:::     :::

แพ้...แต่สมศักดิ์ศรี

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2561 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
4,002
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บทสรุปจากเกมที่คัมป์ นูแม้ไม่ได้ผิดจากความคาดหมายของใครต่อใครทั้งหลายแหล่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างจะโหดร้ายไปสักหน่อยสำหรับ เชลซี
หากจะบอกว่านี่เป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของทัพสิงห์บลูส์ในฤดูกาลนี้ก็คงไม่ได้กล่าวเกินไปเท่าไรนัก
เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่าความ "โชคร้าย" ยืนอยู่ข้างฝั่งผู้มาเยือนในหลายต่อหลายเกม บางสิ่งบางอย่างไม่เป็นใจในเกมรุก และโดนทำร้ายในเกมรับอย่างไม่น่าจะเกิด
อันโตนิโอ คอนเต้ เรียกตัว วิคเตอร์ โมเสส และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กลับคืนสู่ทัพตัวจริงอีกครั้งหลังได้พักในเกมลีกที่เอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 โดยทาง ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า และ แกรี่ เคฮิลล์ กลับไปนั่งที่ข้างสนามตามเดิม
เกมรุกอาจจะแปลกใจเล็กๆที่เทรนเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนยังใช้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หัวหอกร่างใหญ่ปักหลักในแดนหน้า แต่หากได้ดูผลงานจากเกมเชือด "อีเกิ้ลส์" ก็ชัดเจนว่าหากเลือกใช้กองหน้าธรรมชาติ ดาวยิงชาวฝรั่งเศสมีภาษีดีกว่า อัลบาโร่ โมราต้า ชัดเจน
             
                                 จังหวะฟรีคิกของ มาร์กอส อลอนโซ่ ที่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
กระแสมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแม้ว่าเสียงข้างมากจะลงความเห็นให้ยึดแผนใช้ เอแด็น อาซาร์ ยืนด้านข้างเพราะจะมีส่วนร่วมกับเกมและมีความอันตรายมากกว่า แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่คิดว่าการที่ดาวเตะชาวเบลเยี่ยมไปยืนเป็นกองหน้าแบบ "ฟอลส์ ไนน์" จะสามารถดึงตัวประกบไปได้อย่างน้อย 2-3 คนแม้ในยามไม่มีบอล และมันจะเพิ่มโอกาสให้ วิลเลี่ยน มีพื้นที่มากขึ้นและใช้ "สูตร" ในการสับไกลูกเก่งจากหน้าเขตโทษ
เพราะเมื่อ อาซาร์ ถอยมาเล่นริมเส้นเขาก็จะยืนทางฝั่งซ้ายเพื่อลากตัดเข้ากลาง ขณะที่หากหวังใช้ "ลูกเก่ง" จากตัวรุกชาวบราซิลจะต้องเล่นในตำแหน่งเดียวกัน เพราะต้องลากบอลจากทางซ้ายตัดเข้ากลางแล้วสับไกเหมือนที่ทำได้ในหลายต่อหลายเกมที่ผ่านมา
             
                          ลิโอเนล เมสซี่ อาศัยช่องโหว่ระหว่างขาของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เบิกสกอร์แรก
แต่เมื่อโค้ชจัดตัวผู้เล่นมาแล้วก็เล่นกันไปตามแผน เพียงแต่มันเกิด "ผิดแผน" ขึ้นมาเท่านั้นจากประตูแรกที่เสียตั้งแต่เกมยังไปไม่ถึงไหน
ลิโอเนล เมสซี่ ที่ไหลบอลให้ อุสมาน เดมเบเล่ ที่พยายามชิ่งคืนให้ เมสซี่ แต่ดันไปติด อันเดรียส คริสเตนเซ่น แต่แทนที่จะทำให้คู่แขงเสียจังหวะแต่บอลมันกลับเด้งไปเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ ต่อให้ สตาร์อาร์เจนติน่าที่อาศัยช่องว่างจาก "ขา" ที่อ้ามากเหลือเกินของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ยิงมุมแคบเข้าไปชนิดที่ไม่มีใครคาดคิด
แม้กระทั่งมือกาวชาวเบลเยี่ยมเองก็ยังยอมรับหลังจบเกมว่าคิดไม่ถึงเช่นกัน 
ด้วยความที่เป็นผู้รักษาประตูรูปร่างสูงใหญ่ อาจจะต้องเจอกับปัญหายามเจอกับลูกลักษณะนี้ จะบอกว่าเป็นความผิดพลาดก็อาจจะเกินไปนัก เอาเป็นว่าเลือกชมไหวพริบของคู่แข่งที่อ่านออกดีกว่า
การเสียประตูแรกไม่ได้ทำให้ เชลซี ลนลาน พวกเขายังคงเปิดเกมบุกได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ในจังหวะจบสกอร์ยังขาดความเด็ดขาดไปบ้าง นั่นทำให้โอกาสเพียงหนที่สองของ บาร์เซโลน่า กลายเป็นประตูที่สองของเกมนี้ 
               
                                                              จังหวะสับไกเต็มข้อของ อุสมาน เดมเบเล่
แน่นอนว่ามันเกิดจากความผิดพลาดของทางผู้มาเยือนเองเมื่อ เชส ฟาเบรกาส เสียบอลกลางสนาม ลิโอเนล เมสซี่ พาบอลมาเองก่อนไหลให้ อุสมาน เดมเบเล่ จับหนึ่งทีก่อนกดตูมเดียวบอลพุ่งเสียบตาข่ายชนิดที่ต้องบอกได้คำเดียวว่า "มอบ"ถือเป็นลูกยิงที่ต้องยอมรับว่าเด็ดขาดและเฉียบคมจริงๆ 
ท้ายครึ่งแรก เชลซี ควรจะตีไข่แตกได้จากจังหวะฟรีคิกหน้าเขตโทษ มาร์กอส อลอนโซ่ รับหน้าที่ปั่นบอลข้ามกำแพงอย่างสวยงาม แต่ทว่ามันกลับโค้งชนเสานอกออกไปอย่างน่าเสียดาย ไม่อย่างนั้นหากสกอร์เป็น 1-2 เกมน่าจะสนุกกว่านี้
แต่ทว่านั่นไม่ได้ทำให้ เชลซี ลดละความพยายามในการเปิดเกมบุกและควรจะได้โอกาสในการกลับสู่เกมเมื่อ มาร์กอส อลอนโซ่ ไปโดน เคราร์ด ปีเก้ ชนล้มจากด้านหลังในเขตโทษ เพียงแต่ ดาเมียร์ สโคมิน่า ผู้ตัดสินสโลวีเนียไม่เป่า
                 
                                                         จังหวะน่าได้จุดโทษของ มาร์กอส อลอนโซ่
เมื่อไม่ได้ก็มาโดนลงโทษอีกครั้ง หลุยส์ ซัวเรซ จ่ายบอลให้ ลิโอเนล เมสซี่ เข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนยิงบอลเรียดลอดขา ติโบต์ กูร์กตัวส์ (อีกครั้ง) เข้าไป 
อย่างที่บอกว่ายกค่ำชื่นชมทั้งหมดให้ดาวยิงที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก กับสายตาอันแหลมคม สมองอันชาญฉลาด และเท้าที่แม่นเหมือนจับวาง
นาทีสุดท้ายผู้มาเยือนยังมาได้โอกาสลุ้นจากลูกเตะมุม อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โหม่งบอลชนคานอีก 
สกอร์ 3-0 ดูค่อนข้างโหดร้ายสำหรับผลการแข่งขันแต่หากคุณเป็นแฟนสิงห์และได้ดูเกมก็ควรจะปราศจากคำตำหนิติเตียนกับความมุ่งมั่นและทุ่มเทของผู้เล่นทุกคนรวมถึงการวางแผนของ อันโตนิโอ คอนเต้
โอกาสยิง 14 หนตลอดทั้งเกม มากกว่า บาร์เซโลน่า ที่ได้โอกาสสับไกเพียง 8 หน ถามว่ามีสักกี่ทีมที่สามารถบุกมาคัมป์ นูและหาโอกาสจบสกอร์ากกว่าเจ้าถิ่น
เช่นเดียวกันกับลูกเตะมุมที่ เชลซี ได้ไป 6 ครั้ง ส่วนเจ้าบุญทุ่มได้ไป 4 หน ย่อมเป็นตัวบ่งบอกชั้นดี ขณะที่เปอร์เซ็นครองบอลของผู้มาเยือนจบที่ 46% ถือว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับเกมแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์นั้นทีมครองบอลน้อยนิดเพียง 27% เท่านั้น
                   
                                   อันโตนิโอ คอนเต้ เข้าไปพูดคุยกับ ลิโอเนล เมสซี่ หลังจบเกม
หลังจบเกมอาจจะมีภาพ อันโตนิโอ คอนเต้ เดินลงไปในสนามแสดงความดีใจกับนักเตะของ บาร์เซโลน่า โดยเฉพาะกับ ลิโอเนล เมสซี่ ที่มีการพูดคุยเป็นพิเศษ โดยเจ้าตัวออกมาเปิดเผยถึงคำพูดว่า "เมื่อคุณมีโอกาสแสดงความยินดีกับ เมสซี่ คุณก็ควรจะทำ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำ เขาคือนักเตะที่ดีที่สุดในโลก มันยุติธรรมที่คุณจะแสดงความนับถือในความยอดเยี่ยมของเขา"
ถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริงเลยทีเดียว 
ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ไม่มีอะไรให้อับอาย นักเตะทุกคนควรจะเดินออกสนามโดยที่ไม่ต้องก้มหน้าก้มตาแต่อย่างใด
เพราะแม้ถึงในเกมจะจบลงด้วยความปราชัย แต่เชื่อเถอะว่าพวกเขาชนะใจแฟนๆอย่างแน่นอน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด