:::     :::

เป้าหมายต่อไป

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
3,846
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ขุมกำลังบาร์เซโลน่าชุดคว้าแชมป์ลีกาสมัยที่ 25 หลังบุกคว้าชัยชนะบนสังเวียนรีอาซอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

การคว้า'ดับเบิ้ลแชมป์'สามารถช่วยยาความผิดหวังจากการตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกแบบงงๆได้ดีในระดับหนึ่ง 

แต่งานของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังไม่ยุติลงเพียงเท่านี้ เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ยังพร้อมเดินหน้าสร้างผลงานระดับประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในลีกเมืองกระทิง 


นั่นคือการทำสถิติไม่แพ้ตลอดซีซั่น!!!

บาร์เซโลน่า เหลือโปรแกรมลงสนามอีก 4 เกมเพื่อสร้างสถิติดังกล่าว เริ่มต้นจากแมตช์'เอล กลาซิโก้'กับ เรอัล มาดริด (เหย้า), บียาร์เรอัล (เหย้า), เลบันเต้ (เยือน) และ เรอัล โซเซียดาด (เหย้า) 

มันมีโอกาสเป็นไปได้ไม่น้อยทีเดียวเนื่องจากทีมของ บัลเบร์เด้ มีคิวลงเล่นในถิ่น'คัมป์ นู'ถึง 3 จาก 4 นัดสุดท้ายของฤดูกาล 

บัลเบร์เด้ นำทีมคว้าแชมป์ก่อนจบฤดูกาล 4 เกมเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ช่วงฤดูกาล 1997-1998 ก่อนที่ทีมของเทรนเนอร์ชาวดัตช์จะพ่าย 3 จาก 4 เกมสุดท้ายและเก็บได้เพียงแต้มเดียวเท่านั้น หลังกด'ดับเบิ้ลแชมป์'ในซีซั่นดังกล่าว 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทีมยุคนั้นขาดแรงจูงใจในการลงเล่นช่วงที่เหลือของฤดูกาลต่างจากทีมของบัลเบร์เด้ที่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นแรงกระตุ้นโดยเฉพาะการเป็นทีมแรกที่ไม่แพ้บนเวทีลีกาตลอดซีซั่น 

การทำสถิติไม่แพ้ตลอดฤดูกาลจะเป็นการส่งท้ายที่ยิ่งใหญ่สำหรับ อันเดรส อีเนียสต้า ซึ่งประกาศอำลาสโมสรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 

อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญคือการทำผลงานเฉพาะตัวของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่กำลังลุ้นรางวัล'รองเท้าทองคำ'ครั้งที่ 5 ของกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์หลังสอยมาแล้วในซีซั่น 2009-2010, 2011-2012, 2012-2013 กับ 2016-2017

จากการทำแฮตทริคเกมล่าสุดทำให้ เมสซี่ แซง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ของ ลิเวอร์พูล ขึ้นเป็นผู้นำ 32 ประตูและเหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 4 เกม ขณะที่'โม'ซาล่าห์ ซึ่งยิง 31 ประตูเหลือเกมลงสนามอีกเพียง 2 นัดเท่านั้น 



เมสซี่ ยังสามารถต่อยอดไปถึงการทำผลงานในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียและลุ้นรางวัล'บัลลง ดอร์'ในช่วงปลายปีอีกด้วย 

บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีกาสมัยที่ 25 ท่ามกลางความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงบนสังเวียน'รีอาซอร์'เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

ฝ่ายหนึ่งฉลองความสำเร็จอย่างชื่นมื่น ขณะที่อีกฝ่ายอยู่ท่ามบรรยากาศเศร้าสลดหลังทีมตกชั้นตามหลัง มาลาก้า กับ ลาส ปัลมาส 

'เมื่อคุณไล่ตามมันมานานแล้วคุณจะพูดว่า'ในที่สุด'' บัลเบร์เด้ กล่าวกับโทรทัศน์สเปนหลังเกมบุกคว้าชัยที่รีอาซอร์ 4-2 นำทีมอาซูลกราน่าคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงครั้งที่ 7 ในช่วง 10 ปีหลัง 

'ผมมีความสุขมากๆเพราะในช่วงท้ายของลีกมันยาวนาน มันเริ่มต้นในเดือนสิงหาคมและเมื่อถึงช่วงฤดูกาลใบไม้ผลิทุกอย่างก็ตัดสิน เราผ่านมาทุกรูปแบบ เราเริ่มทำมาตั้งแต่ต้น เราขึ้นนำและเราจบลงด้วยดี มันเป็นแชมป์ลีกาครั้งแรกของผมด้วย'

แต่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ยอมรับว่ารู้สึกเจ็บปวดเช่นกันเมื่อเห็นบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างแฟนบอลบาร์ซ่ากับแฟนบอลเดปอร์ติโบ

'การตกชั้นของเดปอร์ทำให้แย่ลง สิ่งดีที่สุดคือการคว้าแชมป์ด้วยการเล่นกับทีมที่เป็นคู่แข่งของคุณหรือกับทีมที่ไม่ต้องเล่นเพื่ออะไร'

'แต่การฉลองแชมป์และฝ่ายตรงข้ามต้องไปเล่นดิวิชั่น 2 นั่นเป็นความเจ็บปวด เราต้องทำในสิ่งที่แตกต่างกัน แต่นั่นคืแนวทางที่มันเป็น'

บัลเบร์เด้ คว้าแชมป์ลีกาครั้งแรกในฐานะเทรนเนอร์ แต่สัจธรรมที่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้จะต้องเผชิญหลังจากนี้คือการป้องกันแชมป์จะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า 

'สิ่งที่ซับซ้อนที่สุดคือการไม่ทำให้เกิดชัยชนะ เราจะต้องเดินหน้าคว้าชัยชนะต่อไป ผลักดันตัวเองให้อยู่ในสถานะที่จะคว้าแชมป์อีกครั้ง'

'บาเลโร่ รีเบร่า (อดีตผู้เล่นแฮนด์บอลของบาร์เซโลน่า) เคยพูดไว้ว่าสิ่งที่ยากไม่ใช่การคว้าแชมป์ แต่เป็นการคว้าแชมป์อีกครั้ง สร้างแรงกระตุ้นอีกครั้ง ผลักดันตัวเองให้กลับไปอยู่ในจุดเริ่มต้นกับความปรารถนาเดิมอีกครั้ง'

'ฟุตบอลลีกเป็นการแข่งขันที่ยาวนาน มันไม่ได้ตัดสินกันในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง แต่มีหลายช่วง เราไล่ล่ามันมาตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนและเมื่อถึงตอนจบมันทำให้คุณคิดได้ว่ามันจบลงซะที'

'ในช่วงเดือนสิงหาคม ไม่มีใครคิดว่าเราจะก้าวมาถึงจุดนี้หลังการพ่ายแพ้ในศึกซูเปร์โกปา (ต่อ เรอัล มาดริด) และในเกมกับ เรอัล เบติส ซึ่งหลายอย่างไมาดีเท่าไหร่ (แมตช์แรกของฤดูกาลที่บาร์ซ่าชนะ 2-0) กุญแจสำคัญอยู่ที่นักเตะมากกว่าเทรนเนอร์'บัลเบร์เด้กล่าว 

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เป็นเทรนเนอร์คนที่ 6 ซึ่งนำ บาร์เซโลน่า สอย'ดับเบิ้ลแชมป์'นับเฉพาะ แชมป์ลีกา กับ โกปา เดล เรย์ 

ย้อนไปเมื่อ 66 ปีก่อนหน้านี้ เฟร์นานโด เดาซิค เป็นเทรนเนอร์คนแรกของสโมสรที่นำทีมอาซูลกราน่าฟาด'ดับเบิ้ลแชมป์'ในฤดูกาล 1951-1952 ก่อนทำสำเร็จอีกครั้งในซีซั่น 1952-1953 

เอเลนีโอ เอร์เรร่า เป็นเทรนเนอร์คนที่สองของ บาร์เซโลน่า ที่นำต้นสังกัดฟาด'ดับเบิ้ลแชมป์'ในฤดูกาล 1958-1959 ก่อนมาถึงคิว หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งเป็นเทรนเนอร์คนที่ 3 ซึ่งนำทีมยักษ์กาตาลุนย่าสอย'ดับเบิ้ลแชมป์'ในซีซั่น 1997-1998

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นเทรนเนอร์คนที่ 4 ที่นำทีมยักษ์กาตาลันสอย'ดับเบิ้ลแชมป์'สำเร็จในซีซั่น 2008-2009 ต่อด้วย หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาร์ตีเนซ ซึ่งทำสำเร็จ 2 ครั้งในฤดูกาล 2014-2015 กับ 2015-2016 จนกระทั่ง บัลเบร์เด้ เป็นเทรนเนอร์คนที่ 6 ที่นำบาร์ซ่าฟาด'ดับเบิ้ลแชมป์'

สำหรับ บัลเบร์เด้ อาจมีรอยด่างพร้อยจากเกมพ่าย โรม่า 0-3 ที่กรุงโรมจนตกรอบ 8 ทีมของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกจนสร้างความหงุดหงิดให้สาวกบาร์เซโลนิสต้าจำนวนไม่น้อย 

แต่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ช่วยเยียวยาความรู้สึกดังกล่าวด้วยการคว้า'ดับเบิ้ลแชมป์'และมีโอกาสจะนำทีมอาซูลกราน่าจบซีซั่นแบบสมบูรณ์แบบด้วย 

การคว้าแชมป์พร้อมจบฤดูกาลโดยไม่พ่ายแพ้เลยเป็นเป้าหมายต่อไปของ บัลเบร์เด้ และลูกทีม ซึ่ง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ คาดว่าหวังมันจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน 

'เราคว้าแชมป์ลีกอย่างสมบูรณ์แบบด้วยการไม่แพ้จนถึงตอนนี้ ผมหวังว่าเราจะสามารถทำต่อไป'บุสเก็ตส์ กล่าวหลังการคว้าแชมป์ลีกาสมัยที่ 7 ของตนเอง

ตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้เป้าหมายต่อไปของ บาร์เซโลน่า บรรลุหรือไม่คือการดวลกับคู่ปรับสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด ในวันอาทิตย์นี้ หลังทีมชุดขาวของ ซีเนดีน ซีดาน เคยบุกมาขย้ำทีมอาซูลกราน่าครั้งล่าสุดบนเวที'ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า'นัดแรกในช่วงเดือนสิงหาคมปีก่อนด้วยสกอร์ 3-1 

หากทีมของบัลเบร์เด้ไม่พลาดท่าเพลี่ยงพล้ำคารังต่อทีมของเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสในเกมต่อไป ทัพอาซูลกราน่ามีโอกาสจารึกชื่อว่าเป็นทีมไร้พ่ายทีมแรกของลีกเมืองกระทิงไม่น้อยทีเดียว 

จากความสำเร็จครั้งล่าสุดของ บาร์เซโลน่า เป็นการคว้าแชมป์ลีกาสมัยที่ 9 ของ ลิโอเนล เมสซี่ และ อันเดรส อีเนียสต้า มากที่สุดของผู้เล่นบาร์ซ่าชุดนี้ ซึ่งมากกว่า ชาบี เอร์นานเดซ ที่เคยคว้าแชมป์ลีกกับทีมอาซูลกราน่า 8 สมัย 

ตามมาด้วย บุสเก็ตส์ กับ เคราร์ด ปีเก้ คนละ 7 ครั้ง ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, บิคตอร์ บาลเดส, การ์เลส ปูโยล กับ ดาเนียล อัลเวส ฟาดแชมป์คนละ 6 ครั้ง 

สำหรับผู้เล่นชุดปัจจุบันที่คว้าแชมป์ไล่เรียงกันคือ เซร์จี้ โรเบร์โต้ (5), จอร์ดี้ อัลบา (4), หลุยส์ ซัวเรซ (3), อีวาน ราคิติช (3), มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น (3) กับ โธมัส แฟร์มาเล่น (3) ขณะที่ อเล็กซ์ บีดาล คว้าแชมป์ลีกา 2 ครั้ง

ส่วน ซามูแอล อุมตีตี้, ฟิลิปเป้ กูตินโญ่, เปาลินโญ่, เดนิส ซูอาเรซ, เนลซอน เซเมโด้, อันเดร โกเมส, ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น, ลูก้าส์ ดีญ, ฟรานซิสโก้ อัลกาเซร์, อุสมาน เดมเบเล่ กับ เยร์รี มีน่า ต่างคว้าแชมป์ลีกครั้งแรก 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด