:::     :::

ถ้วยนี้พี่ขอ

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,652
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทันทีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกล็อคพ่ายคารังให้กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เท่ากับหยิบยื่นตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกไปอยู่ในมือของ แมนเชสเตอร์ ซิคี้ เรียบร้อย
ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเซอร์ไพรส์อะไรมากมาย เพราะด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างไกลสุดกู่ก็แทบจะนอนมาแล้วสำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่สาม ถือเป็นการกลับมาคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีเลย
ต้องยอมรับว่าฤดูกาลนี้ของทัพเรือใบภาพใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาดีจริงๆ หลังจากที่ลองผิดลองถูกในฤดูกาลที่แล้วซึ่งเป็นปีแรกที่เข้ามาทำทีม
เริ่มตั้งแต่การเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ที่จัดการเสริมทัพด้วยนักเตะคุณภาพไม่ว่าจะเข้ามาเป็นตัวหลักหรือเพื่อเข้ามาเป็นอะไหล่ก็ตาม
          
แบร์นาโด้ ซิลวา ตัวรุกจากโมนาโก, เอแดร์ซอน นายทวารจากเบนฟิก้า, ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็คขวาจากสเปอร์ส, ดานิโล่ วิงแบ็คจากเรอัล มาดริด, เบงฆาแม็ง เมนดี้ กองหลังจากโมนาโก รวมถึงที่เข้ามาในเดือนมกราคมอย่าง อายเมอริก ลาปอร์เต้ จากแอธเลติก บิลเบา
สนนราคารวมเบาะๆแค่ 255.7 ล้านปอนด์ หรือตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 11,500 ล้านบาทเท่านั้น
ลงทุนขนาดนี้แน่นอนว่ามีเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือกวาดแชมป์ทุกรายการที่ขวางหน้า
  แน่นอนว่าก็มีนักเตะไม่น้อยที่โดนปล่อยออกจากทีม เรียกได้ว่าเป็นโขยงทั้ง วิลลี่ กาบาเยโร่, กาแอล กลิชี่, เฆซุส นาบาส, บาการี่ ซานญ่า, ปาโบล ซาบาเลต้า, บรูโน่ ซูคูลินี่, โนลีโต้, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, เคเลชี่ เอเฮียนาโช่, แฟร์นานโด, ซามีร์ นาสรี่ และ วิลฟรีด โบนี่
          
เม็ดเงินที่ได้คืนมาคงไม่ต้องพูดถึงเพราะสโมรได้เดือดร้อนอะไรเรื่องเงินหรอก เพียงแต่มันเป็นกฎของทางยูฟ่าเท่านั้นเอง
ทีมออกสตาร์ทอย่างสวยหรูเก็บชัยชนะ 19 จาก 20 เกมแรกของซีซั่น โดยเฉพาะการเข้าเบรกเก็บชัยชนะติดต่อกันยาว 18 เกม ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของพรีเมียร์ลีกไปโดยปริยาย แทบเอาถ้วยแชมป์ไปไว้ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ตั้งแต่ผ่านครึ่งฤดูกาลแรกด้วยซ้ำ
ความพ่ายแพ้เกมแรกเกิดขึ้นในนัดที่ 23 ของฤดูกาลเมื่อบุกไปโดน ลิเวอร์พูล ขัดขา 3-4 แต่ก็แทบไม่ได้สร้างความระคายเคืองอะไรจากคะแนนที่นำโด่งอยู่ก่อน
สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือทีมไม่ได้ฉลองต่อหน้าคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่บุกมาชนะถึงถิ่น 2-3 ทั้งที่ออกนำก่อนสองประตู
          
จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามแต่มันก็คือน่าเสียดายนั่นแหละเพราะโอกาสแบบนี้อาจจะมีแค่ครั้งเดียวในชีวิตที่จะทุกอย่างจะประจวบเหมาะแบบนี้อีก
ถึงกระนั้นทีมก็ยเข้าป้ายความโทรฟี่มาครอง แถมยังมีโอกาสที่จะทำลายสถิติอีกหลายอย่างในพรีเมียร์ลีก
ที่สำคัญเลยก็คือคะแนนสูงสุด ที่สถิติเดิมเป็นของ เชลซี ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ทำเอาไว้ 95 คะแนน เมื่อปี 2004/05 โดยปัจจุบันทีมเก็บไปแล้ว 87 คะแนน และเหลือเกมให้เล่นอีก 5 นัด ต้องถือว่าเหลือเฟือ เผลอๆชนะรวดจะทำแต้มทะลุร้อยเอาได้
          
ตามด้วยสถิติเก็บชัยชนะมากที่สุด ซึ่งสถิติเดิมก็เป็น เชลซี ที่เป็นเจ้าของอยู่ในฤดูกาลที่ อันโตนิโอ คอนเต้ กวาดชัยชนะในลีกถึง 30 เกม ซึ่งตอนนี้ "เรือใบ" ชนะไปแล้ว 28 นัด เป็นอีกสถิติหนึ่งที่มาจ่อที่จะทำลายแล้ว
อีกสถิติที่น่าสนใจคือการเก็บชัยชนะนอกบ้านมากที่สุด ซึ่งก็เป็น เชลซี อีกนั่นแหละที่เป็นเจ้าของสถิติเดิมในปี 2004/05 ที่ชนะเกมเยือนถึง 15 นัด โดยปัจจุบันทีมของ เป๊ป ชนะนอกบ้านมาแล้ว 14 เกม และยังเหลืออีกสองนัดนอกบ้าน ถ้ากวาดชัยเรียบก็ขึ้นแท่นเป็นเจ้าของสถิติทีมใหม่นั่นเอง
ด้านการยิงประตูที่ เชลซี ในยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ ปี 2009/10ทำสถิติเอาไว้ที่ 103 ลูก ปัจจุบัน ซิตี้ ยิงไปแล้ว 93 ลูก เหลือเกมให้เล่นอีก 5 นัด ตามหลัง 10 ประตูถือว่าไม่เยอะเลย
สุดท้ายคือผลต่างประตูได้-เสีย ก็ยังเป็น เชลซี ที่ครองจ้าวภิพด้านนี้ในปี 2009/10 ที่มีผลต่างบวกอยู่ที่ 71 ลูก ในขณะที่ปัจจุบัน แมนฯ ซิตี้ มีผลต่างบวกอยู่ที่ 68 ลูก
          
เห็นได้ชัดเลยว่าทุกสถิติแทบจะคาบเกี่ยวกันทั้งหมด ซึ่งหาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมกวาดชัยเรียบ ก็มีโอกาสที่ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะขึ้นไปนั่งแท่นแทนที่ เชลซี ที่ครองบัลลังค์อยู่
ถึงตอนนี้โปรแกรมที่เหลืออีก 5 เกมต้องถือว่า "ไม่ยาก" เลยทั้ง สวอนซี (เหย้า), เวสต์แฮม (เยือน), ฮัดเดอร์สฟิลด์ (เหย้า), ไบรท์ตัน (เหย้า) และ เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน) เรียกได้ว่าเหนือกว่าทุกกระบวน 
แถมโอกาสจะยิงประตูกระจุยกระจายก็คงไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงสักเท่าไร
สิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับพลพรรคเรือใบในฤดูกาลนี้คือได้แชมป์ "น้อย" ไปหน่อย แม้จะเป็น "ดับเบิ้ลแชมป์" ในซีซั่นนี้จากถ้วยพรีเมียร์ลีกและคาราบาว คัพ แต่อย่างน้อยทั้งในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ เอฟเอ คัพ พวกเขาก็ควรอยู่ในรอบรองชนะเลิศตอนนี้จากเม็ดเงินที่ลงมา
          
แต่เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ถือว่าเป้นประสบการณ์เพื่อให้ทีมก้าวขึ้นมาแกร่งขึ้นกว่าเดิมในฤดูกาลหน้า
ด้วยเม็ดเงินของ ชีคห์ มานซูร์ และมันสมองของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เชื่อเถอะว่าในช่วงซัมเมอร์นี้จะมีนักเตะระดับ "บิ๊กเนม" เข้ามาเสริมทัพอย่างแน่นอน
เพราะถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ถือเป็น "เพชรเม็ดเอก" ที่ซิตี้อยากได้มาครอบครองที่สุด เหมือนกับ โรมัน อบราโมวิช กับเชลซีที่มุ่งมั่นคว้าถ้วยใหญ่ของยุโรปมาครองให้ได้ก่อนจะสมใจในที่สุด
ตอนนี้ทีมอาจจะได้ฉลองแบบเบาๆกันไปแล้ว อยู่ที่ว่ากุนซือชาวสเปนจะกระตุ้นลูกทีมให้ฮึดกับเกมที่เหลือเพื่อทำลายสถิติต่างๆได้ยังไง
ส่วนแฟนบอลอย่างเราก็เอาเวลาไปฉลองแชมป์กันดีกว่า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด