:::     :::

สี่ยอดฝีมือหน้าไหนเหมาะชิงฯเอ็นบีเอ2018

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม 2561 คอลัมน์ Stars & Stripes โดย เจ.บาร์ท
1,123
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เอ็นบีเอ เพลย์ออฟ เดินทางมาถึงรอบชิงคอนเฟอเรนซ์ สี่ทีมสุดท้ายแย่งชิงตั๋ว 2 ใบ เพื่อสิทธิ์ชู แลร์รี่ โอไบรอัน โทรฟี่ ลองไปดูศักยภาพว่าแฟรนไชส์ใดคู่ควรกับโอกาสนั้น

ฝั่งตะวันตก 

ฮิวสตัน ร็อคเก็ตส์ (ผลงานดีสุด#1) - โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส (ผลงานดีสุด#2) 

สองทีมที่ถูกยกให้เป็นการชกรุ่นเฮฟวี่เวท ผลงานในรอบก่อนนี้ไม่เหนื่อยมากมายอัดคู่แข่งแบบเล่นถึงเกม 5 เท่ากัน จึงไม่มีใครได้เปรียบ-เสียเปรียบเกี่ยวกับพลัง 

ภาพรวมของ 'จรวดมหาปลัย' โพสต์ซีซั่นรอบแรกกับ มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ เล่นเหมือนคนเมาขี้ตาไม่สมศักดิ์ศรีมือ#1 ตะวันตก 


เคอร์รี่ (ซ้าย) ดวลฝีมือ พอล (ขวา) 

เพิ่งมาตื่นก็ในรอบตัดเชือกกับ ยูท่าห์ แจซ ซึ่งถูกขโมยเกมเหย้า ถึงได้สติเรียกจังหวะ และความกระหายกลัมาจากสองเพลย์เมกเกอร์ เจมส์ ฮาร์เด้น กับ คริส พอล 

ด้าน 'สะพานทอง' ขี่หลังสามผู้เล่น ออล-สตาร์ ในเพลย์ออฟ รอบแรก กับ ซาน แอนโทนิโอ สเปอร์ส เนื่องจาก สตีเฟ่น เคอร์รี่ การ์ดแม่ทัพเจ็บเอ็นเข่าด้านข้าง กว่าจะกลับมาแข่งก็รอบต่อมาที่พบ นิว ออร์ลีนส์ เพลิแกนส์ 

ผลงานพวกดาราแต่ละรายก็สดมาก เควิน ดูแรนท์ เฉลี่ย 28.4 แต้ม/นัด, เคลย์ ธอมป์สัน เฉลี่ย 21 แต้ม/นัด หรือ เดรย์มอนด์ กรีน ก็ครบเครื่อง 12.4 แต้ม, 11.2 รีบาวน์ด, 9 แอสซิสต์, 1.8 สตีล และ 1.2 บล็อก แถมได้ความปากหมา ป่วนประสาทคู่แข่ง  

ประกบคู่ตัวแสบ : กรีน vs. คาเพล่า 

แนวทางช่วงหลัง วอร์ริเออร์ส ไม่เน้นใช้ผู้เล่นไซส์ยักษ์เล่นเซนเตอร์ เมื่อวางใจผลงาน เดรย์มอนด์ กรีน ฟร้อนท์คอร์ทคุณภาพคับแก้ว แต่ไซส์แค่ 6 ฟุต - 7นิ้ว ขณะที่ ร็อคเก็ตส์ คาดหวังกับ คลินท์ คาเพล่า เจ้าหนุ่มก้านยาว

แม้สถิติที่ผ่านมาเฮด-ทู-เฮด ฤดูกาลปกติเมื่อ คาเพล่า ลงแข่งค่าเฉลี่ยการทำคะแนนของ 'สะพานทอง' สูงถึง 127.7 แต้ม ต่อการครองบอล 100 ครั้ง ซึ่งถือว่าป้องกันรั่วทีเดียว 


คาเพล่า (ซ้าย) ได้ความมีเปรียบร่างกาย ส่วน กรีน (ขวา) ประสบการณ์บวกลูกล่อ ลูกชน

แต่กับสองรอบเพลย์ออฟในการพบ แจซ และ ที-วูล์ฟส์ ผู้เล่นวัย 23 ปีถือเป็นตัวปิดทองหลังพระอย่างแท้จริงกับเกมวงในของ ร็อคเก็ตส์ ด้วยความได้เปรียบเรื่องหน่วยก้านยาวกว่า, พละกำลังที่ไม่มีหมด ก็ทำให้ผลการแข่งขันของซีรี่ส์อาจตัดสินจากการดวลวงใน 

สถิติบอกอะไร:

นับตั้งแต่มีการนำเอา เทิร์น โอเวอร์ มาคิดรวมในสถิติแต่ละเกมตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 1973-74 ก็ไม่เคยมีกรประกบคู่เพลย์ออฟใดที่ทั้งสองทีมทำเฉลี่ยอย่างน้อย 112 แต้ม จากโอกาสครองบอล 100 หน  


สามตัวสกอร์ วอร์ริเออร์ส สุดเด็ดแถมดีกรีแชมป์

วอร์ริเออร์ส คือทีมผลงานทำแต้มดีสุดอันดับหนึ่งลีก 112.24 คะแนน/นัด แต่ก็เหนือกว่า ร็อคเก็ตส์ อันดับสองไม่ห่างเลยเพราะเฉลี่ย 112.23 คะแนน/นัด หากไม่มีอะไรพลาดคงเห็นการดวลสกอร์แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน  

ตัวแปรตัดสินซีรี่ส์ : เกมป้องกันของ ร็อคเก็ตส์

ดารีล โมรี่ย์ ผจก.ทั่วไปของ ฮิวสตัน เคยให้สัมภาษณ์ว่าทีมในฤดูกาล 2017-18 สร้างขึ้นมาเพื่อโค่น วอร์ริเออร์ส โดยเฉพาะ ชี้ชัดไปยังการเซ็นสัญญาสองยอดฝีมืออย่าง พีเจ ทัคเกอร์ และ ลุ้ค เอ็มบาห์ อะ มูเต้ 


เกมป้องกันของ ร็อคเก็ตส์ ต้องงัดออกมาหยุด วอร์ริเออร์ส

มันทำให้ 'จรวดมหาปลัย' เล่นได้ชาญฉลาดขึ้น, ป้องกันได้หลากหลายสำหรับสลับตัวประกบใส่มือสกอร์ วอร์ริเออร์ส ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ยังทำแต้มเป็น สามารถเปลี่ยนเกียร์จากถอยหลังเป็นเดินหน้าชนิดเรียบลื่นไร้การสะดุด 

.................................................................

ฝั่งตะวันออก

บอสตัน เซลติคส์ (ผลงานดีสุด#2) vs. คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส (ผลงานดีสุด#4)  

เซลติคส์ และ คาวาเลียร์ส แทบจะเปลี่ยนหน้าตาไปเลยจากการพบกับในรอบชิงฯคอนเฟอเรนซ์ปีก่อน หรือไม่ต้องย้อนไกลเอาแค่การพบกันล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ยังนึกว่าเป็นคนละทีม พวกเขาวิวัฒนาการตัวเองทุกทางเพื่อเข้ามาถึงจุดนี้

ภาพรวมในการเพลย์ออฟที่ผ่านมาบ้าง 'แคฟส์' เจอโจทย์หินรอบแรก กระเสือกกระสนสู้ อินเดียนา เพเซอร์ส ถึงเกมเจ็ด เป่าปากเอาตัวรอดมาเจอทีมผูกปิ่นโต โตรอนโต แรปเตอร์ส ซึ่งก็กวาดซีรี่ส์สบายๆ 


คาวาเลียร์ส เจอทีมที่ลงตัวแล้ว

ฝั่ง เซลติคส์ โดนหยามว่าแค่มาแข่งเพลย์ออฟเพราะดันเสีย คายรี่ เออร์วิ่ง การ์ดแม่ทัพก่อนเข้าโพสต์ซีซั่น รอบแรกเจียนอยู่ เจียนไปในการพบ มิลวอลกี้ บัคส์ ต้องดวลถึงเกม 7 กระทั่งชนะซีรี่ส์มาได้ ส่วนรอบสองใช้ความอดทนบวกกึ๋นของหัวหน้าโค้ช แบร้ด สตีเว่นส์ ทุบทำคะแนนช่วงเข้าด้าย เข้าเข็ม ลิ่วมาชิงฯคอนเฟอเรนซ์สองปีติด  

ประกบคู่ตัวแสบ : ปีกทุกคนฝั่ง เซลติคส์ vs. เจมส์ 

คู่แข่งรอบที่ผ่านมา บอสตัน อาจเจอคู่แข่งตึงมืออย่าง จานนิส อันเทโทคุมโป้ ของ บัคส์ หรือ โฌแอล เอ็มบีด จาก 76เซอร์ส ทว่าที่กล่าวมาไม่มีใครสามารถแบกทีมบนหลังเพียงคนเดียวได้แบบ เลอบรอน เจมส์ ซึ่งทีม เซลติคส์ ทราบดีเพราะเคยโดนมาแล้วเมื่อปี 2012 


ทั้งทีม เซลติคส์ เวลาแข่งเพลย์ออฟ รวมกันยังสู้ แอลบีเจ คนเดียวไม่ได้

ให้เดาใจหัวหน้าโค้ช แบร้ด สตีเว่นส์ คงต้องส่งฟอร์เวิร์ดสายป้องกัน มาร์คัส มอร์ริส หรือแม้แต่แต่รุคกี้ เซมี่ โอเยเลเย่ มีบทบาทมากขึ้นเหมือนในรอบแรกที่งัดมุกนี้เล่นงาน อันเทโทคุมโป้ จนชะลอความแรงได้บ้าง  

สถิติบอกอะไร:

รอบก่อน อัล ฮอร์เฟิร์ด เปิดโรงเรียนสอนประสบการณ์ให้กับ โฌแอล เอ็มบีด จนเล่นผิดธรรมชาติ ทว่าบาปกรรมนั้นกำลังจะย้อนเข้าตัวเมื่อต่อกร 'แอลบีเจ' เพราะเฮด-ทู-เฮด ในเพลย์ออฟ ทีมที่ ฮอร์เฟิร์ด แข่งรับใช้แพ้ถึง 14 จาก 15 เกม เมื่อพบทีม เจมส์  

เมื่อฟร้อนท์คอร์ทดูเป็นรอง เซลติคส์ อาจต้องไปเอาดีกับแบ็คคอร์ทเมื่อพวกเขาได้ เทอร์รี่ โรเซียร์ การ์ดจ่ายมือ#3 ที่ขึ้นมาทดแทน คายรี่ เออร์วิ่ง อย่างสมน้ำ สมเนื้อ 


เจมส์ และทีมของเขาชนะ เซลติคส์ ในโพสต์ซีซั่นได้มากถึง 21 นัด 

เจ้าของฉายา 'สแครี่ เทอร์รี่' จะหลอนจนพว 'แคฟส์' หนหัวลุกได้หรือไม่?

ตัวแปรตัดสินซีรี่ส์ : ผลงานเกมเหย้า

ลืมฟอร์มที่เคยพบกันในฤดูกาลปกติให้หมด เพราะต่างฝ่ายต่างแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลยจากเกมเปิดซีซั่น 2017-18 แต่จงมาโฟกัสเรื่องผลงานเกมเหย้าเพลย์ออฟดีกว่า 

เซลติคส์ แกร่งเมื่อเล่นใน ทีดี การ์เด้น ชนะทั้ง 7 เกมที่ผ่านมา ด้าน 'แคฟส์' ถูกขโมยไป1 จาก 6 ครั้ง ในรอบแรก และรอบสอง ฉะนั้นใครพลาดฐานะทีมเหย้าก็จองโลง!! 


โรเซียร์ ก้าวมาเป็นเพลย์เมกเกอร์ให้ เซลติคส์ เต็มตัว

ระบบการเล่นหาผู้ชนะ 4 จาก 7 เกม แบ่งให้เล่นตามสัดส่วนที่ เซลติคส์ ผลงานฤดูกาลปกติดีกว่า 2-2-1-1-1 ฉะนั้น ลูกทีมของ แบร้ด สตีเว่นส์ ยังไม่ได้คอพาดเขียงอย่างที่ร้านพูลเปิดราคาแต่อย่างใด 

...........................................

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด