บางชาติประกาศตูมเดียว 23 ราย ชนิดที่มั่นใจว่า 23 อรหันต์นี้ คือชุดที่ดีที่สุดของพวกเขา

บางชาติยังมีตัวสแตนด์บาย ลองเรียกมาดูก่อนจะตัดสินใจอีกทีก่อนเส้นตายจะมาถึง

บางชาติเรียกมาชนิดที่เกินโควตาไปเป็น 10 แต่จะว่าไม่ได้เพราะตัวเลือกมันมีมาก โดยเฉพาะทาง อาร์เจนติน่า ที่ระดมแข้งมามากถึง 35 ราย ซึ่ง 12 รายจะต้องอกหักชมเพื่อนอยู่ที่บ้าน

ถือเป็นรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันไปของแต่ชาติ แต่ละกุนซือ เพราะพวกเขามองแล้วว่าวิธีนี้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดขแงพวกเขา

ทางด้าน เยอรมัน ที่จะเดินทางไป รัสเซีย ในฐานะแชมป์เก่า และเต็งแชมป์ของรายการ ก็ได้ประกาศรายชื่อออกมาเช่นกัน

27 นักเตะชุดแรกถูกระดมพลให้มารายงานตัวหลังจบศึกกับต้นสังกัด

บรรดาแกนหลักต่างถูกหมายเรียกมาครบ ไม่ว่าจะเป็น ... 

ผู้รักษาประตู : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น (บาร์เซโลน่า), แบร์นด์ เลโน่ (เลเวอร์คูเซ่น), เควิน ทรัปป์ (ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง), มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์น มิวนิค)

กองหลัง : เยโรม บัวเต็ง (บาเยิร์น มิวนิค), มัทธีอัส กินเทอร์ (มึนเช่นกลัดบัค), โยนาส เฮคเตอร์ (โคโลญจน์), มัทส์ ฮุมเมิลส์ (บาเยิร์น มิวนิค), โยชัว คิมมิก (บาเยิร์น มิวนิค), มาร์วิน แพลทเทนฮาร์ดท์ (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน), อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (เชลซี), นิคลาส ซือเล่ (บาเยิร์น มิวนิค), โยนาธาน ทาห์ (เลเวอร์คูเซ่น)

กองกลาง : โทนี่ โครส (เรอัล มาดริด), เมซุต โอซิล (อาร์เซน่อล), อิลคาย กุนโดกัน (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ซามี เคดิร่า (ยูเวนตุส), ยูเลียน บรันด์ท (เลเวอร์คูเซ่น), ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ (ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง), เลออน โกเรตซ์ก้า (ชาลเก้ 04), เซบาสเตียน รูดี้ (บาเยิร์น มิวนิค)

กองหน้า : มาริโอ โกเมซ (สตุ๊ตการ์ท), โธมัส มุลเลอร์ (บาเยิร์น มิวนิค), มาร์โก รอยส์ (ดอร์ทมุนด์), นีล พีเทอร์เซ่น (ไฟรบวร์ก), เลรอย ซาเน่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ทิโม แวร์เนอร์ (แอร์เบ ไลป์ซิก)

... นั่นคือโฉมหน้า 27 นักเตะ และจะมี 4 รายที่ไม่ได้ไปต่อต้องเก็บกระเป๋ากลับไปเป็นผู้ชมและกองเชียร์แทน

ไล่เรียงวิเคราะห์แต่ละจุด เริ่มตั้งแต่ผู้รักษาประตู ที่น่าสนใจคือ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูดีกรีมือ 1 แต่ปัญหาของเขาจริงๆคือสภาพความฟิตเพราะไม่ได้ลงสนามมานานกว่าครึ่งปี

แน่นอน แม้จะไม่ฟิตเต็มถังแต่ด้วยฝีไม้ลายมือทำให้ โยอาคิม เลิฟ มองข้ามไม่ได้และต้องเรียกมาดูสภาพก่อนจะตัดสินใจอีกที

แม้ว่าบรรดาแฟนบอลต่างไม่เชื่อน้ำยาว่า นอยเออร์ จะฟิตทันหรือกลับมาทำผลงานได้ดี แต่คนที่เชื่อใจในนักเตะรายนี้มากที่สุดคือ โยกี้ เลิฟ ที่ลึกๆแล้วเขายังคงหวังให้นายด่านรายนี้ฟิตทันเส้นตาย

หาก นอยเออร์ ฟิตทันและ เลิฟ พร้อมเสี่ยงที่จะหนีบไป รัสเซีย คนที่ต้องหลุดตำแหน่งคงหนีไม่พ้น เควิน ทรัพพ์ จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ที่ดูภาษีจะเป็นรองทั้ง มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น และ แบร์นด์ เลโน่

แนวรับเรียกมา 9 ราย ซึ่งน่าจะมีอย่างน้อย 1 คนที่โดนหั่นออกไป

ดูจากชื่อข้างต้นก็เป็นการยากเหลือเกินในการตัด เพราะแต่ละคนมีดีแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะในรูปแบบผลงานในฤดูกาลที่ผ่านมา, ประสบการณ์รายบุคคล รวมไปถึงความเข้ากันกับทีมชาติ

ที่ได้ไปแน่ๆ คงเป็น มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ กับ โยชัว คิมมิค สองแข้งจาก บาเยิร์น มิวนิค รวมไปถึง โยนาส เฮ็คเตอร์ ที่แม้จะตกชั้นไปพร้อม โคโลญจน์ แต่ผลงานในทีมชาติกลับออกมาแจ่มมาก

ที่เหลือก็ต้องลุ้นกันต่อไป แม้ว่าในราย เยโรม บัวเต็ง นั้นทุกคนคงคิดไม่ต่างกันว่ายังไงก็ได้ไปชัวร์ แต่อย่าลืมว่าฤดูกาลที่ผ่านมาแนวรับวัย 29 ปี ประสบปัญหาบาดเจ็บเยอะ และลงสนามไม่ต่อเนื่อง สิ่งนี้อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินสินของ เลิฟ ก็เป็นไปได้

ภาพจาก  DFL DEUTSCHE FUSSBALL LIGA

ขยับมาที่แดนกลาง มี 8 ราย และแน่นอนอาจจะมีอย่าง 1-2 รายที่โดนหั่นออกไป

ซามี เคดิร่า, โทนี่ โครส และ เมซุต เออซิล ได้ไปแน่นอน อ้อ! รวม เลออน โกเร็ทซ์ก้า ไปอีกราย ส่วนที่เหลือ 4รายต้องขับเคี่ยวแย่งกันในการซ้อมและเก็บตัวกับทีม

มาที่แดนหน้าดีกว่า เพราะน่าสนใจไม่น้อยกับการหั่นชื่อ ซานโดร ว้ากเนอร์ กับ มาริโอ เกิทเซ่ ออกจากทีม

เกิทเซ่ คือนักเตะที่เล่นในรอบคัดเลือกมากที่สุดของทีมด้วยจำนวน 323 นาที แถม ว้ากเนอร์ ก็ทำได้ 5 ประตูมากที่สุดในรอบคัดเลือกของทีมเช่นกัน (เท่ากับ โธมัส มุลเลอร์) แต่ทั้ง 2 กลับไม่อยู่ในรายชื่อ 27 คนที่เรียกมา

ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่น้อย 

ทีนี้เมื่อมาดูรายชื่อ กองหน้าตัวโป้งปิดบัญชีก็จะมี ทิโม แวร์เนอร์, มาริโอ โกเมซ และ นีลส์ พีเทอร์เซ่น ส่วน ลาร์ส ชตินเดิ้ล ที่ผลงายอดเยี่ยมกลับดวงแตกบาดเจ็บหนักอดไปเล่นรอบสุดท้าย

ส่วนที่เหลืออย่าง มาร์โก รอยส์, โธมัส มุลเลอร์ และ เลรอย ซาเน่ จะถูกถอยไปเป็นตัวทำเกมข้างหลังในระบบ 4-2-3-1

ดูจากชื่อชั้นแล้วคนที่น่าจะหลุดออกไปมากที่สุดคือ พีเทอร์เซ่น ของ ไฟร์บวร์ก เพราะชื่อชั้นดูจะเป็นรองคนอื่นๆ 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอลกังวลใจคือ รอยส์ นี่สิ เพราะหากเขายังซวยไม่เลิก ดวงแตกบาดเจ็บระหว่างเก็บตัว เหมือนในฟุตบอลโลก 2014 และ ยูโร 2016 อีกละก็คงไม่รู้จะเอ่นคำใดออก เพราะทุกๆคนทราบดีว่าสภาพร่างกายของนักเตะคนนี้เปราะบางมาก แม้ว่าฝีเท้าจะไม่ธรรมดาก็ตาม

นั่นคือโอกาสที่ไล่เรียงตามตำแหน่ง ซึ่งโอกาสในการเปลี่ยนยังคงมี และคนที่จะตัดสินใจในขั้นสุดท้ายคือ โยอาคิม เลิฟ

มองข้ามจุดนี้ไป สิ่งที่น่าสนใจในลำดับต่อมาคือแผนการเล่นของ อินทรีเหล็ก ยุค เวิลด์ คัพ 2018

โยอาคิม ชอบใช้แผนการเล่น 4-2-3-1 ซึ่งเขาใช้ระบบนี้ 7 ถึง 10 เกมในรอบแบ่งกลุ่มและสามารถเอาชนะได้ทุกเกม

สิ่งที่แตกต่างกันไปคือหน้าตาของนักเตะที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเมื่อไม่มี เกิทเซ่ ที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์เหมือนแต่ก่อน ทำให้ความหวังอาจจะตกไปอยู่กับ แวร์เนอร์ จาก แอร์เบ ไลป์ซิก

ภาพจาก  DFL DEUTSCHE FUSSBALL LIGA

รวมไปถึงแนวรุกทางซ้ายที่ต้องห้ำหั่นกันอย่างหนักทั้ง รอยส์, ซาเน่ และ ดรักซ์เลอร์ แม้ว่ารายหลังสุดจะได้ลงสนามมมากที่สุดในรอบคัดเลือก แต่ด้วยการที่ต้องตกเป็นตัวสำรองใน เปแอสเช แถม ซาเน่ และ รอยส์ มีผลงานที่ดี ทำให้ ดรักซ์เลอร์ อาจจะต้องนับจับเจ่ากับซุ้มม้านั่งไปก่อน

ที่เหลือถือว่าครบชุด

นอยเออร์ ในตำแหน่งผู้รักษาประตู (ถ้าฟิต) หรือ แทร์-ชเตเก้น  

แนวรับจากขวาไปซ้าย - คิมมิค ที่สลัดความสงสัยไปจากแฟนบอลถึงการเป็นตัวแทน ฟิลิปป์ ลาห์ม ในทางขวา ส่วนทางซ้าย เฮ็คเตอร์ รับสัมปทานไป คู่กลาง ฮุมเมิ่ลส์ ยืนพื้น ส่วนพาร์ทเนอร์นั้นเป็นไปได้หลายทางทั้ง บัวเต็ง (ถ้าฟิตเต็มถัง) หรือจะเป็น นิคลาส ซือเล่ กับ มาธีอัส กินเทอร์

แดนกลาง แน่นอนว่าหากไม่ เจ็บ, ป่วย หรือแบน เคดิร่า กับ โครส ได้ลง 100 เปอร์เซ็นต์

ขึ้นมาแนวรุกสามรายหลังกองหน้า โธมัส มุลเลอร์, เมซุต เออซิล ยืนพื้น ส่วนทางซ้ายก็อย่างที่เรียนไป ต้องแย่งกันถึง 3 ราย 

และหัวหอกโป้งปิดบัญชีคงไม่พ้นหน้าที่ แวร์เนอร์ 

อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งที่ โยกี้ เลิฟ ปรับระบบการเล่นตามความยืดหยุ่นในระบบ 3 เซ็นเตอร์แบ็ก

ในรอบคัดเลือกเองก็ใช้ถึง 3 เกม แม้ว่า 2 ใน 3 นั้นจะเป็นเจอกับทีมรองบ่อนอย่าง ซาน มารีโน่และ อาเซอร์ ไบจาน แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่า เลิฟ ได้ยึดติดกับระบบเดียวและสามารถพลิกผันตามสถานการณ์และนักเตะที่มี เพราะอย่าลืมว่าบ่อยครั้งในรายการใหญ่ๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันมักจะเกิดขึ้นได้เสมอ

วันเวลาใกล้งวดเข้ามาทุกที ขั้นตอนการเตรียมทีมต่างๆได้ถูกวางไว้แล้ว 

จาก 27 จะเหลือ 23 ที่ โยอาคิม เลิฟ จะพาเดินทางไปทำภารกิจป้องกันแชมป์

ในฐานะแชมป์เก่าและยอดทีมของโลก ไม่แปลกที่ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ เยอรมัน

โดยเฉพาะแฟนบอลอินทรีเหล็กที่คาดหวังกับทีมชุดนี้เอาไว้มากไม่ต่างไปจาก 4 ปีที่แล้ว