:::     :::

"ถ้าไม่ยอมแพ้ เราจะไม่แพ้" สัจธรรมจาก ACL

วันพุธที่ 04 เมษายน 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,465
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มนุษย์เรามีหลายสิ่งที่ควรยึดปฏิบัติเพื่อให้อยู่ในโลกนี้ต่อไปได้อย่างมีความสุข และหลังเกมที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไล่ตามตีเสมอ กว่างโจว เอเวอร์กรานเด้ 1-1 ในเกม เอซีแอล เมื่อวานนี้ทำให้ผมนึกถึงพุทธสุภาสิตสองข้อคือ "ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย" และ "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น"

ความประมาท  เป็นหนทางแห่งความตาย"  ประโยคนี้เป็นคำพูดที่คอยย้ำเตือนให้เราดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เพราะหากเพียงแค่เราประมาท  แม้ในเรื่องเล็กน้อย ก็อาจทำให้เราต้องประสบพบเจอกับหายนะ ที่ไม่เคยได้คาดคิดมาก่อนก็เป็นได้

ส่วน "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น"  แน่นอนว่าความสำเร็จอันเกิดจากการทำงานใดๆ มักมีจุดเริ่มต้น มีความพยายาม ที่แต่ละคนนั้นต้องฝึกฝนแสวงหา และไปให้ถึงฝั่งฝัน แต่บางครั้งก็มีบ้างเหมือนกัน ที่ไปไม่ถึงฝั่งของความสำเร็จ อาจมีกระแสลม และแรงคลื่นซัดกระทบทำให้หมดกำลังใจ เลิกล้มที่จะไปให้ถึงฝั่ง 

พุทธสุภาษิตสองคำนี้ ผมเห็นมันเกิดขึ้นแบบเต็มตาในเกมที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไล่ตามตีเสมอ กว่างโจว เอเวอร์กรานเด้ (Evergrande อ่านประมาณนี้ ไม่ใช่ เอเวอร์แกรนด์ คนจีนบอกผมมา)1-1 ในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อค่ำวันอังคารที่ผ่านมา 

จริงๆ กว่างโจว ไม่ได้เพิ่งประมาทนะ แต่มันมีเค้ามาตั้งแต่เกมแรกที่บ้านเขาแล้ว ในเกมที่จบด้วยการเสมอ 1-1 เช่นกัน ครั้งนั้นทีมมหาเศรษฐีแดนมังกร มีโอกาสจะบวกสกอร์เพิ่มหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ดันไม่เน้นเท่าที่ควร จนกระทั่งครึ่งหลังถูกตีเสมอแล้วก็เกือบจะเพลี่ยงพล้ำให้ทีมจากอีสานใต้ไปแล้วด้วยซ้ำ 

มาคราวนี้ก็ยังไม่เข็ด ตั้งแต่การวางแผนการเดินทางที่ผมไม่เคยเห็นทีมไหนในโลกเขาทำกัน ปกติแล้วเกมใหญ่ระดับทวีปแบบนี้ ทีมเยือนมักเดินทางล่วงหน้า 2-3 วันเพื่อปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพอากาศ เพราะอย่างที่รู้ว่าเมืองไทยตอนนี้ร้อนตับแตกแถมมรสุมกำลังเข้า แต่ที่กว่างโจวอากาศกำลังเย็นสบาย

ความรวยของทีมกว่างโจวอาจเป็นดาบสองคม ทั้งที่แข่งเกมลีกจบตั้งแต่วันศุกร์ มีเวลาตั้งหลายวันที่จะเดินทางมาไทยก่อน แต่กลับวางแผนแบบติดประมาทเลือกซ้อมอยู่ที่สนามของตัวเองจนถึงวันอาทิตย์ แล้วค่อยเหมาเครื่องบินส่วนตัวมาลงที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ในช่วงเช้าวันจันทร์ ก่อนแข่งแค่หนึ่งวัน 

ความประมาทครั้งนี้ถูกลงโทษด้วยเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อมีอุบัติเหตุเครื่องบินของนกแอร์เกิดเหตุขัดข้อง น้ำมันไฮโดรลิกรั่วซึมทำให้ไม่สามารถวิ่งขึ้นได้ ทำให้ทางท่าอาศยานต้องสั่งปิดรันเวย์ตลอดทั้งวันเพื่อความปลอดภัยในการขึ้นลงของเที่ยวบินอื่นๆ ส่งผลให้นักเตะของกว่างโจว ได้แต่นอนรอค้างเติ่งอยู่ในเคบินหลายชั่วโมง ก่อนจะตัดสินใจย้อนเครื่องกลับไปลงที่ดอนเมือง และต่อเครื่องมาที่ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด แล้วนั่งรถบัสมาที่จังหวัดบุรีรัมย์ กว่าจะถึงที่พักก็ปาเข้าไปประมาณ 4 ทุ่ม แถม ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ยังสั่งให้สตาฟฟ์โค้ชและลูกทีมบางส่วนลงซ้อมที่ บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม ต่อทันทีไปจนเลยเที่ยงคืน กว่าจะได้ข่มตาหลับคาดว่าไม่ต่ำกว่าตีหนึ่งตีสอง 

เจอบทเรียนแบบนี้ไปแล้ว นึกว่าจะเข็ด แต่พอลงสนามจริง กว่างโจว เองก็ยังทำได้เหนือกว่าตามมาตรฐานของผู้เล่นต่างชาติระดับค่าตัวสถิติโลก อุตส่าห์ออกนำ 1-0 ตั้งแต่ต้นเกม และมีโอกาสฝังให้มิดในจังหวะที่ ริคาร์โด้ กูลาร์ท หลุดเดี่ยวไปล็อกหลบ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ได้แล้ว แต่ดันยิงแบบชะล่าใจจนถูก นฤบดินทร์ มาสกัดทิ้งบนเส้นแบบฉิวเฉียด

ตอนนั้นผมคิดในใจแล้วว่า "เฮ้ยประมาทแบบนี้อย่าให้กูตีเสมอได้แล้วกัน" ซึ่งท้ายที่สุด ยู จุน-ซู ก็กลายมาเป็นฮีโร่ให้ทีม "ปราสาทสายฟ้า" อีกครั้งเมื่อซัดประตูช่วงทดเจ็บตีเสมอแบ่งแต้มสำคัญเพื่อต่ออายุการลุ้นเข้ารอบไปจนถึงนัดสุดท้ายกับ เจจู ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ

ส่วน กว่างโจว น่ะหรอ กล้องจับไปที่แต่ละคน หน้าบอกบุญไม่รับกันหมด โดยเฉพาะ ริคาร์โด้ กูลาร์ท ที่คงถูกตำหนิจากแฟนบอลไปอีกนาน กุนซืออย่าง ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ขวัญใจผมก็หน้าจ๋อยหมดสภาพอดีตกองหลังบัลลงดอร์คนสุดท้าย

ประมาทแล้วประมาทเล่า แล้วก็ถูกลงโทษทุกครั้ง อันนี้เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ไม่รู้ว่ากว่างโจวจะนำไปปรับปรุงตัวหรือไม่ แต่ในทางกลับกัน ต้องขอยกย่องนักเตะของ บุรีรัมย์ ที่แสดงให้เห็นว่าความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ก็อาจนำมาซึ่งความสมหวังในท้ายที่สุด

บุรีรัมย์ ชื่อชั้นเป็นรองคู่แข่งทุกทีมในกลุ่มจี ก่อนเกมก็มีปัญหาแล้วเพราะ อันเดรส ตูเนซ มีอาการบาดเจ็บลงเล่นไม่ได้ ลงไปแข่งจริงก็เห็นได้ชัดว่ารูปเกมเป็นรองกว่างโจว พอสมควร แต่ที่ต้องยอมรับเลยว่าสิ่งที่ไม่เป็นรองใครคือหัวจิตหัวใจความเป็นนักสู้

ลูกที่ นฤบดินทร์ สไลด์ตัวสกัดบอลออกไปได้แบบหวุดหวิด ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะถอดใจไปแล้่วเพราะหลุดมาจ่อซะขนาดนั้น แต่ความพยายามของ "ต้น" ก็ส่งผลให้เพื่อนร่วมทีมยังมีความหวังที่จะทวงประตูคืนได้ต่อไป ตราบใดที่เสียงนกหวีดยาวยังไม่ดังขึ้น

และท้ายที่สุดความพยายาม ความไม่่ย่อท้อ ของเหล่าแข้ง "ปราสาทสายฟ้า" ตลอดทั้งเกมก็ส่งผลให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ทำให้แฟนบอลสะใจ กับ 1 แต้มอันแสนล้ำค่านี้ ซึ่งไม่แน่เหมือนกันว่าอาจจะเป็นแต้มที่ต่อยอดสู่การเข้ารอบน็อคเอาท์ครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร

บทเรียนของทั้งสองทีมในเกมเดียวกัน มันทำให้เราได้เห็นด้านบวกกับด้านลบของมนุษย์ และช่วยเตือนสติให้เราปรับเอามาใช้ในชีวิตได้เลย คืออย่าประมาท ให้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความมีสติ และอย่าย่อท้อต่ออุปสรรค เพราะตราบใดที่คุณยังฮึดสู้ ความสำเร็จมันอาจจะรออยู่ในภายภาคหน้า ดีกว่าไม่คิดสู้แล้วจบลงด้วยการนอนแผ่สองสลึงยอมรับสภาพความพ่ายแพ้ของตัวเอง 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด