'อ็อกซ์' บาดเจ็บถูกหามลงเปลในเกม ยูฟ่า ชปล.รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ทีมถล่ม โรม่า 5-2 จากจังหวะเข่า-ปะทะ-เข่า กับ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ช่วงครึ่งแรก เล่นต่อไม่ไหวหามออกทันที
สัญญาณประกอบสีหน้าสีตาจากทีมแพทย์ แสดงให้เห็นว่างานนี้หนักแน่ แล้วก็จริงดังคาด มิดฟิลด์วัย 24 กะรัตบาดเจ็บเอ็นเข่า ยืนยันจากถ้อยแถลงของเว็บไซต์สโมสร
น่าสงสาร อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์แลน
แม้ยังไม่ระบุชัดว่าเป็นเอ็นเข่าด้านข้าง (MCL) ที่ใช้เวลารักษาสั้นกว่า ราว 3-4 เดือน หรือหายนะตรงเอ็นไขว้เข่าด้านหน้า (ACL) ซึ่งหากออกเคสนี้ 'อ็อกซ์' ต้องหายจากทีมนับปี
แต่ที่แน่ๆฤดูกาล 2017-18 ฐานะผู้เล่น ลิเวอร์พูล รวมถึง ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ รอบสุดท้ายในนามทีมชาติอังกฤษจบเห่แล้ว
พูดไปก็ให้ขนหัวลุก!เพราะ บอลโลก 2018 จะเป็นทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ลำดับสามแล้วที่ 'ดิ อ็อกซ์' ตกเครื่องก่อนคิก-ออฟ แบบฉิวเฉียด
ก่อนหน้านี้คือครั้งยังเป็นนักเตะ อาร์เซน่อล ก็พลาด ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2014 ดันมาเจ็บเอ็นร้อยหวายระหว่างเกมกระชับมิตรพบทีมชาติ เอกวาดอร์ ปิ๋วแบบน่าเจ็บใจ ส่วนฟุตบอล ยูโร 2016 ดันเจ็บข้อเท้ารุนแรงจนอดเป็น 23 รายชื่อ
อ็อกซ์ โดนเสียบหนักชวดเวิลด์ คัพ 2014
ว่ากันว่าคืนวันอังคารนั้นเอง เมื่อมิดฟิลด์เลือดผู้ดีทราบชะตาตัวเองคร่าวๆก็ต่อหูโทรศัพท์หา แกเร็ธ เซาธ์เกต ผจก.ทีมชาติอังกฤษทันที เพื่อแจ้งข่าวร้ายเดียวกับที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ลูกพี่ในสโมสรก็ฟังแล้วหน้านิ่วเช่นกัน
จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรเมื่อเวลาเพียงแค่ 5 สัปดาห์ มิสเตอร์ 'เจเค' สังเวยกองกลางสามรายไล่จาก เอ็มเร่ ชาน (แผ่นหลัง), อดัม ลัลลาน่า (กล้ามเนื้อหลังเข่า) กระทั่งเจ้า 'อ็อกซ์' นี่หากนับเซนเตอร์ฮาล์ฟ โฌแอล มาติป อีกคนเท่ากับเสีย 4 ตัวเลือกพร้อมใช้
"เราคงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการจัดทัพจากนี้" คล็อปป์ กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อโดนจำกัดชอยส์ลงสนาม
โพสต์จากไอจี ดิ อ็อกซ์
บรรดาผจก.ทีม ว่าเศร้า แต่คงไม่ได้สักเท่าของนักเตะเองที่ต้องระบายความทุกข์ผ่านไอจี เป็นภาพตัวเองถูกหิ้วขึ้นเปลสนามประกอบคำบรรยายยาวเหยีดว่า
"นับเป็นหายนะจริงๆที่ต้องมาแบบเจ็บหนักในช่วงสำคัญของฤดูกาล ยอมรับว่าเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อต้องพลาดเตะ ยูฟ่า ชปล.ซึ่งกำลังผลงานลิ่วฐานะแข้ง ลิเวอร์พูล รวมถึง ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ กับทีมชาติอังกฤษ"
"แต่ช่างมัน!จากนี้ก็ขอให้กำลังใจพวกเขา รวมถึงเป็นกองหนุนอยู่เบื้องหลัง แม้ทราบลึกๆว่ามันต้องมีอะไรพิเศษเกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์อย่างแน่นอน"
"จากนี้ผมคงต้องทุ่มสุดตัวเช่นกันเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถกลับมาเล่นให้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้"
"อย่างไรก็ตามความโชคร้ายของผมในครั้งนี้คงเปรียบเทียบไม่ได้กับครอบครัวแฟนบอล ลิเวอร์พูล ซึ่งโดนทำร้ายสาหัสก่อนเกม ก็ใคร่ขอส่งความห่วงใยไปถึงเขารวมถึงผู้เป็นที่รักของกองเชียร์รายนั้นทุกคนด้วย"
"ขอบคุณกับทุกกำลังใจ, ข้อความและแรงสนับสนุนครับ, หวังว่าจะเจอกันเร็วๆนี้#YNWA" อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ทิ้งท้าย
หากเป็น เอ็มซีแอล (ซ้าย) ยังพอลุ้นปรีซีซี่น แต่หาก เอซีแอล (กลาง) ก็จบเห่เจอกันปีหน้า
ไร้เจ้า 'อ็อกซ์' ทำให้ความอันตรายในเกมสวนกลับของ ลิเวอร์พูล หดไปแน่นอน โดยเฉพาะเกมทางขวา
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กดาวรุ่งอาจต้องเผชิญกับภาระมากกว่าเดิม ขณะที่ โม ซาลาห์ ก็ต้องขาดมือปั้นคนสำคัญซึ่งกำลังเข้าขารู้ใจ
อุปสรรคทุกอย่างต้องมีทางแก้ไข อีกอย่างนี่ไม่ใช่หนแรกของซีซั่นที่ทีมขาดคีย์แมน เพราะก่อนนี้ก็เสียเจ้า ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพลย์เมกเกอร์จอมเวทย์แต่ก็ยังถูลู่ถูกังมาได้
คำสอนพระพุทธเจ้าว่าไว้ อริยสัจ 4 : ทุกข์ (ขาดกองกลาง), สมุทัย (เพราะพวกแม่งบาดเจ็บ), นิโรธ (ยอมรับความจริงอย่าเสียขวัญ) และ มรรค (เอาไงดีกับชอยส์ในมือ)
นำหลักพุทธศาสนามาลองวิเคราะห์แบบเข้าข้างตัวเองดูเกี่ยวกับ 5 แนวทางนี้ครับ
เกอิต้า มาเลยได้ไหม?
มรรค #1 : เรียก นาบี เกอิต้า มาใช้เสียเลยสิ
เป็นไอเดียที่บรรเจิดมากเพราะในเมื่อหมั้นหมายกับนักเตะแล้ว จะช้า จะเร็วก็ได้เสียกันแน่ มาอยู่ด้วยกันก่อนแต่งจะเป็นไรไป? แถมจากทรงบอลเจ้ามิดฟิลด์ กินี ลงล็อคกับ 'หงส์แดง'แน่นอน
แต่ในความเป็นจริงแล้วทำไม่ได้เนื่องจาก ไลป์ซิก หวงของเปรียบไปก็เหมือนตอนเราโดน บาร์เซโลน่า ใช้บารมีพยายามดู คูตินโญ่ นั่นแหละ ฉะนั้นเมื่อไม่ให้ใครทำแบบนั้น ก็อย่าทำเช่นนั้นกับใคร
อีกอย่างการส่งชื่อลงทะเบียนเตะกับ ยูฟ่า ก็ไม่ทันแล้ว จึงไม่มีประโยชน์
กรูยิช เด็กเราล่ะมาก่อนได้หรือเปล่า
มรรค #2 : ขอเรียกคืน มาร์โค กรูยิช จาก คาร์ดิฟฟ์
เมื่อเอานักเตะคนอื่นๆไม่ได้ ก็เอาเด็กเรากลับมา! หนึ่งในนั้นคือ มาร์โค กรูยิช กองกลางเชิงรับหน่วยก้านดีที่ปล่อยให้ คาร์ดิฟฟ์ ทีมในระดับแชมเปี้ยนชิพยืมไปเล่นเมื่อตลาดมกราคม 2018
น่าเสียดายว่า ลิเวอร์พูล ไม่ได้ทำเงื่อนไขเรียกตัวฉุกเฉินฉะนั้นนักเตะไม่สามารถกลับมาจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาล หรือบาดเจ็บหนัก อีกทั้งแข้งวัย 22 กะรัต ก็ไร้ชื่อลงทะเบียนเตะเกมยุโรปด้วย
(จากซ้าย) วู้ดเบิร์น, มาสเตอร์สัน, โจนส์ และ เคน หาก อยากลองเด็ก
มรรค #3 : ดาวรุ่งที่พอจะกล้อมแกล้ม
นับเป็นไอเดียที่น่าสนใจหากจะเอาเด็กๆจากอะคาเดมี่ หรือพวกที่เคยเล่น ยูฟ่า ยูธลีก โปรโมทขัดตาทัพให้ชุดใหญ่ เห็นชื่อแล้วมีสี่รายที่พอจะลุ้นเสี่ยง
เอาพวกกองกลางอาชีพก่อนได้แก่ เคอร์ติส โจนส์ เด็กโปรดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด โดยเจ้าหนูวัย 17 ปีคนนี้นั่งในคอกหลังซุ้มม้านั่งสำรองเกมล่าสุดด้วย, รายต่อมา เฮอร์บี้ เคน ทว่าส่วนสัดแค่ 1.75 เมตร แถมร่างบางไม่น่าเสี่ยงใช้
หรือหากอยากได้ตัวประสบการณ์หน่อยชี้ไปที่ดีกรีทีมชาติ เวลส์ อย่าง เบน วู้ดเบิร์น เพราะบทบาทในทีมเด็กคือแม่ทัพแดนกลาง ทว่าข้อเสียอ่อนเกมรับ หรือหากจะรับเหนียวๆก็มี คอนอร์ มาสเตอร์สัน เซนเตอร์ซึ่งยืนห้องเครื่องได้
โกเมซ (ซ้าย) หรือ คลาวาน (ขวา) อาจมีวาสนาตัวจริงช่วงท้ายซีซั่น
มรรค #4 : ปรับแผน 4-2-3-1 หรือสามเซนเตอร์ฮาล์ฟ
ตีความจากคำว่า "ใช้กึ๋นจัดทีม" ตามขี้ปาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจต้องเปลี่ยนแท็คติค ยิ่งเมื่อพิจารณาจากตัวเลือกในมือ การเปลี่ยนจาก 4-3-3 มาเป็น 4-2-3-1 ดูยืดหยุ่นทีเดียว
เพราะสามารถสลับพัก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์ หรือ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ได้บ้าง อีกทั้งชอยส์เกมรุกก็มีให้ส่งลงมากกว่าหากนับ แดนนี่ อิงส์, ดอม โซลันกี้, วู้ดเบิร์น หรือเจ้าหนุ่ม เรน บรูว์สเตอร์
หรือหากปรับมาเล่น 3 เซนเตอร์ฮาล์ฟ โจ โกเมซ ที่ดูสนิมเกาะไปบ้างในเกมเสมอ เวสต์บรอมวิช 2-2 หากได้เล่นสต็อปเปอร์ขวา อาจไม่เหวอเท่าตอนเล่นฟูลแบ็ก อีกทั้ง รักนาร์ คลาวาน ก็รับมือได้กบตำแหน่งสต็อปเปอร์ซ้าย
ปัญหาคือเรามีเวลาซ้อมน้อย! จะกล้าเสี่ยงใช้หรือเปล่า?
อิงส์ เป็นชอยส์ที่เพลย์เซฟสุดไม่ว่าจะเล่นระบบใด
มรรค #5 : แดนนี่ อิงส์
ครับอดีตกองหน้าโลกลืมที่เจ็บไปนาน 2 ปีคนนี้แหละ น่าจะเป็นทางออก บนพื้นฐานความจริงที่เราจะเห็นเขามีส่วนมากในช่วงท้ายซีซั่น
ด้วยความทุ่มเท อิงส์ สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก ดีบ้างไม่ดีบ้างก็กล้อมแกล้มไป ทั้งนี้ระหว่างที่โดนส่งไปเคาะสนิมให้ทีมสำรอง แม้ยืนหอกเป้าแต่บทบาทจริงๆถอนลงมาเล่นแดนกลางเป็นตัวเชื่อมได้พอไหว
จึงขอฟันธงว่าแนวทางแก้ไขของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะมี แดนนี่ อิงส์ ลูกรักเป็นคีย์แมน!!!
