ทวงคืนวันดีดี
หกล้มบ้างบางคราบนสมรภูมิสีเขียว จนถูกปล่อยยืมไปสโมสรอื่น แต่ท้ายสุด "ก้อง" ก็พิสูจน์ตัวเองจนคืนสู่สีเสื้อ ชลบุรี เอฟซี ต่อยอดยังการเป็นแกนหลักทีมชาติไทยในสมัย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นั่งเก้าอี้ช้างศึก
ดื่มด่ำฟอร์มการเล่น สูดกลิ่นความสำเร็จอยู่พักใหญ่ จนช่วงหลัง "ก้อง" เริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์ผ่านโซเชียล ด้วยระดับมาตรฐานการเล่นที่ลดลง บ้างบอกว่าปีกหน้าคมรายนี้ไม่สามารถถีบก้าวการพัฒนาได้กว่านี้แล้ว
กอปรกับช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านเฮดโค้ชทีมชาติมาเป็น มิโลวาน ราเยวัช ชื่อของ เกริกฤทธิ์ เริ่มหายไปจากสารบบทีมชาติอย่างเงียบๆ
กับผลงานที่ในถิ่นชลบุรี เจ้าตัวหาได้โชว์ผลงานได้สุดติ่งกระดิ่งแมวเหมือนเก่า จนตกเป็นข่าวลือว่าบอร์ด "ฉลามชล" พร้อมพิจารณาข้อเสนอจากสโมสรอื่น และปล่อยเจ้าตัวออกไป ทว่าท้ายสุดทีมได้ปฏิเสธข่าวและเป็นแกนหลักกับทีมอยู่พร้อมบทบาทใหม่ที่ถูกมอบให้นั่นคือ "กัปตันทีม"
อาจด้วยขวบวัยที่สูงขึ้น พร้อมภาระต้องสวมปลอกแขน และการมาของโค้ชต่างชาติที่ไม่รู้ว่าใครมีดีกรีอย่างไร ทำให้ทุกคนต้องถีบตัวเองมากกว่าเดิมเพื่อแข่งขันภายในทีม แน่นอนรวมถึงตัวก้องด้วย และที่ผ่านมาเจ้าตัวทำได้ดีระดับหนึ่ง
สิงที่เห็นในช่วงหลังสำหรับเจ้าตัวคือสภาพความฟิต เกริกฤทธิ์ วิ่งพล่านและมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าเดิม รวมถึงจังหวะเติมเกมจบสกอร์ในเขตโทษที่เป็นจุดเด่นของ "ก้อง" กลับมาอีกครั้ง ผลลัพธ์คือเขายิงในไทยลีกไปแล้ว 3 ตุง ยังไม่นับการสร้างโอกาสอีกบ่อยครั้ง จนกลายมาเป็นคีย์แมนคนสำคัญในรั้ว ชลบุรี สเตเดียม
แน่นอน ผลงานที่ดีขึ้นสำหรับเจ้าตัว อาจเป็นบัตรผ่านต่อยอดกลับไปคัมแบ็กทีมชาติไทยอีกครั้งทั้งรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ ปลายปีนี้ และเอเชียนคัพ ต้นปี 2019
หากยังรักษาฟอร์มการเล่นเช่นนี้ไว้ได้ แหงล่ะว่า ประตูทีมชาติแง้มมาทักทายเขาอีกครั้งแน่ ยิ่งกับเฉพาะตัวรุกฝั่งซ้ายช้างศึกที่ยังหาเสาหลักมายืนอย่างทางการไม่ได้
นั่นคือสิ่งที่ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ต้องตะบันและพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาดีพอสำหรับประตูทีมชาติ ทวงวันดีดีที่เคยล่วงผ่านกลับคืน
ถึงตอนนั้นเชื่อเถอะว่า ราเยวัช พร้อมกวักมือเรียก