หลังจาก ฟูแล่ม พลิกสถานการณ์กลับมาเชือด ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 2-0 เมื่อวันจันทร์ และ แอสตัน วิลล่า ตรึงสกอร์ 0-0 กับ มิดเดิลสโบรช์ ในเกมที่มีจังหวะลุ้นทำประตูกันน้อย เมื่อวันอังคาร ก็จะได้สองทีมที่ผ่านเข้าสู่ เวมบลีย์ รอบชิงชนะเลิศ เพลย์ออฟ วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม

ถือเป็นคู่ชิงที่ถูกต้องและเหมาะสมกันที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะทั้งคู่จบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 และ 4 หากแต่ยังเป็นสองทีมที่โชว์ฟอร์มแข็งแกร่งที่สุดใน แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลนี้ เป็นรองแค่ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส แชมป์ กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ รองแชมป์

อันที่จริงแล้ว มีเหตุผลหลายประการที่สมควรให้ทั้ง ฟูแล่ม และ แอสตัน วิลล่า เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ จึงน่าเสียดายหากต้องเห็นทีมใดทีมหนึ่งย่ำเท้าอยู่ใน แชมเปี้ยนชิพ ต่อไปในฤดูกาลหน้า

ผู้ชนะในเกมที่ เวมบลีย์ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม จะพลิกชะตาด้วยตัวเองทันที ทั้งเรื่อง 'ชื่อเสียง' ที่จะได้ร่วมวงในศึกพรีเมียร์ลีก รวมถึง 'เงินทอง' ที่จะไหลมาเทมาอีกราวๆ 170-200 ล้านปอนด์

ตัวเลขรายรับที่ว่า ไม่ใช่จบเกมที่ เวมบลีย์ แล้วจะรับกันเหนาะๆ เลย แต่นั่นคือการคำนวณรายรับที่แต่ละทีมในพรีเมียร์ลีกจะได้ในช่วงเวลาตลอดทั้งฤดูกาล 2018-19 หนึ่งในนั้นมาจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด

สลาวิซ่า โยคาโนวิช เคยผิดหวังมาจากฤดูกาลก่อนที่เข้าสู่รอบเพลย์ออฟ แต่ไม่อาจพา ฟูแล่ม ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ หลังพ่ายต่อ เร้ดดิ้ง สกอร์รวมสองนัด 1-2 ถึงกระนั้น 'ย็อคก้า' ก็ยังพอทำใจได้ กับการพาทีมเกาะขึ้นมาจบอันดับ 6 ได้อย่างหวุดหวิด

หนึ่งปีผ่านไป สถานการณ์แตกต่างกันแม้ลงเอยต้องเล่นในรอบเพลย์ออฟอีกครั้ง แต่ปีนี้ ฟูแล่ม น่าจะคว้าตั๋วเลื่อนชั้นอัตโนมัติอยู่แล้ว หากไม่พลาดท่าเสียทีให้กับทีมหนีตายอย่าง เบอร์มิงแฮม ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล จึงมีโอกาสไม่น้อยที่หาก ฟูแล่ม พลาดหวังอีกในเกมที่ เวมบลีย์ โยคาโนวิช จะอำลาทีม

ว่ากันว่า เพชรเม็ดงามของ ฟูแล่ม คงต้องเข้าไปอยู่ในตลาดซื้อขายในช่วงซัมเมอร์นี้ หากทีมพลาดเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า เพราะยากที่จะต้านทานข้อเสนอจากทีมต่างๆ ทั้งในพรีเมียร์ลีก และต่างแดนได้ โดยมีการคาดการณ์ว่าค่าตัวอาจพุ่งถึง 50 ล้านปอนด์

แม้อายุเพิ่ง 17 ปี แต่เวลานี้ เซสเซยง ก้าวมาไกลและดีเกินกว่า แชมเปี้ยนชิพ แล้ว ดูไปดูมา เส้นทางและโอกาสก็คล้ายๆ กับ แกเร็ธ เบล เมื่อครั้งย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ไปอยู่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แถมตอนนี้กำลังเปรี้ยงปร้างกับการยิงประตูจากตำแหน่งกองหน้าฝั่งซ้าย มากกว่าที่จะกลับไปเล่นแบ็กซ้ายด้วย

นีล วอร์น็อค ผู้จัดการทีม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สร้างชื่อทำสถิติพาทีมเลื่อนชั้นทุกระดับดิวิชั่นเป็นครั้งที่ 8 มากที่สุดเป็นสถิติของฟุตบอลอังกฤษเอาไว้ แต่หากนับแค่การเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 2 สู่ดิวิชั่น 1 หรือ แชมเปี้ยนชิพ สู่พรีเมียร์ลีก สถิตินี้ยังเป็นของ สตีฟ บรูซ

บรูซ มีสถิติเป็นผู้จัดการทีมที่พาทีมเลื่อนชั้นจากแชมเปี้ยนชิพสู่พรีเมียร์ลีกมากที่สุด 4 ครั้ง พา เบอร์มิงแฮม จบรองแชมป์ปี 2007, ฮัลล์ จบรองแชมป์ปี 2013 และมีผลงาน 100 เปอร์เซนต์เป็นแชมป์ในรอบเพลย์ออฟทั้ง 2 ครั้ง กับ เบอร์มิงแฮม ปี 2002 และ ฮัลล์ ปี 2016

จอห์น เทอร์รี่ พูดเอาไว้หลายครั้งแล้วในฤดูกาลนี้ว่าจะยังไม่ตัดสินใจใดๆ เรื่องอนาคตในฤดูกาลหน้า จนกว่าจะได้บทสรุปฤดูกาล 2017-18 กับ แอสตัน วิลล่า เสียก่อน

อดีตเซนเตอร์แบ็กกัปตันทีมชาติอังกฤษ และเป็นตำนานของ เชลซี ก้าวเท้าออกจากรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ เซ็นสัญญาระยะสั้นกับ วิลล่า 1 ฤดูกาล โดยเชื่อว่า เทอร์รี่ จะต่อสัญญาเพิ่มแน่หาก สิงห์ผงาด เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกซีซั่นหน้า แม้ถึงตอนนั้นอายุอานามของเจ้าตัวจะปาเข้าไป 38 ปีเมื่อถึงเดือนธันวาคม

อย่างไรก็ตาม หาก วิลล่า พลาดหวัง เทอร์รี่ ก็จะพิจารณาสองทางเลือก หนึ่ง ย้ายไปเล่นต่างแดน โดยมี เมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจ กับสอง แขวนสตั๊ด

วันและเดือนนี้มีความหมายกับ แอสตัน วิลล่า เป็นอย่างมาก เพราะย้อนกลับไป 36 ปีที่แล้ว พวกเขาเคยคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปัจจุบัน) เป็นแชมป์ยุโรปครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วย

เกมที่ ร็อทเทอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 1982 แอสตัน วิลล่า เจ้าของแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น ถือว่าเป็นรอง บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมของเยอรมนีมากทีเดียว เพราะตอนนั้น เสือใต้ มีทั้ง พอล ไบรท์เนอร์, ดีเตอร์ เฮอเนส, คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้, เคล้าส์ เอาเกนธาเลอร์ แต่ วิลล่า ได้ประตูชัยจาก ปีเตอร์ วิธ ในครึ่งหลัง คว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่

ทำให้ แอสตัน วิลล่า หวังว่า 26 พฤษภาคม จะเป็นวันดีสำหรับสโมสรอีกครั้ง