ทันทีที่รู้ว่ามีทีมไหนผ่านเข้ารอบตัดเชือกมาได้ ในใจของแฟนๆทั้งหลายคนมีตัวเลือกกันอยู่ในใจแล้วว่าอยากให้ทีมรักของตัวเองเจอกับใคร
แน่นอนว่าเมื่อมาถึงรอบนี้คงไม่มีหมูให้เคี้ยวกันง่ายๆ แต่ก็คงพอมองได้ว่าใครคือทีมเต็งที่จะก้าวไปคว้าแชมป์ตามหน้าเสื่อของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เต็งหนึ่งเป็น เรอัล มาดริด อย่างไม่ต้องสงสัยตามมาด้วย บาเยิร์น มิวนิค, ลิเวอร์พูล และ โรม่า
แต่ถ้าเป็นไปได้ใครก็คงอยากที่จะเลี่ยง "ราชันชุดขาว" เจ้าของตำแหน่งแชมป์รายการนี้มากที่สุด และเป็นแชมป์มาแล้วสองสมัยติดต่อกัน
การจับสลากที่มีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและตรึงเครียมโดยเฉพาะบรรดาทีมที่เข้ามาอยู่ในรอบนี้ต่างก็ลุ้นว่าทีมของตัวเองจะต้องเจอกับใครในเกมตัดเชือก
เปิดฉากด้วยถ้วยเล็กอย่างยูโรปา ลีก โดยก่อนการจับสลาก แอตเลติโก มาดริด จากสเปนถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งของรายการที่แม้จะออกไปพ่ายให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในเกมเลกสอง 0-1 แต่ยังมีบุญเก่าที่ตุนไว้สองลูกทำให้เข้ารอบด้วยสกอร์ 2-1 โดยนับตั้งแต่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เข้ามาทำทีมก็ยกระดับตราหมีให้กลายเป็นทีมยักษ์ไม่ใช่แค่ในสเปน แต่รวมถึงในยุโรปด้วย
จริงอยู่ที่แม้ว่าทีมไม่ได้มีสตาร์ดังอะไรมากมาย แต่เน้น "ทีมเวิร์ค" ที่ต้องบอลว่าระบบที่กุนซือชาวอาร์เจนติน่าเข้ามาวางรากฐานนั้นถือว่าเป็นทีมที่เล่นด้วยความเข้าใจกันล้วนๆ
เต็งสองเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อาร์เซน่อล สโมสรจากอังกฤษที่โค่น ซีเอสเคเอ มอสโก ทีมจาก รัสเซีย มาด้วยสกอร์รวม 6-3
ตามมาด้วย โอลิมปิก มาร์กเซย ทีมดังจากฝรั่งเศสที่พลิกสถานการณ์ในเกมที่สองด้วยการไล่ทุบ แอร์เบ ไลป์ซิก 5-2 หลังจากที่เกมแรกพ่ายมาก่อน 0-1 เข้ามารอบมาด้วยสกอร์รวม 5-3
อันดับสุดท้ายเป็นของ ซัลซ์บวร์ก ม้ามืดจากออสเตรียที่พลิกล็อคมาอย่างยอดเยี่ยมด้วยการถล่ม ลาซิโอ 4-1 และเข้ารอบด้วยประตูรวม 6-5 เป็นเต็งสี่
แน่นอนว่าถ้ามองอย่างเป็นกลางหากคุณไม่ใช่แฟนบอลทั้งสี่ทีมนี้ คงอยากเห็นสองทีมใหญ่อย่าง แอตเลติโก มาดริด ฟาดแข้งกับ อาร์เซน่อล ในรอบชิงชนะเลิศ
กระทั่งผลการจับสลากประกบคู่ออกมาถือว่า "ขัดใจ" แฟนๆกันไปเมื่อสองทีมเต็งอย่าง ตราหมีและปืนใหญ่ต้องโคจรมาเจอกันเองในรอบตัดเชือก ในขณะที่ มาร์กเซย ไปดวลกับ ซัลซ์บวร์ก
เรตราคาที่เปิดออกมาของเบ็ท 365 บ่อนพนันถูกกฎหมาย แอต.มาดริด ถูกยกเป็นเต็งหนึ่งด้วยราคา 11/10 (แทง 10 จ่าย 11 ไม่รวมทุน) ขณะที่ อาร์เซน่อล เต็งสองอูยู่ที่ 3/1 ตามมาด้วย มาร์กเซย 7/2 และปิดท้ายที่ ซัลซ์บวร์ก 6/1
เชื่อเถอะว่าถึงแม้ว่าทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เองจะถูกจัดให้เป็นทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์เหนือทีมอื่นๆ แต่ถ้าเป็นไปได้พวกเขาเองก็คงยังไม่อยากจะเจอกับ อาร์เซน่อล ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเต็งที่เป็นรองเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น
อาร์แซน เวนเกอร์ ลั่นวาจาไว้แล้วไม่ว่ายังไงพวกเขาต้องก้าวไปให้ถึงจึดสูงสุดของถ้วยใบนี้ให้ได้เพราะเป็นตั๋วที่จะพาพวกเขาสู่เวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้า แต่ก็ต้องผ่านบดทดสอบนี้ให้ได้
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องสู้กันไป และแทบจะชี้ชัดได้เลยว่าหากคู่นี้ใครสามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้ก็มีโอกาสสูงที่จะก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ด้วย
ไม่ใช่ว่าดูถูก โอลิมปิก มาร์กเซย หรือ ซัลซ์บวร์ก ซึ่งพวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วในรอบที่ผ่านมาว่า "มีของ" เหมือนกัน แต่ก็เป็นเพียงการมองไปตามรูปการณ์เท่านั้น ซึ่งบางทีทั้งสองทีมอาจจะพอใจมากกว่าที่ถูกมองว่ามีโอกาสน้อยกว่าทีมที่เหลือสำหรับการหยิบโทรฟี่ไปครอง เพื่อลดความกดดันไปในตัวด้วย
สำหรับเกมเลกแรกจะเล่นกันในวันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน นี้ โดย อาร์เซน่อล จะเปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พบกับ แอตเลติโก มาดริด ขณะที่อีกคู่ มาร์กเซย จะเฝ้ารังก่อนในการพบกับ ซัลซ์บวร์ก ส่วนเกมที่สองจะสลับฝั่งกันโดยเล่นในวันที่ 3 พฤษภาคม
มาถึงไฮไลท์คือการจับสลากยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ลุ้นระทึกกันอย่างใจจดใจจ่อ
ชื่อแรกที่ล้วงออกมาเป็น บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน ตามด้วยชื่อที่สองกลับเป็นชื่อที่ใครก็ไม่อยากเจอที่สุดก็คือ เรอัล มาดริด
ชื่อที่สามเป็น ลิเวอร์พูล ก่อนที่ชื่อสุดท้ายที่ถูกหยิบขึ้นมาจะเป็น โรม่า เรียกได้ว่าสมใจบรรดา "เด็กหงส์" ส่วนใหญ่ที่โหวตขอเจอกับทีมหมาป่าแห่งกรุงโรม มากที่สุด
ก็บอกแล้วว่าถ้ามองตามหน้าเสื่อนั้น โรม่า ถือเป็นทีมที่มีโอกาสน้อยที่สุดที่จะคว้าถ้วยใบนี้ แต่พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่ทางผ่านของใครหลังจากพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน โค่น บาร์เซโลน่า มาแล้วทั้งที่เกมเลกแรกโดนถล่มมาก่อน 1-4
อีกหนึ่งไฮไลท์ของเกมคู่นี้ก็คือการจะได้กลับไปเยือนถิ่นเก่าของ โมอาเหม็ด ซาลาห์ ที่ย้ายจาก โรม่า มาเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ พร้อมกับผลงานที่สุดยอด ไม่รู้ว่าจะได้รับการต้อนรับแบบไหน
เกมแรกจะเล่นกันในวันที่ 24 เมษายน โดย ลิเวอร์พูล จะลงเล่นนแอนฟิลด์ก่อน แน่นอนว่าสังเวียนแห่งนี้จะยังเป็น "นรก" ของทีมเยือนอย่างแน่นอน แต่เชื่อเถอะว่าฮูลิแกนจากอิตาลีที่ขึ้นชื่อเรียกความเถื่อนไม่เป็นรองใครคงไม่ยอมให้เจ้าถิ่นมาข่มขวัญง่ายๆ
โดยเฉพาะเมื่อถึงเกมที่สองในวันที่ 2 พฤษภาคม โรม่า จะกลับมาเล่นในบ้านบ้าง หากเกมแรกโดนต้อนรับยังไงเชื่อเถอะว่าพวกเขาจะเอาคืนเป็นสองเท่า
แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้ใจของ "เดอะ ค็อป" ลอยไปถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว
ขณะที่อีกคู่ บาเยิร์น มิวนิค จะเปิดอัลลิอันซ์ อารีน่า ในวันที่ 25 เมษายน รับทีมเต็งแชมป์อย่าง เรอัล มาดริด ถือว่าเป็นสองเกมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
คู่นี้ถือว่าเจอกันบ่อยทีเดียวในช่วงหลัง ล่าสุดก็เมื่อฤดูกาลที่แล้วที่เจอกันในรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยเกมแรก เรอัล มาดริด บุกชนะ 2-1 แต่กลับมาพ่ายในรังด้วยสกอร์เดียวกัน สุดท้ายยิงในช่วงต่อเวลาพิเศษชนะไปด้วยสกอร์รวม 6-3 ก่อนก้าวไปคว้าแชมป์ในที่สุด
ก่อนหน้านี้ในปี 2013/14 เจอกันในรอบตัดเชือกนี้เอง เป็น "ราชันชุดขาว" ที่ไล่ถล่มทั้งเหย้า-เยือนไปด้วยสกอร์รวม 5-0 และก็ก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์
หนล่าสุดที่เจอกันในรอบน็อคเอาท์และ บาเยิร์น มิวนิค เอาชนะได้คือในปี 2011/12 ในรอบตัดเชือกที่ทั้งสองนัดจบลงด้วยการเสมอกันด้วยสกอร์รวม 3-3 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษก่อนที่ "เสือใต้" จะคมกว่าชนะผ่านเข้าไปชิงแชมป์แต่พ่ายให้กับ เชลซี
งานนี้มาเจอกันผลจะจบยังไงม่รู้แต่ตอนนี้ เรอัล มาดริด ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งด้วยเรตราคา 21/10 (แทง 10 จ่าย 21 ไม่รวมทุน) ตามด้วย บาเยิร์น มิวนิค ที่ 12/5, ลิเวอร์พูล ที่ 10/3 และ โรม่า ที่ 11/1
ส่วนเรตสำหรับตำแหน่งดาวซัลโวที่คงไม่มีใครไปแย่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ซัดไปแล้ว 15 ลูก นอนมาที่ราคา 1/100 (แทง 100 จ่าย 1 ไม่รวมทุน) ตามมาด้วย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ยิงไปแล้ว 8 ลูก ที่ราคา 66/1 และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ยิง 8 ลูกเท่ากันที่ราคา 80/1
สุดท้ายคู่ชิงชนะเลิศจะเป็นใครหรือแชมป์จะเป็นใครก็ต้องรอดูกันว่าในรอบตัดเชือกผลจะออกมาแบบไหน
แต่ตอนนี้บรรดาแฟนๆของทีมที่เข้ารอบเชิญฝันตามสบายไปก่อนเกมการแข่งขันจะมาถึง