:::     :::

การแจ้งเกิดอีกครั้งของ เมาริซิโอ ซาร์รี่

วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2566 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,481
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อินทรีฟ้าขาวกำลังบินสูง จากมันสมองของโค้ชที่เคยถูกปรามาสว่าเล่นได้แค่แผนเดียวอย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่! เขาทำให้ ลาซิโอ มีฟอร์มที่แจ่มแบบนี้ได้อย่างไร ในบทความนี้มีคำตอบครับ

เรื่องหนึ่งที่ถือว่าเซอร์ไพรส์ในแวดวงฟุตบอลอิตาลีฤดูกาลนี้ นอกเหนือไปจากฟอร์มอันร้อนแรงของ นาโปลี แล้วนะครับ เห็นทีจะไม่พูดถึง ลาซิโอ คงไม่ได้ เพราะว่าผลงานของอินทรีฟ้าขาวในฤดูกาลนี้นั้น ถือว่าเข้าขั้นมาสเตอร์พีซเอามาก ๆ 


อินทรีฟ้าขาวตอนนี้ขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูงของลีก มีมีผลต่างประตูได้เสียมากที่สุดในลีกเป็นอันดับสอง และคลีนชีตมากที่สุดในลีกอีกด้วย


เครดิตเกินครึ่งอาจต้องยกให้กับ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือสายควันที่ค่อย ๆ พัฒนาทีมขึ้นมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และพาทีมบินสูงอย่างที่เป็นม้ามืดตัวจริงในปีนี้


เมาริซิโอ ซาร์รี่ เป็นกุนซือที่ค่อนข้างถูกสบประมาทมากเกินความเป็นจริงเสมอมา ยิ่งในช่วงที่ทำงานให้ เชลซี กับ ยูเวนตุส ด้วยแล้ว เครดิตต่าง ๆ ที่เขาสั่งสมมาถูกทำลายไปพร้อมกับคำวิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม ทั้ง ๆ ที่เขาสามารถพา เชลซี คว้าแชมป์ยุโรปใบเล็ก และเป็นกุนซือคนสุดท้ายที่พา ยูเวนตุส ได้แชมป์ลีกเสียด้วยซ้ำ


ซาร์รี่ เริ่มต้นเส้นทางสายกุนซือจากการคุมทีมเล็ก ๆ จากดิวิชั่น 6 ในเมืองฟลอเรนซ์ อย่าง ซานซูวิโน ซึ่งในช่วงนั้นเขาเองยังทำงานเป็นนายธนาคารควบคู่ไปด้วย ก่อนจะเริ่มหันมาเอาดีด้านโค้ชจริงจัง และใช้เวลาในลีกล่างกับหลายทีมนานถึง 12 ปี


ซาร์รี่ สร้างชื่อครั้งแรกคืตอนก้าวมาคุม เอ็มโปลี ในปี 2013 ด้วยการปล่อยทีเด็ด พา เอ็มโปลี ทะยานขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ แล้วขยับขยายไปคุมทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่าง นาโปลี โดยเปลี่ยนสไตล์ของทีมมาเป็นเกมรุกแบบเต็มตัว เล่นบอลสั้น ปั้นทีมในระบบ 4-3-3 ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีม ปรากฏว่ายอดทีมจากเนเปิ้ลส์ทำประตูได้ถึง 80 ประตู ปีต่อมายิงได้มากถึง 94 ประตูในลีก เป็นสถิิติสูงสุดของสโมสร ก่อนจะทิ้งทวนในปีสุดท้ายด้วยจำนวน 77 ประตู ตอนฤดูกาล 2017-18 อีกทั้งยังพาทีมมีลุ้นแชมป์ลีกทุกปีอีกด้วย


ซาร์รี่ โยกมาคุม เชลซี อยู่ 1 ฤดูกาล พาทีมคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก โดยในเกมนัดชิงถล่ม อาร์เซน่อล ไป 4-1 เป็นโค้ชจากอิตาลีคนแรกในรอบ 20 ปีที่พาทีมได้แชมป์รายการนี้ ซึ่งคนสุดท้ายที่ทำได้คือ อัลแบร์โต้ มาเลซานี่ ของปาร์ม่าเมื่อปี 1999 ในตอนที่ยังใช้ชื่อว่า ยูฟ่า คัพ อยู่เลย



ฤดูกาลถัดมา เขาได้รับโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตนั่นคือการคุม ยูเวนตุส โดยผลงานถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของเข้าม้าลาย นั่นคือสอบแชมป์ลีกได้ตามเป้า แต่ก็ถูกปลดหลังจบฤดูกาล เนื่องจากมีปัญหากับนักเตะในห้องแต่งตัว แต่ใครจะรู้ว่าหลังจาก ซาร์รี่ อำลาทีมไปนั้น ยูเวนตุส ก็ยังไม่เคยเข้าใกล้กับการคว้าแชมป์ลีกที่คุ้นเคยได้อีกเลย


ซาร์รี่ ว่างเว้นไปหนึ่งปี ก่อนจะมารับงานคุม ลาซิโอ เพื่อมาแทนที่ของ ซิโมเน่ อินซากี้ ในเดือนมิถุนายนปี 2021 ท่ามกลางข้อสงสัยในฝีมือการคุมทีมจากแฟนบอลระดับหนึ่ง


ทว่า ข้อสงสัยทุกอย่างก็ถูกคลี่คลายลงในระยะเวลาไม่นานนัก


ซาร์รี่ เข้ามาปรับโฉม ลาซิโอ จากที่เล่นระบบหลัง 3 ในยุค อินซากี้ มาเป็นระบบ 4-3-3 ที่เขาถนัด และทำทีมจบในอันดับ 5 ของตารางคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลยุโรปรายการ ยูโรปา ลีก ด้วยผลงานการเป็นทีมที่ยิงประตูมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก แต่ในเกมรับกลับมีปัญหาพอสมควร เพราะเสียมากที่สุดเป็นอันดับ 10 และเสียไปมากถึง 58 ประตูเลยทีเดียว


ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซาร์รี่ ได้ของดีมาเสริมเกมรับอย่าง อเลสซิโอ โรมันโญลี่ อดีตกัปตันของ มิลาน มาแบบไม่มีค่าตัว และอีกหนึ่งคนที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ อิวาน โปรเวเดล นายทวารร่างโย่งจาก สเปเซีย ซึ่งมีราคาเพียงแค่ 2 ล้านยูโรเท่านั้นเอง


สองคนนี้กลายมาเป็นคีย์แมนในเกมรับของทีมเต็มตัวและช่วยเติมเต็มความสมดุลอย่างไม่น่าเชื่อ โรมันโญลี่ ลงสนามในลีก 24 นัด ทำได้ 1 ประตู เคลียร์บอลช่วยทีมมากถึง 82 ครั้ง และแย่งบอลคืนกลับมาสำเร็จอีก 26 ครั้งด้วยกัน


ส่วน โปรเวเดล คือของดีที่โคตรคุ้มค่าสุด ๆ และเป็นคนสำคัญที่ทำให้เกมรับของ ลาซิโอ ปีนี้แน่นแบบเป็นกำแพงเสริมใยเหล็ก เขาลงสนามเป็นตัวจริงในลีก 27 นัด คลีนชีตไปถึง 16 นัด มากที่สุดในลีกปีนี้, เซฟสำคัญช่วยทีม 72 ครั้ง เสียแค่ 19 ประตูเท่านั้น 


ลาซิโอ ปีนี้เกมรับเลยแข็งแกร่งขึ้นมาแบบผิดหูผิดตา เกมรุกไม่มีอะไรต้องห่วงเพราะคือจุดแข็งของ ซาร์รี่ เขารังสรรค์ให้ทีมยิงได้ถึง 42 ประตูจาก 27 นัด เฉลี่ยนัดละ 1.6 ลูก โดยมีนักเตะถึง 10 คนที่ทำประตูให้ทีมได้แล้วในเวลานี้ 


ซาร์รี่ เคยถูกตั้งฉายาว่า "มิสเตอร์ 33" สมัยคุมทีมใหม่ ๆ อันเนื่องมาจากตัวเขามีแท็กติกในการเล่นลูกตั้งเตะถึง 33 รูปแบบในตอนซ้อม แต่ตัวเขาก็ออกมาอธิบายว่า สุดท้ายก็ได้ใช้งานจริง ๆ เพียงแค่ 4-5 รูปแบบเท่านั้น ซึ่งนี่ก็พอจะทำให้เราเห็นภาพแล้วว่าตัวเขาเป็นคนประเภทที่ชอบเรียนรู้ และมีความยืดหยุ่น ไม่ได้หัวแข็งแบบที่เคยถูกวิจารณ์


เขาเคยถูกหยามหยันว่าเป็นโค้ชหน้าเดียว เล่นบอลสวยงามแต่ไร้มงกุฎ เคยถูกท้าทายบารมีจากนักเตะในทีมมาโดยตลอด, ถูกวิจารณ์ว่าใช้นักเตะผิดตำแหน่งจนเสียของ, เคยถูกแฟนบอล เชลซี และ ยูเวนตุส ร้องยี้สมัยคุมทีม 


แต่ถึงจะถูกวิจารณ์อย่างหนัก เขาก็จากทั้งสองทีมมาด้วยตำแหน่งแชมป์ คงเป็นโค้ชในยุโรปเพียงคนเดียวแล้วล่ะครับ ที่พาทีมได้แชมป์แต่กลับถูกมองว่าเกิดจากโชคมากกว่าฝีมือ


ในวันนี้ ซาร์รี่ กำลังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า หากเขาได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดและแฟนบอลมากพอ ให้เวลาเขาในการทำทีม เขาเองก็มีฝีมืออยู่ในระดับท็อป ๆ ไม่แพ้กุนซือหนุ่ม ๆ เช่นกัน และล่าสุดได้รางวัลโค้ชยอดเยี่ยมของ เซเรีย อา ประจำเดือนมีนาคมอีกด้วย


จากผลงานในตอนนี้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ น่าจะกลับมาได้รับการยอมรับในฝีมืออีกครั้ง แม้จะยังไม่มีแชมป์แต่ทิศทางของ ลาซิโอ กำลังไปได้สวยและอาจมีลุ้นแชมป์ในปีหน้าแบบเต็มตัวก็เป็นได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด