10 ประเด็นเก็บตกพรีเมียร์วีก 5
1. ผู้กอบกู้บอร์นมัธ
บอร์นมัธ เก็บชัยชนะนัดแรกของฤดูกาลได้สำเร็จเมื่อพลิกแซงชนะไบรท์ตัน 2-1 จากประตูชัยของ เจอร์เมน เดโฟ ที่เคยยิงประตูล่าสุดให้ทีมเมื่อ 16 ปีก่อนตอนเป็นดาวรุ่งและเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่ เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือคนปัจจุบัน
ดาวยิงจอมเก๋าเพิ่มสถิติตัวเองด้วยการยิงคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 36 ทีม มีเพียง แฟร้งค์ แลมพาร์ด (39), แอนดี้ โคล (38) และ อลัน เชียร์เรอร์ (37) ที่ยิงได้มากกว่า และฤดูกาลนี้ก็เป็นฤดูกาลที่ 17 ติดต่อกันที่อดีตหัวหอกสเปอร์สและเวสต์แฮมยิงได้ในพรีเมียร์ลีก
ฤดูกาลก่อน เดโฟ ยิงไป 15 ประตูให้ซันเดอร์แลนด์ แต่ไม่อาจช่วยให้แมวดำรอดตกชั้นได้ ติดตามดูฤดูกาลนี้เขาจะช่วยเดอะ เชอร์รีส์ ได้หรือไม่
เจอร์เมน เดโฟ มีภารกิจสำคัญพาบอร์นมัธหนีตาย
2. สงสารปู่รอย
รอย ฮ็อดจ์สัน ประเดิมคุมคริสตัล พาเลซ ไม่สวยงามอย่างตั้งใจเมื่อพ่ายคาบ้านต่อเซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 ซึ่งสกอร์ที่ออกมาเช่นนี้นอกจากจะเป็นการแพ้ 5 นัดแรกของฤดูกาลแล้ว ยังไม่สามารถยิงใครได้เลยจนกลายเป็นสถิติห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
ปู่รอย ที่กลายเป็นคนวัย 70 ปีคนที่ 3 ที่คุมทีมพรีเมียร์ลีกต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ยังมีงานหนักรออีกเพียบโดยเฉพาะเกมลีก 3 นัดถัดไปที่ต้องออกไปเยือนแมนฯ ซิตี้ และแมนฯ ยูไนเต็ด ต่อด้วยกลับมาเล่นในบ้านเจอเชลซี
เห็นโปรแกรมแล้วได้แต่เอามือก่ายหน้าผาก สถิติที่ว่าแย่แล้วในตอนนี้อาจทรุดหนักยิ่งกว่าเดิม และผ่าน 2 เกมนี้เราคงได้มาเช็กกันอีกรอบว่าคุณปู่ยังหายใจคล่องอยู่มั้ย
ปู่รอย ยังต้องเจองานหนักอีกเพียบ
3. สาลิกามาเงียบ
เปิดหัวมาด้วยความพ่ายแพ้ 2 นัดแรก ใครจะคิดว่าตอนนี้นิวคาสเซิ่ลของกุนซือคนดัง ราฟา เบนิเตซ โผล่มาแบบเงียบๆ ติดท็อปโฟร์แล้วเมื่อ 3 นัดหลังสุดเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด
ทัพสาลิกาเบียดชนะสโต๊ค ซิตี้ ได้ 2-1 ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ชนะ 3 นัดใน 5 นัดแรกฤดูกาลคือปี 2000 ที่ตอนนั้นจบอันดับ 11 ของตาราง มาในฤดูกาลนี้ ราฟา เบนิเตซ ก็คงหวังทำให้ได้แบบนั้นแต่ไม่ลืมเป้าหมายหลักเบื้องต้นคือการรอดตกชั้น
สาลิกาตีปีกมา 3 นัดติดต่อกันแล้ว
4. แบร์รี่ ผู้ยืนยง
พลันที่ย้ายออกจากเอฟเวอร์ตัน แกเร็ธ แบร์รี่ แทบจะเลือนหายไปจากการรับรู้ของแฟนบอลพอสมควร และการมาอยู่กับเวสต์บรอมวิชก็ยิ่งห่างไกลจุดโฟกัส แต่ไม่ใช่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
กองกลางมากประสบการณ์ทำสถิติเล่นในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดเทียบเท่า ไรอัน กิ๊กส์ ปีกตำนานแมนฯ ยูไนเต็ดที่ 632 นัดเท่ากัน หลังลงสนามในเกมที่ เดอะ แบ็กกี้ส์ เปิดรังเดอะ ฮอร์ธอร์นส์ เสมอ เวสต์แฮม 0-0
แบร์รี่ สัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในปี 1998 ซึ่งตอนนั้นเล่นให้แอสตัน วิลล่า ก่อนย้ายไปร่วมทีมแมนฯ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน และเวสต์บรอมวิชในปัจจุบัน โดยในจำนวน 632 นัดดังกล่าว เป็นการลงตัวจริง 600 นัดพอดีอีกด้วย
จากนี้ แค่แตะเท้าลงสนามในนัดต่อไป แกเร็ธ แบร์รี่ ก็จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ตัวเองทันที
แกเร็ธ แบร์รี่ จ่ารึกชื่อลงในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เทียบเคียง ไรอัน กิ๊กส์
5. เรือแล่นฉิว
5-0, 4-0 และ 6-0 คือสกอร์ 3 นัดหลังสุดที่แมนฯ ซิตี้ ลงสนามและเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด นี่คือเหตุผลว่าทำไมลูกน้องของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จึงเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์
รังแตนอันเหนียวแน่นไม่แพ้ใครนับแต่เปิดฤดูกาลมา โดนตีแตกกระเจิง และเมื่อรวมฤดูกาลที่เจอกันปรากฎว่า แมนฯ ซิตี้ บุกมายิงรวม 11-0 มากกว่าวัตฟอร์ดยิงในสนามตัวเองตลอด 9 นัดหลังสุดเสียอีก
เซร์คิโอ อเกวโร่ กับ กาเบรียล เชซุส จับคู่ฉายแสงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยใน 8 นัดหลังสุดที่ดูโอละตินออกสตาร์ตพร้อมกัน คนแรกยิงไป 9 ประตู ขณะที่ฝ่ายหลังกดไป 7 และแอสซิสต์รวมกันอีก 6
เจาะลึกไปที่ "กุน" ซึ่งทำแฮตทริกที่ 6 ในเวทีพรีเมียร์ลีก ตามหลัง อลัน เชียเรอร์ (11 ครั้ง), ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (9 ครั้ง), ไมเคิ่ล โอเว่น (8 ครั้ง) และ เธียร์รี่ อองรี (8 ครั้ง) แต่เพียง 4 คนเท่านั้น และเมื่อรวมผลงานในยุคที่เล่นให้แอต.มาดริด เข้าด้วยปรากฎว่ายิงครบ 200 พอดี ในเกมลีกยุโรป
เรือร้อนแรงจริงๆ ชั่วโมงนี้
6. อาถรรพ์เวมบลีย์ของไก่
เกมยุโรปที่อัดโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 3-1 กลายเป็นภาพลวงตา แท้จริงแล้ว สเปอร์ส ยังคงมีปัญหาที่ไม่สามารถอธิบายได้กับการเล่นที่สนามเวมบลีย์
ผลเสมอไร้สกอร์กับสวอนซีล่าสุดทำให้ทัพไก่ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยในการเล่นเกมลีกในบ้าน 3 นัดแรก และทำแต้มหล่นไปแล้ว 7 คะแนนทั้งที่ฤดูกาลก่อนที่ส่งท้ายไวท์ ฮาร์ท เลน พวกเขาทำแต้มหล่นเพียง 4 คะแนนจากการชนะ 17 เสมอ 2 นัด
เกมนี้ สเปอร์ส ได้ครองบอลถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และยิงรวม 26 ครั้ง โดยมีเกือบถึง 40 เปอร์เซ็นต์ที่พาบอลป้วนเปี้ยนอยู่ในเขตโทษหงส์ขาว ทว่าจบ 90 นาทีโดยที่สกอร์ยังแน่นิ่ง 0-0 และเป็นครั้งแรกในรอบ 30 นัดที่ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เล่นเกมลีกในบ้านแล้วยิงไม่ได้
สเปอร์ส ยังไม่ชนะเกมลีกในบ้านฤดูกาลนี้เลย
7. เรื่องเดิมของหงส์
งานฉลองการก่อตั้งสโมสรครบ 125 ปีของลิเวอร์พูลออกมากร่อยเล็กน้อยเมื่อโอกาสยิงประตู 35 ครั้งในเกมกับเบิร์นลี่ย์กลับมีเพียงประตูเดียว ขณะที่โอกาส 5 ครั้งของคู่แข่งมีหนึ่งประตูตีเสมอ
เกมรุกลิเวอร์พูลที่ได้ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กลับมาเแทน มาเน่ ที่โดนแบนพอดี ยังคงดุดันและเข้าทำอันตราย ทว่าเบิร์นลี่ย์ของ ฌอน ไดซ์ ก็สู้ยิบตา ขณะที่ นิค โป๊ป ผู้ลงทำหน้าที่แทน ทอม ฮีตัน ที่เจ็บยาว ก็เซฟแล้วเซฟอีก
"ความผิดพลาดเราเอง เราคุมเกมได้หมด มีทัศนคติยอดเยี่ยม และเล่นได้ดีแม้เปลี่ยนทีม 7 ตำแหน่ง ทว่าได้เพียงประตูเดียว" เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวเอาไว้หลังไม่สามารถพาทีมชนะได้เลยใน 3 นัดหลังสุดจากทุกรายการ และเสียไปถึง 8 ประตู
ส่วน เบิร์นลี่ย์ ฤดูกาลนี้เล่นนอกบ้านดีเหลือเชื่อ เก็บได้ถึง 5 คะแนนจากการไปเยือนเชลซี, สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล ทั้งที่ฤดูกาลก่อนทั้งฤดูกาลเก็บได้เพียง 7 คะแนนเท่านั้น
เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังแก้ปัญหาในเกมรับไม่ได้
8. บิ๊กแมตช์ที่เดอะ บริดจ์
เป็นเวลานานถึง 12 ปีที่ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ระหว่างเชลซีกับอาร์เซน่อลจบลงด้วยผลเสมอไร้สกอร์ และหนึ่งคะแนนสำหรับเจ้าถิ่นก็ถือว่าน่าผิดหวัง แถมยังเสียหายกับใบแดงในช่วงท้ายเกมของ ดาวิด ลุยซ์
ปืนใหญ่ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ทำได้ดีเกินคาดโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความพ่ายแพ้ที่แอนฟิลด์ซึ่งยังติดตาใครหลายคน เกมนี้่มีโอกาสบุกชนะที่เดอะ บริดจ์ ด้วยซ้ำแต่จังหวะสุดท้ายไม่คมพอ
เชลซี เสียสถิติหลายอย่างในเกมนี้ทั้งการเปิดบ้านชนะอาร์เซน่อลมา 5 นัดติดต่อกันในลีกที่ถูกหยุดลง แถมยังเป็นครั้งแรกในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ไม่สามารถยิงประตูในบ้านได้ ซึ่งความคลาสสิกอยู่ที่ ปีเตอร์ เช็ก เด็กเก่าของพวกเขาเองเป็นคนเฝ้าเสาให้อาร์เซน่อล
ทว่าสิ่งนี้ที่มีอยู่ต่อไปคือ 3 นัดหลังสุดที่เจออาร์เซน่อลในเกมทางการ เชลซี โดนไล่ออกทั้ง 3 นัด ไม่ว่าจะเป็นเอฟเอ คัพ รอบชิงฯ (วิคเตอร์ โมเสส), คอมมูนิตี้ ชิลด์ (เปโดร) และล่าสุด ดาวิด ลุยซ์ ที่พุ่งเสียบหนักใส่ เซอัด โคลาซินัค
ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ จบ 0-0 ในรอบหลายปี แต่ไม่วายมีใบแดงส่งท้าย
9. "รูน" คืนถิ่น-"รอม"ยิงทีมเก่า
เป็นบรรยากาศซาบซึ้งใจระดับหนึ่งอย่างที่คาดเอาไว้ แฟนผีหลายคนยังคงจดจำ เวย์น รูนี่ย์ ในฐานะขวัญใจเพราะตลอดระยะเวลา 13 ปีที่อดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษเล่นให้ปีศาจแดง มีความทรงจำมากมายเกิดขึ้นเช่นเดียวกับตำแหน่งแชมป์ และการจารึกชื่อเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร
เช่นเดียวกับผลการแข่งขันที่ก็ไม่ต่างจากที่คาดเดากันมากนักแม้สกอร์จะออกมา 4-0 ก็ตาม ฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมช่วงหลังสวนทางกัน และแมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาศัยทีเด็ดท้ายเกมยิง 3 ประตูเพิ่มเติมจาก อันโตนิโอ วาเลนเซีย ซัดตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ต
โรเมลู ลูกากู กลายเป็นคนเดียวในเกมนี้ที่ใช้กฎยิงประตูทีมเก่า และดีใจแบบไม่มีเม้มซึ่งประตูนี้ทำให้หัวหอกทีมชาติเบลเยียมขยับขึ้นไปรั้งตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ 5 ประตูเท่ากัน
เวย์น รูนี่ย์ ช่วยเอฟเวอร์ตันไม่ไหวในการกลับมาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ขณะที่ ลูกากู ดีใจแบบใส่เต็มหลังยิงทีมเก่า
10. ที่นี่แมนเชสเตอร์
ผ่าน 5 นัดแรกไปเรียบร้อย สองทีมดังจากแมนเชสเตอร์ครองจ่าฝูงร่วมด้วยผลงานเท่ากัน "เป๊ะ" ทั้งชนะ, เสมอ, แพ้, ประตูได้, ประตูเสีย และคะแนน พร้อมกับขยับหนีเชลซีออกเป็น 3 คะแนน
ด้วยฟอร์มแบบนี้ การเจอกันของทั้งสองทีมคงเป็นเกมที่ระทึกใจอย่างที่สุด ทว่าโปรแกรม "แดงเดือด" นัดแรก ต้องรอนานถึงวันที่ 9 ธันวาคม นู้นเลย
แต่เชื่อเถอะว่า มันจะเป็นการรอคอยที่คุ้มค่าแน่นอนหากทั้งสองทีมยังรักษาระดับการเล่นอันยอดเยี่ยมเอาไว้ก่อนถึงวันแตกหักในเดือนสุดท้ายของปี
ผลงานของ โชเซ่ มูรินโญ่ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในฤดูกาลนี้ เฉือนกันไม่ลงจริงๆ