ผ่านมาเป็นวันเกิดลูกชายผม เราก็มารวมตัวกัน"

"เราทำบาร์บีคิวกัน อลิซงทำเก่งมากๆเพราะเขาเกิดในแถบบราซิลใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเลื่องชื่อเลยของการทำบาร์บีคิวในบราซิล ผมยืนดมๆแล้วก็รอกินอย่างเดียว"

และเมื่อยามที่ต้องเผชิญหน้ากันในสนามฟุตบอล ก็จะแข่งขันกันอย่างจริงจังเช่นกัน เฟร็ดเองก็ยิ่งกระหายความสำเร็จกับยูไนเต็ดมากยิ่งขึ้นไปอีก

"การเป็นนักเตะบราซิลเลียนที่ลงสนามมากที่สุดให้ยูไนเต็ดนั้นทำให้ผมมีความสุขและภูมิใจมากๆ แต่ผมก็อยากจะคว้าแชมป์ให้สำเร็จ เราทุกคนก็เช่นกัน เพราะรู้ว่าสโมสรแห่งนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน"

และนี่คือตัวตนของมิดฟิลด์ที่ลงสนามกี่ครั้งก็วิ่งเต็ม100%เสมอเพื่อตราสโมสรแห่งนี้ ไม่เคยอยากเป็นดาวเด่น ไม่เคยสนใจเกียรติประวัติส่วนตัว สิ่งที่เขามุ่งมั่นอย่างเดียวเท่านั้นคือ การทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ให้ได้

"FRED" The Real Red

-ศาลาผี-

Reference

https://www.thetimes.co.uk/article/fred-i-know-im-not-manchester-uniteds-star-im-the-piano-carrier-m0srvwp2w

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด