:::     :::

ที่ใดมีพระเจ้า ที่นั่นมีแชมป์

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
2,075
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทันทีที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ประกาศยกเลิกสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่ว กลบข่าวอุ่นเครื่องทีมชาติให้ดูเบาบางลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ใช่ครับ "ซลาตัน ยกเลิกสัญญากับปีศาจแดง ไม่ใช่ปีศาจแดงยกเลิกสัญญากับ ซลาตัน" ฮ่า ฮ่า ฮ่า
อันที่จริงแล้วไม่ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรท์แต่อย่างใด เพราะจากกระแสข่าวที่ผ่านมายังไงดาวยิงสวีเดนก็ต้องอำลายูไนเต็ดแน่นอน เพียงแต่จะเกิดขึ้นเลยหรือรอให้จบฤดูกาลนี้
ถึงกระนั้นก็ยังสร้างความห่วงหาอาวรณ์แก่ปวงชนชาวผีไม่น้อย ไม่ใช่แค่ผลงานอันยอดเยี่ยมที่สร้างเอาไว้ให้กับทีม แต่รวมถึงบุคลิกและแคแร็คเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน
น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือไม่อาจบรรลุเป้าหมายการคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ในช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว
  แต่ความสำเร็จอย่างลีก คัพ และ ยูโรปา ลีกก็พอการันตีได้ว่า "ที่ใดมีซลาตัน ที่นั้นมีความสำเร็จ"
ในทุกสโมสรที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไปเล่นด้วยล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จกันถ้วนหน้า ไม่นับ มัลโม่ ต้นสังกัดแรกในชีวิตในบ้านเกิดสมัยที่เป็นละอ่อนอยู่
ลองย้อนรอยดูว่าที่ผ่านมา "พระเจ้า" ทำให้ที่ไหนได้มีความสุขกันบ้าง
เปิดฉากความสำเร็จกับ อาแจ็กซ์ สโมสรในฮอลแลนด์ภายในปีแรกกับที่ย้ายมาร่วมทีมด้วยการคว้าแชมป์เอเรดิวิซี่มาครองพ่วงด้วยถ้วยแชมป์ดัตช์ คัพ 
               
                                                        เปิดตัวด้วยผลงานยอดเยี่ยมกับ อาแจ็กซ์ 
ผลงานเข้าตา ยูเวนตุส ทีมยักษ์ใหญ่จากอิตาลีเต็มเปาก่อนดึงตัวไปร่วมทัพด้วยค่าตัว 16 ล้านยูโร ในปี 2004 สมัยนั้นถือว่าไม่น้อยเลยก่อนจัดการฟาดแชมป์เซเรีย อาสองปีซ้อน โดยหลังจบฤดูกาล 2004/05 เจ้าตัวคว้าตำแหน่งนักฟุตบอลสวีเดนยอดเยี่ยมไปครอง แถมมีข่าวว่า เรอัล มาดริด ทุ่มเงิน 70 ยูโรเป็นค่าตัวหัวหอกวัย 24 ในขณะนั้นแต่โดนทัพม้าลายปฎิเสธ 
ทว่าในภายหลังทีมม้าลายโดนข้อหาพัวพันการล้มบอลโดนริบแชมป์ทั้งสองสมัยแถมโดนปรับตกชั้นอีก แม้ว่าเจ้าตัวจะพร้อมอยู่ช่วยทีมสู้ศึกเซเรีย บี แต่เอเย่นต์อย่าง มิโน่ ไรโอล่า จัดการเรื่องการย้ายทีมเสร็จเรียบร้อยโดยเป็น อินเตอร์ มิลาน ที่จัดการคว้าไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 24.8 ล้านยูโรในปี 2006
               
                                           ประสานงานกับ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ที่ ยูเวนตุส
อิบราฮโมวิช ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และเมื่อไม่มี ยูเวนตุส ในช่วงนั้นก็เป็น "งูใหญ่" นี่แหละที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศในช่วงนั้นในยุคของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ต่อด้วย โชเซ่ มูรินโญ่ ดาวยิงสวีดิชกด 57 ประตูจาก 88 เกมตลอดสามฤดูกาลในถิ่นจูเซปเป้ เมอัซซ่า พาทีมคว้าแชมป์ลีกสามสมัยซ้อนพร้อมด้วยถ้วยซูเปอร์โคปปา อิตาเลียอีกสองสมัย 
ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2009/10ระหว่าง อินเตอร์ มิลาน เดินทางไปเก็บตัวที่สหรัฐฯ แต่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ต้องบินด่วนเพื่อไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า หลังจากที่ทั้งสองสโมสรตกลงแลกเปลี่ยนตัวเขากับ ซามูเอล เอโต้ โดยมีการประเมินค่าตัวในการย้ายทีมครั้งนี้อยู่ที่ 66 ล้านยูโร โดยแบ่งเป็นเงินสด 46 ล้านยูโร ส่วนที่เหลือเป็นค่าตัวของ เอโต้
               
                                             ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมกับ อินเตอร์ มิลาน
"อิบรา" ผ่านการตรวจร่างกายพร้อมเปิดตัวในถิ่นคัมป์ นูท่ามกลางแฟนบอลกว่า 60,000 คนที่เข้ามาฉลองการได้ยอดดาวยิงมาเสริมทัพ พร้อมค่าฉีกสัญญาที่แพงหูฉีกถึง 250 ล้านยูโรเลยทีเดียว
แต่ว่า ซลาตัน ก็อยู่กับทีมอาซูลกราน่าได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นท่ามกลางปัญหาของเขากับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทีมในตอนนั้น โดยจากที่เป็นคนสำคัญของทีมก็ค่อยๆถูกลดบทบาทลงจากการเปลี่ยนแท็คติคเพื่อเอื้อประโยชน์ในการเล่นของ ลิโอเนล เมสซี่ ทำให้ "พระเจ้า" ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"ที่จริงแล้วช่วง 6 เดือนแรกไปได้สวยทีเดียว แต่จากนั้นผู้จัดการทีมก็เปลี่ยนแท็คติค เปลี่ยนระบบการเล่น ซึ่งมันไม่เข้ากับสไตล์การเล่นของผม" ซลาตัน เผย
"ผมเข้าไปคุยกับเขาแล้วบอกว่า 'ตอนนี้ผมมองว่าคุณกำลังสังเวัยนักเตะทั้งทีมเพื่อนักเตะเพียงคนเดียว นั่นก็คือ เมสซี่' เขาตอบผมกลับมาว่า 'ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ แต่ผมเข้าใจสิง่ที่คุณพยายามสื่อสาร เดี๋ยวผมจัดการให้ ไม่มีปัญหา ผมจะแก้ไขทุกอย่าง สบายใจได้' แน่นอนผมคิดว่าเขาจะทำตามนั้น"
"แต่ว่าเกมถัดมาผมถูกจับเป็นสำรองซึ่งผมก็ไม่ได้บ่นอะไร ผมก้มหน้าทำงานของตัวเอง จากนั้นเกมถัดมาผมก็เป็นสำรองอีก ซึ่งเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรกับผมเลย และหลังจากนั้นผมก็นั่งสำรองมาตลอด"
"ผมว่ามันเริ่มแปลกๆ เพราะตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่คุยกับผมอีกเลย ไม่แม้แต่จะมองหน้าผมด้วย ตอนผมเดินเข้าห้องเขาจะเดินออกมา อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนที่แย่อะไรหรอก แต่ผมคิดว่าลูกผู้ชายควรจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาของเขามากกว่า"
               
                     ไม่ลงรอยกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จนสุดท้ายอยู่ค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ได้เพียงปีเดียว
แต่ทว่าหลังจากนั้นเจ้าตัวได้เปิดเผยผ่านหนังสือชีวประวัติของตัวเอง ซึ่งระบุถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ตนเองระเบิดอารมณ์ในห้องแต่งตัว เนื่องจากถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง 5 นาทีสุดท้ายของเกมที่ชนะ บียาร์เรอัล ไป 4-1 ในเกมที่ 35 ของฤดูกาล ซึ่งมันคงจะถึงที่สุดแล้ว
“ที่ผมเดือดในวันนั้นไม่ใช่เพราะเป็นตัวสำรอง ผมรับได้อยู่แล้ว ถ้าผู้จัดการทีมกล้าจะบอกกับผมตรงๆว่าผมไม่ดีพอ และไม่สมควรได้ลง แต่ กวาร์ดิโอล่า กลับไม่พูดอะไรสักคำ ไม่แม้แต่โทรมาสักครั้ง และผมก็ไม่ขอทนอีกต่อไป ถ้าตอนนั้นผมเป็น กวาร์ดิโอล่า ผมรู้เลยว่าเขาคงกำลังกลัว”
“มีกล่องเหล็กอยู่กล่องหนึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์ ผมวิ่งไปเตะกล่องใบนั้นลอยไปไกล 3 เมตร แต่ผมยังไม่หยุดแค่นั้น ตอนนั้นผมเสียสติสุดๆ และคุณคงคิดว่า กวาร์ดิโอล่า จะพูดอะไรสักอย่างโต้ตอบ แต่เปล่าเลยเขาเป็นไอ้ขี้ขลาด เขาแค่เดินไปหยิบกล่องใบนั้นขึ้นมา เหมือนภารโรงตัวเล็กๆเท่านั้น”
นั่นเป็นอันสิ้นสุดความสัมพันธ์ของ ซลาตัน กับ บาร์เซโลน่า แต่ก็ฝากผลงาน 22 ประตูจาก 46 เกมทุกรายการ กวาดแชมป์มา 4 รายการทั้งลา ลีกา, ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ สโมสรโลก 
ฤดูกาลถัดมาเขาถูกปล่อยให้ เอซี มิลาน ยืมตัว โดยทาง "ปีศาจแดง-ดำ" น่าจะยิ้มแก้มปริที่ได้ของดีมาใช้งานแบบไม่น่าเชื่อ และที่ซาน ซีโร่ "อิบรา" ยังคงคอนเซปต์ "ที่ใดมีซลาตัน ที่นั้นมีความสำเร็จ" ด้วยการซัด 21 ประตูจาก 41 เกมทุกรายการ คว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของทีมไปครองพร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา
                       
                                                       กลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะกับ เอซี มิลาน
ซีซั่น 2011/12 มิลาน จัดการดึงตัวดาวยิงสวีเดนมาร่วมทีมถาวรและ "พระเจ้า" ก็ตอบแทนตอบผลงานที่โหดกว่าเดิมด้วยการกระหน่ำ 35 ลูกจาก 44 นัด น่าเสียดายที่ทีมแชมป์ในปีนั้นเป็นของ ยูเวนตุส ส่วน มิลาน เป็นเพียงพระรอง ทำให้เจ้าตัวหยุดสถิติคว้าแชมป์ลีกไว้ที่ 8 ปีติดต่อกันกับ 5 สโมสร (หากไม่นับว่า ยูเวนตุส โดนริบแชมป์)
จากนั้นชีพจรลงเท้าอีกครั้ง คราวนี้เป็นความท้าทายในลีกใหม่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในปี 2012 ที่คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยสัญญา 4 ปี กับ ซลาตัน ที่อยู่ในวัย 31 ขวบ ถือว่าอาจจะอยู่ในช่วงท้ายของอาชีพค้าแข้งแล้ว
แต่ทว่าเขาทำให้ทุกคนคิดผิดถนัดเมื่อจัดการทะลวงตาข่ายในลีก เอิงเป็นว่าเล่นถึง 113 ประตูจาก 122 เกม รวมสถิติพังตาข่ายให้เปแอสเชถึง 156 เม็ดจาด 180 นัด กอบโกยความสำเร็จมากมายโดยแชมป์ลีกกวาดเรียบทั้งสี่สมัย แชมป์เฟร้นช์ คัพ 2 สมัย และแชมป์เฟร้นช์ ลีก คัพอีก 3 สมัยก่อนประกาศอำลาทีมชนิดที่แฟนบอลไม่มีใครอยากให้ไปเลย
เมื่อมีนักข่าวถามว่าจะทำยังไงให้เขาอยู่ต่อ ซลาตัน พูดพร้อมรอยยิ้มว่า "คุณเปลี่ยนหอไอเฟลให้เป็นอนุสาวรีย์ของผมสิ ถ้าคุณทำได้ผมจะอยู่ที่นี่ต่อ แต่คุณทำไม่ได้หรอก"
               
                                                       กวาดแชมป์ในฝรั่งเศสครบถ้วนกับ เปแอสเช
อิบรา ในวัย 35 ปีแลนดิ้งสู่อังกฤษเพื่อมาเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีอดีตนายเก่าอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมอยู่ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขามาเล่นกับปีศาจแดงมากกว่าที่จะไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะที่นั่นมี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีมอยู่
ไม่มีใครคิดว่าในช่วงบั้นปลายอาชีพแล้วแต่ "พระเจ้า" ยังคงความเฉียบขาดในเรื่องของการพังตาข่ายด้วยการซัด 28 ประตูทุกรายการ คว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของทีมพร้อมคว้าแชมป์อีเอฟแอล คัพ และ ยูโรปา ลีกอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนประกาศว่าจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกให้ได้ในฤดกาลหน้า
น่าเสียดายที่เจ้าตัวโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน ด้วยอายุที่มากแล้วทำให้ความรวดเร็วในการกลับมาเป็นเรื่องยาก สุดท้ายยกเลิกสัญญากันไปด่วมความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย
"มีหลายสิ่งที่ดีเยี่ยมที่เข้ามาเพื่อจบลง และมันถึงเวลาที่จะต้องก้าวเดินต่อไปหลังจาก 2 ฤดูกาลที่แสนอัศจรรย์ร่วมกับแมนฯ ยูไนเต็ด ขอบคุณสโมสร, แฟนบอล, ทีม, โค้ช, สตาฟฟ์โค้ช และทุกๆ คนที่ร่วมแบ่งปันกับผม นี่เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของผม มันจะคงอยู่ตลอดกาล" เจ้าตัวกล่าวคำอำลา
                 
                            พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซิวถ้วยยูโรปา ลีกเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
แต่การปิดฉากในครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยังคงโลกแล่นอยู่ในวงการลูกหนังด้วยวัย 36 ปี โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เมเจอร์ลีก สหรัฐฯกับ แอลเอ แกแล็คซี่
"ผมมีโอกาสได้พบกับ เดวิด เมื่อครั้งเล่นร่วมกันที่ เปแอสเช เรามีโอกาสพูดคุยกันเกี่ยวกับทีม แกแล็กซี่, ประสบการณ์ของเขาบนลีกมะกัน ทุกอย่างมีแต่เรื่องดีๆ" อิบรา เล่าความหลังเมื่อกว่า 5 ปีก่อน 
"เขายังพูดกับผมว่า 'นายควรจะมานะ ลองมาสัมผัสดู'"
"ทุกอย่างมันน่าตื่นตาไปหมด เป็นความจริงที่ลีกกำลังเติบโต แต่ก็มีหลายๆส่วนที่เหนือคาด น้ำเสียงของ เดวิด ภูมิใจมาก" 
"เมื่อผมมาสัมผัสกับตัวเองก็จริงอย่างที่เขาพูดทุกคำ มันง่ายกับการตัดสินใจเมื่อมีคนแนะแนวแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือเริ่มขั้นต่อไปเลย" 
"นี่คือที่ที่ใช่สำหรับผม ผมสามารถช่วยพวกเขาได้อย่างมาก นี่คือทีมที่ดีที่สุดในสหรัฐฯ ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้"
"ผมต้องการบรรลุความสำเร็จให้ได้มากที่สุดเท่าที่มากได้ ไม่ว่าผมไปที่ใด ผมคือผู้ชนะ มันคือดีเอ็นเอของผม สถานที่แตกต่าง แต่ซลาตันคนเดิม" 
ว่ากันว่าเจ้าตัวยอมหั่นค่าเหนื่อยแบบยิ่งกว่าลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์จากที่รับกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ปีละ 21.8 ล้านปอนด์ เจ้าตัวกลับลดเหลือเพียง 1 ล้านปอนด์ต่อปีเพื่อโอกาสเล่นในเมเจอร์ลีก
                 
                                          เตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายใหม่ที่ แอลเอ แกแล็คซี่
และการเปิดตัวก็ไม่ธรรมดาโดยจัดการซื้อโฆษณาเต็มหน้าของหนังสือพิมพ์ แอลเอ ไทม์ส เป็นการส่งสัญญาณบอกว่าเตรียมย้ายไปล่นในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา เร็ววันนี้
แน่นอนว่าการย้ายทีมครั้งนี้คงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับบรรดาแฟนบอลแดนลุงแซมไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีคลิปการเปิดตัวว่าจะไปเล่นให้กับ แอลเอ แกแล็คซี่ และเมื่อเป็น ซลาตัน แล้วจะเปิดตัวแบบธรรมดาไม่ได้ จะต้องมีวลีเด็ดให้แฟนๆได้ยิ้มกัน
แทนที่ทีมดังเมืองมะกันจะได้ต้อนรับการมาของดาวยิงจอมเก๋านี้แต่ในคลิปกลับไม่ใช่อย่างนั้น เปิดตัวด้วยสิงโตสลับกับ ซลาตัน เป็นการเปรียบว่าเขาคือสิงโตนั่นเองพร้อมประโยคว่า
"ลอส แองเจลิส เวลคัม ทู ซลาตัน"


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด